middle spirit
|
 |
« ตอบ #825 เมื่อ: 01 กันยายน 2568, 07:05:24 » |
|
พุทธศาสนาสอนให้เข้าถึงใจ เห็นใจ รู้จักใจของตน ชำระที่ใจของตน ไม่ต้องไปวิ่งวุ่นมากมาย การที่จะชำระให้สะอาดหมดจด ต้องเอาตรงนี้ ชำระตรงนี้ พระธรรมเทศนาของ หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 กันยายน 2568, 07:07:12 โดย middle spirit »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #826 เมื่อ: 03 กันยายน 2568, 05:57:48 » |
|
พระพุทธเจ้าทรงสอนเบื้องต้นให้รู้จักยอมสละ จาคะสิ่งของที่มี จาคะต่อๆไปคือ การสละความชั่ว จาคะละเอียดไปกว่านั้นคือให้สละอารมณ์ที่พัวพัน เกี่ยวข้อง กระทั่งลงในปัจจุบัน อดีต อนาคต ก็ไม่ให้มี หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี จากหนังสือธรรมะเล่มที่๕๔
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #827 เมื่อ: 04 กันยายน 2568, 06:15:06 » |
|
.... อยู่ด้วยกันมากๆ หลายผู้หลายคน ถ้าหากว่าอยู่ด้วยความสงบ มันก็เย็น อยู่ด้วยความไม่สงบ ตาก็เป็นไฟ หูก็เป็นไฟ จมูก ลิ้น กาย และใจก็เป็นไฟ เป็นไฟด้วยกันทั้งหมด ไฟไหม้เจ้าของแล้วจึงค่อยไหม้คนอื่น เพราะเหตุว่าไฟไหม้ไม้แห้งหมดแล้วนั่นแหละ มันจึงค่อยลุกลามไปไหม้ไม้สด ฉันใดก็ฉันนั้น มันต้องไหม้ตัวเราเสียก่อน ให้เห็นโทษของมัน ถ้าหากไม่เห็นโทษ มันก็ไม่มีเวลาสงบได้ ในใจของเรามันมุ่งพุ่งเห็นโทษคนอื่น ไม่เห็นโทษตัวเอง ก็เลยเป็นไฟเผาผลาญซึ่งกันและกัน อย่างที่ท่านว่า ตาเป็นไฟ ถ้าหากว่าเห็นโทษเกิดขึ้นที่ใจของเราแล้วว่า ไฟมันเกิดในที่นี้ของใครของมัน คนอื่นก็ของคนอื่น ก็หมดเรื่องกันระงับตัวเองแล้วก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าทรงเทศนาว่า ราคัคฺคินา โทสัคฺคินา โมหัคฺคินา ความหมายว่า ราคะ โทสะ โมหะ เป็นไฟ ราคะ โมหะ โทสะ เกิดขึ้นก็ร้อนตั้งแต่ทีแรกนั่น ที่ตัวของเราเกิดความร้อนขึ้นแล้ว มันค่อยลุกลามไปหาคนอื่น ให้เห็นใจของตนทุกๆ คน เพ่งพิจารณาตัวของเรา ที่มันเกิดวับแวบขึ้นมาครั้งแรกนั้น มันเกิดราคะ มันเกิดโทสะ มันเกิดโมหะ ขึ้นมาตั้งแต่ทีแรก ให้ระงับเสียในเบื้องต้น ถ้าต่างคนต่างระงับ อยู่มากคนก็เป็นสุข กี่ร้อยกี่พันคนก็เป็นสุข ถ้าหากไม่ระงับ อยู่คนเดียวก็เป็นทุกข์ ไม่ต้องหาเพื่อนถึงสองคนละ ของทั้งหลายเหล่านี้มันเป็นของร้อน เผาตัวของเราอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ไม่ยอมสละปล่อยทุกข์หรอก เรียกว่าตกนรกทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะไม่เห็น ถ้าเห็นเช่นนี้แล้ว พึงปล่อยวางเสีย เอานรกนั่นมาเปลี่ยนแปลงให้เป็นสวรรค์ เมื่อเกิดราคะขึ้น สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็ให้รู้จักรู้เรื่องของมัน จะระงับดับมันไป โทสะเกิดขึ้น ก็พิจารณาเหตุผลของมัน จนระงับดับไป โมหะเกิดขึ้นก็ให้ระงับ ให้พิจารณาเหตุผล แล้วก็ระงับดับไป โอวาทธรรม "หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี" วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #828 เมื่อ: 05 กันยายน 2568, 06:01:00 » |
|
ทำทานภายใน คือ จาคะอารมณ์ ที่มันขุ่นมัวอยู่ในใจ จาคะให้หมด แล้วไม่มีกังวลเกี่ยวข้อง หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี จากหนังสือธรรมะเล่มที่๑๗
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #829 เมื่อ: 06 กันยายน 2568, 06:50:26 » |
|
#ทำดีได้ดี เราทำดีแล้วความดีของเราย่อมไม่หนีไปไหน เราเป็นตัวของเองอยู่ดีๆ นั่นแหละ คนอื่นให้ก็เป็นการส่งเสริมความดีอย่างหนึ่ง เขาไม่ให้ ความดีนั้นก็เป็นเราอยู่ดีๆ นั่นเอง ถ้าพิจารณาได้อย่างนี้ ก็จะเป็นความดีของเราขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ถ้าไปคิดว่า เราทำดีแล้วเขาไม่ให้ความดีแก่เรา เลยโกรธ คิดน้อยใจ เกิดอิจฉาริษยาอาฆาตพยาบาทแก่เขา เลยสร้างกิเลสขึ้นมาใหญ่โต กิเลสสร้างกิเลสขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง แทนที่จะชำระ เลยสะสมให้พอกพูนขึ้นมา กิเลสคือความเศร้าหมองของใจ
