ฟังก่อนท่านทั้งหลาย ฟังบรรยายเป็นคำกลอน....... ?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
29 เมษายน 2567, 06:53:02 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟังก่อนท่านทั้งหลาย ฟังบรรยายเป็นคำกลอน.......  (อ่าน 37796 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เต้ อุบล
พุทธศาสนิกชน ฅนรักษ์ธรรมะ
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 634
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 982

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 25 : Exp 44%
HP: 0%



อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี

sabayd8861@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: 24 ตุลาคม 2554, 22:50:16 »

สรภัญญ์หรือสารภัญญะหรือสรภัญญะ

สรภัญญ์หรือสารภัญญะหรือสรภัญญะ

สรภัญญ์ (สะ-ระ-พัน หรือ สอ-ระ-พัน) หรือ สารภัญญะ (สา-ระ-พัน-ยะ) หรือ ?สรภัญญะ? (สอ-ระ-พัน-ยะ) สามารถออกเสียงได้ทั้งสี่แบบ และถือว่าถูกต้องตามความนิยมของแต่ละท้องถิ่น เป็นบทสวดประเภทหนึ่งที่อุบาสกและอุบาสิกาในภาคอีสานนิยมสวดกันในวันอุโบสถศีล (วันพระ) หรือบางครั้งก็นำมาสวดประชันกันว่าคณะสวดหมู่บ้านใดจะสวดได้ไพเราะ และบทสวดใครจะมีคารมคมคายกว่ากัน การสวดสรภัญญ์นี้ภาษาถิ่นอีสานเรียกว่า ? ฮ้องสรภัญญ์ ?

? สรภัญญ์ ? เป็นการสวดมนต์ในทำนองสังโยค คือ การสวด เป็นจังหวะหยุดตามรูปประโยคฉันทลักษณ์ บทสวดจะมีลักษณะเป็นฉันท์หรือกาพย์ก็ได้ แต่ที่นิยมกันมากคือ กาพย์ยานี สำหรับเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับศาสนา บาปบุญคุณโทษ นิทานชาดก นอกจากนั้น ก็ยังมีการแต่งกลอนเน้นไปทางศิลปวัฒนธรรม เช่น กลอนถามข่าว โอภาปราศัย ชักชวนให้ไปเยี่ยม การลา หรือไม่ก็อาจจะเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นของอีสาน อาทิ เรื่องกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เป็นต้น บทสวดสรภัญญ์มักไม่เน้นในเรื่องความรักหรือการเกี้ยวพาราสีของคนทั่วไป เพราะการสวดสรภัญญ์นั้นเกี่ยวข้องกับทางศาสนา และผู้ฝึกสอนเป็นพระภิกษุ จึงไม่ให้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก แต่อาจจะมีบางเรื่องเช่น ตอนนางยโสธราพิมพาอาลัยอาวรณ์เจ้าชายสิทธัตถะที่หนีออกบวช ที่แสดงความรัก

สำหรับการสวดสรภัญญ์ในเมืองไทยนั้นมีการสวดมานานแล้ว ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๔ แต่การสวดในยุคนั้นนิยมสวดเป็นภาษาบาลี และมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาโดยตรง ไม่มีเรื่องแต่งใหม่เป็นคำไทย ผู้ที่สวดจึงมักเป็นพระสงฆ์ และอุบาสกอุบาสิกาที่อ่านภาษาบาลีได้คล่องแคล่ว เมื่อการสวดสรภัญญ์ได้รับความนิยมมากขึ้น ปราชญ์ทางพุทธศาสนาจึงได้แต่งคำสวดเป็นภาษาไทย ให้อุบาสกอุบาสิกาและแม่ชีใช้สวดในวัด เช่น สวดทำวัตร เนื้อหาก็จะได้จากกระทู้ธรรมในพุทธศาสนสุภาษิต และธรรมบท

ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่สามารถสืบทราบได้ว่ามีการสวดสรภัญญ์ตั้งแต่เมื่อใด

ปัจจุบันการสวดสรภัญญ์ของพี่น้องชาวภาคอีสานนั้น นิยมสวดกันในงานศพ งานทอดผ้าป่า งานกฐิน งานทอดเทียน งานกวนข้าวทิพย์ และในกิจกรรมวันธรรมสวนะ (วันพระ) ส่วนภาคกลางนั้นนิยมร้องในงานศพ เช่นเดียวกับการสวดพระอภิธรรม

การสวดสรภัญญ์ของภาคอีสานนี้ เทียบกับ ภาคกลาง ก็คือ สวดโอ้เอ้วิหารราย ส่วน ภาคเหนือ จะเรียกการสวดแบบนี้ว่า อื่อระนำ จ๊อยทำนองธรรม และ ภาคใต้ เรียก สวดค้าน จุดมุ่งหมายของการสวดไม่ว่าจะของภูมิภาคใดก็ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันคือ การเผยแพร่ธรรมะ ดังนั้น เนื้อหาที่ใช้สวดจึงมักให้คติธรรม เช่น เรื่องเวสสันดรชาดก และชาดกต่างๆ

การสวดสรภัญญ์มีรูปแบบการสวด ตามลำดับการขับสรภัญญ์เป็นกลุ่มของกลอนดังนี้

๑. กลอนเตรียมตัว จะกล่าวถึงการเตรียมตัวกราบไหว้พระรัตนตรัย เนื่องจากธรรมเนียมของชาวพุทธก่อนจะทำสิ่งใดจะต้องไหว้พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ก่อนเป็นอันดับแรก กลอนนี้จึงเสมือนกลอนนมัสการหรือไหว้ครูนั่นเอง

๒. กลอนบูชาดอกไม้ กลอนบทนี้แสดงให้เห็นถึงการบูชาดอกไม้ที่ทุกคนเตรียมมาและถืออยู่ในมือแล้ว หรือบางทีก็วางไว้ที่ขันกะหย่องตอนกราบพระครั้งแรก การบูชาด้วยดอกไม้ของหอมถือว่าเป็นอามิสบูชา เป็นการบูชาเบื้องต้นที่ศาสนิกชนควรจะทำ

๓. กลอนไหว้คุณครูบาอาจารย์ นอกจากไหว้พระรัตนตรัยแล้ว สิ่งที่ควรรำลึกต่อไปก็คือ ครูอาจารย์

๔. กลอนเดินทาง เป็นกลอนพรรณนาการเดินทางมาร้องสรภัญญ์ กลอนนี้เป็นการสะท้อนภาพชนบท ที่นักร้องสรภัญญ์ได้เดินทางจากบ้านของตนเองบุกป่าฝ่าดงมายังสถานที่ร้องสรภัญญ์

๕. กลอนปัญญาน้อย เป็นกลอนแสดงการถ่อมตนไม่โอ้อวด ให้เกียรติผู้อื่น

๖. กลอนให้รักษาศีล เป็นการเริ่มกลอนที่เป็นเนื้อหาสาระของจริยธรรม คือว่าด้วยเรื่องทาน ศีล ภาวนา

๗. กลอนพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เป็นกลอนที่กล่าวถึงเนื้อหาของพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ว่ามีอยู่กี่ประการ

๘. กลอนสังขารไม่เที่ยง เป็นกลอนที่กล่าวถึงสภาวธรรม คือความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสังขาร เพื่อเตือนนิกรชนให้สำนึกอย่าประมาท

๙. กลอนนรก-สวรรค์ เป็นกลอนที่ว่าด้วยนรก ซึ่งเป็นปลายทางของคนบาป และสวรรค์ซึ่งเป็นอานิสงส์ของคนบุญ

๑๐. กลอนคุณบิดาคุณมารดา เป็นกลอนที่เสริมด้านคุณธรรม เป็นการแสดงคุณบิดามารดา และชี้นำให้รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ ที่เรียกว่า ? กตัญญูกตเวที ?

