สุดยอดทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและเป็นมหาอุด

<< < (9/11) > >>

pnm:
อ้างจาก: vs12 ที่ 15 เมษายน  2555, 10:43:36

สภาพหลังยิง ซึ่งห่อด้วยกระดาษเช็ดหน้าและบรรจุใส่ซองพลาสติก แสดงทิศทางด้านกระสุนเข้า และกำลังจะออก แต่กระสุนกลับปักคาองค์พระที่แตกละเอียด เรียกว่าหยุดหัวกระสุนไว้ได้อย่างอัศจรรย์ที่สุด นี่นับเป็นเรื่องที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ พระเนื้อผงไหนเลยจะมีให้หัวกระสุนปักคาได้อย่างที่เห็น
ข้อมูล อำพล เจน

ดีปานได๋กะบ่ขอลองเด้อ 013 013

vs12:
เหรียญรุ่น 4 ไม่ทันหลวงปู่ เซียนพระเรียกว่า เหรียญตาย ผู้เป็นเจ้าของประสบการณ์นี้เป็นแม่ค้าเข็นรถขายของเลี้ยงชีพ ใครเลยจะนึกว่าวันฝนตกวันนั้น จะทำให้เธอเฉียดความตายอย่างไม่รู้ตัว คือขณะที่เธอกางร่มหลบ ฝนที่กำลังตกหนาเม็ดอยู่ที่รถเข็นนั้น  พลัน ฟ้าผ่าเปรี้ยง ลงกลางหลังคารถเข็น  อานุภาพของฟ้าผ่านั้นมีผลทำให้รถเข็นนั้นย่อยยับไปทันที แต่ผู้เป็นเจ้าของกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ กล้าประกาศได้ว่า เพราปาฏิหาริย์โดยแท้
ยกเอานามผู้เสกมาอรรถาธิบายปาฏิหาริย์นั้นจะพบความกระจ่าง  หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล คือนามนั้น


vs12:
?ยันต์วิรุฬจำบัง?
       หลวงพ่อคง วัดบางกระพร้อม ได้จัดสร้างขึ้นเป็นเสื้อจึงได้เรียกกันว่า ?เสื้อยันต์วิรุฬจำบัง? ให้กับลูกศิษย์ของท่านชื่อว่า แกละ เพื่อติดตัวไปเป็นทหารรับใช้ประเทศชาติ ต่อมาออกจากราชการทหาร กลายมาเป็นเสือแกละออกเที่ยวปล้นจนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองแม่กลอง ตำรวจได้ทราบแหล่งกบดานของเสือแกละจึงได้เข้าล้อมจับ และต่อสู้กัน หลายครั้งต่อหลายครั้งไม่สามารถเข้าจับกุมได้ เพราะเสือแกละได้ใช้เสื้อยันต์วิรุฬจำบังเดินฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างง่ายดายโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เห็นตัว
หลวงพ่อคง ท่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างเสื้อยันต์ให้กับเสือแกละ โดยมิได้ตั้งข้อห้าม หรือให้สัตย์สาบาน จึงได้เรียกเสือแกละมาพบ และสุดท้ายเสือแกละได้สาบานเลิกปล้น พร้อมกับคืนเสื้อยันต์ให้กับหลวงพ่อ เสื้อยันต์ที่สร้างขึ้นเป็นรุ่นแรก เป็นเสื้อกั๊กกำมะหยี่ดำ ด้านในเป็นผ้าสีขาว มีกระดุม ๕ เม็ด ต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น ลูกศิษย์จึงเกิดความต้องการมากไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นหลวงพ่อท่านจึงได้นำผ้าดิบหนาย้อมดำซับด้วยผ้าดิบขาว เพื่อให้พอต่อความต้องการ โดยได้นำเสื้อมาลงยันต์และเพิ่มยันต์เกราะแก้วว่า พุทธัง เพชรคงคัง อิมังพันธัอธิษฐามิ เข้าไปด้วยเพื่อกันระเบิด กระดุมเริ่มหายากจึงได้ใช้เชือกมัดแทน เสื้อนั้นจะมีเฉพาะสีขาวดำเท่านั้น และจะลงอักขระมีทั้งแบบหมึกและดินสอ  
       ยันต์วิรุฬจำบัง เป็นวิชาการบังกาย หายตัวได้อึดใจหนึ่ง คือเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน ให้กลั้นใจ แล้วว่าคาถา วิรุฬจำบัง ข้าศึกจะมองไม่เห็นทั้งตัวทั้งเงา ไปได้ชั่วอึดใจ ชั่วอึดใจหนึ่งนี้เขาไม่สามารถมองเห็นเราได้ นี่ก็คือการใช้พลังจิตอย่างหนึ่ง หลวงพ่อคงท่านได้ไปศึกษาวิชาการทำตะกรุดวิรุฬจำบัง จากหลวงพ่อปาน วัดโรงธรรม การที่นำเอาตัวละครในเรื่อง ?รามเกียรติ์? นำมาใช้เขียนยันต์ เชื่อว่าภาพนั้นจะมีพุทธคุณโดดเด่นเช่นเดียวกับตัวละคร มีเรื่องราวว่า วิรุฬจำบัง เป็นโอรสของพญาทูษณ์ กษัตริย์เมืองจารึก องค์ที่ 1 ของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา น้องชายร่วมบิดามาดาของทศกัณฐ์ วิรุฬจำบัง มีม้าทรงคู่ใจตัวดำปากแดงชื่อ นิลพาหุ ซึ่งสามารถหายตัวได้ทั้งตนและม้า วิรุฬจำบัง รับอาสาทศกัณฐ์ ยกทัพไปทำสงครามกับพระราม และพลวานรซึ่งมุ่งหน้ามาที่กรุงลงกาเพื่อทวงนาสีดาคืน โดยไปสมทบกับท้าวสัทธาสูร เจ้าเมืองอัสดง สหายอีกตนของ ทศกัณฐ์ ซึ่งต่อมาได้ถูกฆ่าตาย เมื่อวิรุฬจำบัง ไปรบ พลยักษ์ถูกพลวานรฆ่าตายหมด วิรุฬจำบัง ผู้เป็นแม่ทัพจึงร่ายเวทมนต์กำบังตัวเองและม้า เข้าไปสังหารฝ่ายวานรล้มตายจำนวนมาก  
       พระรามเห็นความไม่ชอบมาพากลจึงตรัสถาม พิเภก พิเภกจึงได้ตอบว่าขณะนี้ วิรุฬจำบัง ใช้เวทมนต์หายตัวเข้ามาในกองทัพ พิเภก ถวายคำแนะนำ ให้ พระราม แผลงศรไปฆ่าม้านิลพาหุเสีย เมื่อพระรามแผลงศรพรหมาสตร์ออกไปถูกม้าทรงของวิรุฬจำบังตาย วิรุฬจำบัง เห็นว่าสู้ไม่ได้จึงคิดหนี โดยร่ายเวทมนต์เสกผ้าโพกศีรษะเป็นหุ้นพยนต์ซึ่งมีรูปกายเหมือนตน แล้วหลบหนีไปจนพบนาง วานรินทร์ ที่ในถ้ำกลางป่า นางวานรินทร์ แนะให้ไปซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำที่นทีสีทันดร ฝ่ายพระรามทรงรู้กลศึก แผลงศรเป็นตาข่ายเพชรทำลายรูปนิมิต แล้วสั่งให้หนุมานติดตามไปสังหาร หนุมานติดตามจนมาจนได้พบกับ นางวานรินทร์ เข้าเกี้ยวพาราสี และทราบว่าเป็นนางฟ้าที่ทำผิดจึงได้ถูกสาป เนื่องจากมีหน้าที่รักษาประทีป แล้วปล่อยให้ประทีปดับ และจะพ้นคำสาปเมื่อได้พบทหารเอกของพระราม เมื่อนางวานรินทร์ บอกที่ซ่อนของวิรุฬจำบัง แล้วจึงถูกส่งกลับสวรรค์ หนุมานจึงตามไปสังหารวิรุฬจำบังได้สำเร็จ