เราเห็นง่าย ความเศร้าหมองที่เห็นง่ายๆ คือ ความโกรธ กลุ้มใจ ทำให้มืดมิดปิดไม่ให้เห็นความดีของตนและคนอื่น เขาจะดีสักเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเห็น ไม่ยอมรู้ อันนั้นกิเลสปกปิดไว้ คือ ปิดใจของเรา หุ้มห่อใจของเรา ปัญญาของเรา ไม่ให้เห็นเรื่องความดีของคนอื่นและสิ่งอื่น จากพระธรรมเทศนาเรื่อง กิเลส โดยหลวงปู่เทสก์ เทสรํสี วันที่ 17 กุมภาพันธุ์ 2520 ณ วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #830 เมื่อ: 07 กันยายน 2568, 07:09:04 » |
|
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า คนเรานั้นร้อนตั้งแต่ต้น จนกระทั่งถึงที่สุด ร้อนเพราะราคะ เพราะโทสะ เพราะโมหะ ร้อนที่ตัวของเรานี่เอง ร้อนจนไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่น หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี จากหนังสือธรรมะเล่มที่๔
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #831 เมื่อ: 08 กันยายน 2568, 06:00:22 » |
|
ความจริงนั้นพระพุทธศาสนาเป็นประทีปสำหรับ ส่องสว่างดวงใจของเราที่มืดมิดปกปิดด้วยกิเลส ให้ใสสว่างแจ่มจ้า แต่ด้วยเหตุที่เราฟังธรรมเหมือน หม้อคว่ำเลยไม่ว่างแจ่มจ้าขึ้นมา หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี จากหนังสือธรรมะเล่มที่๕๔
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #832 เมื่อ: 09 กันยายน 2568, 06:55:12 » |
|
ใจ ที่หยุด ไม่คิดนึกปรุงแต่ง มันลงถึงความดับ มันจึงปลอดโปร่ง โล่งหมด ไม่คับแคบ ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย มีอิสระในตัว ไม่มีอะไรบังคับ หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี จากหนังสือธรรมะเล่มที่๒๕
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กันยายน 2568, 06:58:20 โดย middle spirit »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #833 เมื่อ: 10 กันยายน 2568, 11:58:58 » |
|
#นิพพาน "...มรรคผลนิพพานไม่ใช่อื่นไกล คือผู้มาชำระใจของตนให้บริสุทธิ์ด้วยปัญญาอันชอบแล้ว มองเห็นโลกตามสภาพความเป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบนั้น แล้วไม่เข้าไปยึดถือในโลกทั้งปวง จะเรียกว่ามรรคผลนิพพาน หรืออะไรก็ตาม คนต่างหากเสื่อมสูญจากมรรคผลนิพพาน ก็เท่านั้น เพราะไม่ปฏิบัติให้เข้าถึงตรงนั้น พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ก็ไม่ได้เอามรรคผลนิพพานมาจากที่อื่น ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้เอามาจากที่อื่นเลย สัพพัญญุตญาณมารู้ของจริงก็ของในโลกนี้ทั้งนั้น รู้ด้วยพระองค์เองจึงเรียกว่าสัพพัญญุตญาณ..." คติธรรมคำสอน หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #834 เมื่อ: 12 กันยายน 2568, 06:37:11 » |
|
ต่างคนต่างชำระใจ ของใครของมัน ก็หมดเรื่องกันไป แต่นี้ไม่ยอมชำระตน ไปชำระคนอื่น มันก็เลยยุ่ง หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๔
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #835 เมื่อ: 13 กันยายน 2568, 06:20:52 » |
|
เห็นใจของเรานั่นแหละ เป็นของสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเห็นใจของเรานี้ เป็นของเลิศประเสริฐ เป็นสิ่งที่ให้รู้จักเรื่องของตน ถ้าไม่เห็นใจของตนแล้ว ทำดี ทำชั่ว ก็ไม่รู้ทั้งนั้น หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๙
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #836 เมื่อ: 15 กันยายน 2568, 06:21:43 » |
|
เมื่อทำทาน รักษาศีลภาวนาแล้ว จิตใจก็เบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจก็ผ่องใสบริสุทธิ์มีสติตั้งมั่น อยู่ตลอดเวลาเรียกว่า รวบรวม เอาบันไดทั้ง3ขั้นมาไว้ในตัวของเรา ครบบริบูรณ์แล้ว หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
middle spirit
|
 |
« ตอบ #837 เมื่อ: วันนี้ เวลา 05:53:04 » |
|
กายสงบ จิตไม่สงบ มันก็ยังเป็นทุกข์อยู่ กายสงบ จิตสงบ เป็นความสุขอย่างยิ่ง หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี จากหนังสือธรรมะเล่มที่๗๔
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|