๑๑. กลอนลาและอวยพร เป็นกลอนส่งท้าย ผู้ร้องสรภัญญ์จะบอกลาพระสงฆ์และผู้ฟังทุกคน แล้วอวยพรให้มีความสุข อยู่ดี มีแฮง (มีแรง)

คุณประโยชน์ของการสวดสรภัญญ์ นอกจากจะทำให้ผู้ที่สวดได้เข้ามาใกล้ชิดพระศาสนาตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว ในบทสวดยังเป็นบทกลอนที่เป็นประโยชน์ เช่น กลอนบูชาครู กลอนบูชาดอกไม้ กลอนศีล กลอนพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ กลอนบูชาคุณบิดร มารดา ซึ่งล้วนแต่บ่งบอกถึงการรู้คุณ กตัญญู รู้จักการขออภัย ให้อภัย รู้จักความดีความชั่ว ซึ่งเป็นยอดแห่งมนุษยจริยธรรมทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีการนำเอาวรรณคดีท้องถิ่นของภาคอีสานมาแต่งเป็นกลอน จึงทำให้ผู้ฟังได้รู้เรื่องนิทานพื้นบ้านต่างๆ ซึ่งเป็นนิทานที่มีคติสอนใจ จึงเป็นการสืบสานไม่ให้นิทานพื้นบ้านต้องสูญหายไปกับกาลเวลา

ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่ชาวอีสานได้ร่วมใจกันสืบสานการสวดสรภัญญ์ให้คงอยู่ ด้วยการสวดในกิจกรรมวันธรรมสวนะและงานบุญต่างๆ รวมไปถึงได้จัดให้มีการประกวดสวดสรภัญญ์กันอยู่เสมอ มีการแข่งขันตั้งแต่ระดับตำบลจนถึงระดับภาค นอกจากนั้นแล้ว ยังได้ถ่ายทอดให้กับเยาวชนโดยการบรรจุอยู่ในเรียนการสอนวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นในโรงเรียนต่างๆ ของภาคอีสานอีกด้วย จึงเชื่อได้ว่าการสวดสรภัญญ์อันเป็นอีกหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมนี้จะยังคงอยู่คู่กับชาวอีสานต่อไป ตราบนานเท่านาน


* 100_3902.jpg (214.32 KB, 640x480 - ดู 18112 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
เต้ อุบล
พุทธศาสนิกชน ฅนรักษ์ธรรมะ
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 634
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 982

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 25 : Exp 44%
HP: 0%



อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี

sabayd8861@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2554, 22:51:47 »

กลอนออกพรรษา

สิบนิ้วประนมกร    ลูกขอวอนกล่าวอำลา
ถึงวันออกพรรษา    เป็นสัญญาพ้นสามเดือน
เชิญชวนเหล่าชาวพุทธ    มาร่วมจุดธูปบูชา
เวียนเทียนขอขมา    องค์สัมมาตามทำนอง
รับศีลและกินทาน    ร่วมสืบสานประเพณี
รักษากายวจี    ฟังหลวงพี่แสดงธรรม
สิ่งใดหากล่วงเกิน    หรือขาดเขินโปรดอภัย
บางครั้งเผลอทำไป    ไม่ตั้งใจขอขมา
คารวะพระสงฆ์เณร    อย่ามีเวรหรือโกธา
ร่วมบุญโมทนา    ให้กายาอยู่เป็นสุข
เทพไท้โปรดอวยพร    อย่าจากจรให้เป็นกรรม
ร่วมบุญประพฤติธรรม    ทุก ๆ ค่ำมีสุขเทอญ...ฯ

บันทึกการเข้า
เต้ อุบล
พุทธศาสนิกชน ฅนรักษ์ธรรมะ
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 634
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 982