vs12:
       จำเรียง ปางมณี" หรือ "เสือเรียง 5 นัด" แห่งบางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี น้อยคนจะไม่รู้จักเขาในฐานะที่เป็นจอมโจรขมังเวท ผู้ก่อคดีอย่างอุกอาจท้าทายกฎหมายบ้านเมือง โหดเหี้ยมไร้ความปรานีต่อเหยื่อ และรอดพ้นเงื้อมมือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปได้ราวกับปาฏิหาริย์ จอมโจรขมังเวทแห่งเมืองนนท์  เสือ เรียงใช้ปืนบาเร็ตต้าเป็นอาวุธประจำกาย ก่อนปล้นเขาจะยิงปืนขึ้นฟ้า 5 นัด เป็นการเบิกฤกษ์ และก่อนพาพวกถอยหนีก็จะยิงขึ้นฟ้าอีก 5 นัด จนได้รับการขนานนามในเวลาต่อมาว่า "เสือเรียง 5 นัด" พฤติกรรม โหดเหี้ยมไร้ความปรานีแม้เหยื่อจะยอมจำนนเช่นนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างตีพิมพ์ข่าวสร้างความหวาดผวาไปทั่วทุกหัวระแหงของ จ.ธนบุรี ร้อนถึง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เรียกตำรวจ 4 สน. ตามล่านอกจากความโหด เหี้ยมไร้ความปรานีปราศรัยแล้ว เสือเรียงยังขึ้นชื่อในด้านยิงปืนแม่นด้วย ตำรวจหลายนายออกมายืนยันบนหน้าหนังสือพิมพ์ถึงความแม่นยำใน การยิงปืน ปาฏิหาริย์ และเวทมนตร์คาถาของเสือเรียง หนักสุดถึงกับว่าหายตัวไปต่อหน้าต่อตาก็มี กระสุนปืนทำอะไรไม่ได้เลย
        สุดท้าย สิ้นลายด้วยปืนเจ้า พลตำรวจพุ่ม ทิมเจริญ ใช้อาวุธประจำกายเป็นปืนเล็กยาวบรรจุเองแบบ 66 ซึ่งคนสมัยเก่ารู้ดีว่าเป็นปืนโบราณหรือที่เรียกกันติดปากว่าปืนเจ้า เคยผ่านการทำพิธีรดน้ำพระพุทธมนต์หลวง หลังจากสั่งซื้อมาจากต่างประเทศในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ทำให้เชื่อกันว่าปืนชนิดนี้มีพลานุภาพ สามารถยิงทำลายขุนโจรที่มีคาถาอาคมของลงอักขระของขลังได้ชะงัดนัก สภาพ ศพเสือเรียงกำปืนบาเร็ตต้าคู่กายเอาไว้แน่น กระสุนอีกจำนวนมาก ข้างเอวปรากฏปืนออโตเมติกโคลท์ 9 มม. กระสุนเต็มแมกกาซีน บนผมเหน็บหวีอยู่ 1 อัน บริเวณคอแขวนพระเครื่องกว่า 20 องค์เป็นพวงใหญ่

     เสือจำเรียง ปางมณี

vs12:
 พลตำรวจพุ่ม ทิมเจริญ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว