พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) ?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
09 สิงหาคม 2568, 21:12:13 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 ... 52 53 [54]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี )  (อ่าน 979946 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #795 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2568, 05:36:43 »

สติปัญญาที่เกิดจากการฝึกฝนอบรม
พิจารณาตัวเองนี้ เปรียบเหมือนของที่มีคม
สามารถตัดกิเลสตัณหา
ให้ขาดไปได้เป็นชั้นๆ ถ้าเรามีสมาธิมั่นคงก็ตัดได้

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๗


* restor (285)-3 copy 2.jpg (467.98 KB, 700x1050 - ดู 144 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #796 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2568, 06:12:13 »

กระทบแต่ก็ไม่เข้าถึงใจ
เราจับหลักอันนั้นได้
แน่วแน่อยู่ในหลักอันนั้น
เชื่อมั่นอยู่ในหลักอันนั้น
ตั้งอยู่อันนั้นแหละ
เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์อย่างแน่นอน

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๒


* restora1 copy 3 (2)-3 copy 2.jpg (431.64 KB, 700x1080 - ดู 136 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #797 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2568, 05:34:09 »

การสร้างคุณงามความดี ค่อยเก็บเล็กผสมน้อย
จะทำให้ค่อยมากมูลเพิ่มพูนขึ้นมา จนเป็นคนไม่จน

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๕๑


* restroอุโบสถ (44) copy2 copy 2(700)-5 copy.jpg (453.27 KB, 700x1060 - ดู 126 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #798 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2568, 05:44:13 »


พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสว่า ธรรมอย่างยิ่งทั้ง ๔ อย่างนี้เราได้ทำมาแล้ว
ซึ่งไม่มีใครจะทำได้เหมือนเรา แต่ก็ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ได้

ธรรม ๔ อย่างเป็นไฉน
ธรรม ๔ อย่าง คือ
เกลียดอย่างยิ่ง ๑
กลัวอย่างยิ่ง ๑
ระวังอย่างยิ่ง ๑
ตบะอย่างยิ่ง ๑
เกลียดอย่างยิ่งเป็นไฉน คือ
           เห็นร่างกายของตนและของคนอื่นเป็นของน่าเกลียด
           และทุกข์ทั้งหลายในโลกนี้เป็นของน่าเบื่อหน่ายแทบจะอยู่ไม่ได้เสียเลย
           นั่นเรียกว่า เห็นหน้าเดียว
           คนทั้งโลกพร้อมด้วยตัวของเราทำไม่จึงอยู่มาได้จนบัดนี้ เขาโง่หรือตัวเราโง่
           ท่านผู้รู้ทั้งหลายเห็นสภาพตามความเป็นจริงแล้วเกิดสลดสังเวชเบื่อหน่าย
            ถอนความยินดีในโลกด้วยอุบายแยบคายอันชอบแล้ว
กลัวอย่างยิ่งเป็นไฉน คือ
            กลัวบาปอกุศลแม้แต่อาบัติเล็กๆ น้อยๆ ก็กลัวเป็นต้นว่า
            จะยกย่างเดินเหินไปมาที่ไหนก็กลัวจะไปเหยียบมดและตัวแมลงต่างๆ ให้ตายเป็นอาบัติ นั่นเรียกว่า ระวังส่งออกไปนอก
            พระวินัยท่านสอนให้ระวังที่ใจถ้าไม่มีเจตนาแกล้งทำให้ล่วงเกินก็ไม่เป็นอาบัติ
ระวังอย่างยิ่งเป็นไฉน คือ สังวรกาย วาจา ใจ ไม่ให้เกิดกิเลสบาปอกุศลทั้งหลาย
            ซึ่งมันล่องลอยมาตาม อายตนะทั้ง ๖ นี้
            ระวังจนไม่ให้เห็น ไม่ให้ได้ยินสิ่งต่างๆ จนเข้าไปอยู่ในป่าคนเดียว
            เวลาเข้าไปบิณฑบาตในบ้านก็เอาตาลปัตรบังหน้าไว้ กลัวมันจะเห็นคน
            อย่างนี้เขาเรียกว่า ลิงหลอกเจ้า
            กิเลสมันไม่ได้เกิดขึ้นที่อายตนะ แต่มันจะเกิดที่ใจต่างหาก
            ขอโทษเถิด คนตายแล้วให้ผู้หญิงคนสวยๆ ไปนอนด้วย มันก็นิ่งเฉย
            ผู้หญิงที่ไปนอนกลับกลัวเสียอีก
ตบะอย่างยิ่งเป็นไฉน คือ
            นักพรตที่ทำความเพียรเร่งบำเพ็ญตบะธรรมที่จะให้พ้นจากทุกข์ในเดี๋ยวนั้น
            ทำความเพียรตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ไม่คิดถึงชีวิตชีวาเลย
            เหมือนกับกิเลสมันเป็นตัวเป็นตนวิ่งจับผูกเอามาได้ฉะนั้น
            แท้จริงกิเลสมันวิ่งเข้ามาซุกอยู่ในความเพียร
            (คือ ความอยากพ้นจากทุกข์) นั่นเอง ไม่รู้ตัวมัน
             ความอยากทำให้ใจขุ่นมัว น้ำขุ่นทำให้ไม่เห็นตัวปลา
             ถึงแม้น้ำใสแต่ยังกระเพื่อมอยู่ก็ไม่เห็นตัวปลาเหมือนกัน
ความเกลียด ความกลัว ความระวัง และตบะ
             อย่างยิ่งทั้ง ๔ อย่างนี้ พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญมาแล้ว
             พระองค์ทรงเห็นว่าไม่เป็นไปเพื่อพ้นจากทุกข์ทั้งปวง จึงละเสีย
            แล้วทรงปฏิบัติทางสายกลางจึงทรงสำเร็จพระโพธิญาณ

จากหนังสือ ปุจฉาวิสัชชนาในประเทศ
โดย พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรํสี)
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


* restor (420)-3 copy 2(900).jpg (377.62 KB, 900x605 - ดู 122 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #799 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2568, 05:49:28 »

ตัวจิตหรือตัวใจอันนี้แหละไม่มีตนมีตัว
ถ้าเรารู้เรื่องจิตเรื่องใจเสียแล้ว มันง่ายนิดเดียว
ฝึกหัดปฏิบัติกัมมัฏฐานก็เพื่อชำระใจ
หรือต่อสู้กับกิเลสของใจนี้ ถ้าไม่เห็นจิตหรือใจแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะไปต่อสู้กับกิเลสตรงไหน เพราะกิเลสเกิดที่ใจ สงครามไม่มีสนามเพลาะ ไม่ทราบว่าจะรบอย่างไรกัน ต้องมีสนามเพลาะสำหรับยึดไว้เป็นที่ป้องกันข้าศึก มันจึงค่อยรู้จักรบ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ ขอให้พากันพิจารณาทุกคน ๆ เรื่องใจของตน เวลานี้เราเห็นใจแล้วหรือยัง ใจหรือจิตของเรานั้นมันอยู่ที่ไหน มีอาการอย่างไร

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย


* bu9 copy 2_0-3 copy 2.jpg (480.61 KB, 700x1037 - ดู 119 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #800 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2568, 04:55:21 »

คนที่จะพ้นจากทุกข์ได้ พ้นจากโลกนี้ได้ พ้นจากกรรมได้ ก็เพราะใจอันเดียว
จงยึดใจถือใจ เป็นสำคัญ
จะมาเกิดก็เพราะใจ
เกิดแล้วจะมาสร้างกิเลสขึ้นก็เพราะใจ
เป็นทุกข์ก็เพราะใจ
ถ้าใจไม่เป็นทุกข์ ใจไม่ยึดถือ ปล่อยทิ้งเสีย
กายอันนี้ก็ไปตามเรื่องของกาย
ใจก็เป็นตามเรื่องของใจ หมดเรื่องหมดราวกันที

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี



* restor (528) copy-6 copy.jpg (436.44 KB, 678x1059 - ดู 121 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #801 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 05:46:03 »

"..บางคนบอกว่า ไม่เห็นทุกข์ อยู่กับทุกข์ ทุกวันทุกคืน ไม่เห็นอย่างไร ?
ทำไมจึงไม่พิจารณา
ยืน เดิน นั่ง นอน เปลี่ยนอิริยาบถ ก็ล้วนแต่เปลี่ยนเพื่อระงับทุกข์
การอยู่ การกิน การนอน ก็ล้วนแล้วแต่เพื่อระงับทุกข์ทั้งนั้น
การเจ็บการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียกว่า เวทนา มันมีอยู่ประจำ
ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ เป็นหนาว ด้วยอาการต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เรื่องทุกข์ทั้งนั้น ครั้นพิจารณาลงอันเดียวมันเห็น
เห็นในตัวของเรานี่แหละ ไม่ต้องไปพิจารณาที่อื่น อย่างนั้นจึงเป็นกัมมัฏฐานแท้.."

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
พระธรรมเทศนาเรื่อง การพิจารณากัมมัฏฐาน


* restor7.ลป.2518-22 copy 2-6 copy 2(700).jpg (487.84 KB, 700x1015 - ดู 106 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #802 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2568, 05:59:50 »

ทำให้มาก เจริญให้ยิ่ง
ผู้ชำนาญในวสีห้านี้ ฌาน-สมาธิของผู้นั้นจะไม่มีเสื่อมเลย พระพุทธองค์จึงทรงตรัสย้ำว่า “ภาวิตา พหุลีกตา อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ” แปลว่า ท่านทั้งหลายจงทำให้มาก เจริญให้ยิ่ง จึงจะเป็นไปเพื่อความตรัสรู้ เพื่อความดับทุกข์ดังนี้ คือพระองค์ประสงค์ว่า ทั้งผู้ที่กำลังเจริญอยู่ก็ดีหรือผู้ที่เจริญเป็นไปแล้วก็ดีในกรรมฐานหรือฌาน-สมาธิ-วิปัสสนาใดๆ ก็ตาม ไม่ให้ประมาท จงพากันเจริญอยู่เสมอๆ เพราะสิ่งที่จะยั่วยวนชวนให้เราหลงใหล มีอยู่รอบตัวในตัวของเรานี้ตลอดกาล
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า ตัวของเราทั้งหมดพร้อมด้วยสิ่งแวดล้อม ตกอยู่ในภายใต้ของกามคุณห้า จะทำอย่างไรๆ ก็เอาชนะมันไม่ได้ ไปไม่พ้นแล้ว ผู้นั้นชื่อว่า “เป็นผู้ยอมแพ้แล้ว (ตั้ง)แต่ยังไม่ทัน ออกสู่สนาม”
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า การรักษาอายตนะทั้ง ๖ เป็นการยุ่งยากลำบากมาก ผู้นั้นได้ชื่อว่า “กำลังต่อสู้กับข้าศึกอยู่ ชัยชนะมอบไว้ให้แก่กาลเวลาในอนาคต”
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า อายตนะทั้ง ๖ เรารู้เท่าเข้าใจตามความเป็นจริงแล้ว อารมณ์ทั้ง ๖ เราเอาชนะมันได้แล้ว ผู้นั้น ได้ชื่อว่า “ใกล้อวสานแห่งการแพ้ต่อข้าศึกอยู่แล้ว ความหายนะ กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เข้า ทุกวินาที”

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
ที่มา ธาตุ-ขันธ์-อายตนะ สัมพันธ์



* restor (626)-8 copy 2(900).jpg (332.97 KB, 900x625 - ดู 87 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
middle spirit
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1071

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 26 : Exp 58%
HP: 64.4%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #803 เมื่อ: วันนี้ เวลา 05:51:18 »

"รู้อะไรไม่เท่า รู้ใจของตนเอง"

"  การอบรมภาวนานั้นหมายความว่า "ทำใจของตนให้เป็นอารมณ์อันเดียวอยู่ในจุดเดียว ให้รู้ใจของตนว่า คิดดีคิดชั่วหยาบและละเอียดอยู่ตลอดเวลา"
ยืน เดิน นั่ง นอน คิดดีก็พยายามประครองอารมณ์นั้นไว้ให้เกิดปิติอิ่มใจ
"คิดชั่วก็พยายามละทิ้ง อย่าให้ติดอยู่กับใจ" ทำความรู้เรื่องของใจเท่านี้เป็นพอ "
ไม่ไปรู้เรื่องอื่น เรื่องอื่นของคนอื่นไม่ใช่เรื่องของเรา" ถ้าเราเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วจะทำให้เราไม่ได้ภาวนา คือหัดทำความสงบของใจ "รู้ใจของตนอยู่เสมอว่า คิดดีคิดชั่วหยาบและละเอียดทุกอิริยาบถ" ไม่ต้องอยากรู้โน่นนี่ต่าง ๆ นานา มันไม่เป็นภาวนาเสียแล้ว
"รู้อะไรไม่เท่ารู้ใจของตนเอง" หากมันจะรู้ก็ให้มันเกิดเองเป็นของมันเอง จะไปคิดปรุงแต่งให้มันเกิดขึ้นมาใช้ไม่ได้ เมื่อมันเกิดขึ้นก็จงรักษาสติคุมใจให้อยู่ก็แล้วกัน .. "

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี


* 16.restor (2)-9 copy 2.jpg (541.62 KB, 800x1040 - ดู 37 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 52 53 [54]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!