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 25 : Exp 44%
HP: 0%



อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี

sabayd8861@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2554, 22:55:40 »

:gกลอนก่องข้าวน้อยฆ่าแม่:g

(ขึ้น)บัดนี้จะได้กล่าวประวัติเรื่องราวก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
(รับ)ในสมัยแต่โบราณ    ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านตาดทอง
บ้านนั้นมีอาชีพทำนา    จะกล่าวถึงลูกกำพร้าที่ชื่อว่าเจ้าทอง
เดือนหกฝนตกน้ำนอง    จะกล่าวถึงเจ้าทองพาควายไปไถนา
เจ้าทองทำนาถ้าแม่    วันนั้นสายแท้รอแม่ไม่เห็นมา
เจ้าทองหิวข้าวจนตาลาย    หิวจนแสบไส้ทั้งจ่มทั้งไถนา
จะกล่าวถึงแม่ของเจ้าทอง หาบเอาก่องข้าวน้อยไปส่งลูกที่นา
พอมาถึงจึงเอิ่นใส่ลูก    ให้เจ้าผูกควายไว้มากินข้าวสาหล้า
มีแจ่วบองพร้อมทั้งปิ้งปลา    มากินสาลูกหล้าแม่เอามาส่งให้
เจ้าทองพอเห็นก่องข้าวน้อย    ย้านข้าวมีหน่อยเลยฮ้องมาใส่
ก่องข้าวใหญ่เป็นยังบ่เอามา    โอ๊ยอีห่ามึงแพงไว้ท่าผู้ใด๋
แม่เลยบอกกับลูกว่า    ก่องข้าวน้อยก็จริงอยู่หล้าแต่ว่ามันแน่นใน
กินส่าก่อนจึงว่ามารดา    ลูกจะรู้เองว่ามันน้อยหรือมันใหญ่
เจ้าทองหิวข้าวเหลืออด    เลยปลดแอกน้อยจะฆ่าแม่ทันที
แม่มองเห็นว่าลูกจะมาตี    จึงวอนให้ลูกปราณี
อย่าตีแม่เด้อลูกเด้อ    อย่าตีแม่เด้อลูกหล่า............
(ขึ้นเศร้า)โอ้..............โอ่...................โอ้.................
ทองจ้าทองลูกหล้าอย่าฆ่าแม่   ฟังกระแสแม่ก่อนนะลูกหนา
อย่าฆ่าแม่บาปกรรมจะตามมา    เพราะมารดามีคุณเหลืออนันต์
ตั้งแต่เล็กจนโตแม่เลี้ยงเจ้า    คุณของแม่ยายเฒ่ามีมากหลาย
เลี้ยงแต่น้อยจนโตใหญ่ให้เห็นใจ    บ่เคยเอามือป่ายตีลูกตน   
พอเลี้ยงใหญ่ขึ้นมาทรยศ    เจ้าใจคดให้เลียวไม่สงน
ทองจ๋าทองบุตรตาโอ้ฤทน    แม่ขอชีวิตเจ้าสักหนเถอะลูกยา
ทองจ๊าทองบุตรตาอย่าสิทำแม่กลัวแล้ว....
(รับ) เจ้าทองไม่ฟังคำแม่จักหน่อย    จับได้แอกน้อยตีใส่หัวมารดา
ตีจนแม่มรณา    ไม่มีความปราณีไม่มีความเมตตา
ฆ่าแม่ตายทองก็เปิดก่องข้าว   พ่อเปิดออกแล้วก็เศร้าเพราะมองเห็นเลือดมารดา
ว่าจะกินข้าวก็กินไม่ลง    กอดจูบแม่ตนแล้วก็หลั่งน้ำตา
แม่จ๋าลูกผิดไปแล้ว    อภัยให้ลูกแก้วเทิดหนามารดา
ฆ่าแม่ตายเพราะความโกธา    ยมบาลคงพาลูกลงอเวจี
เจ้าทองก็คิดกลัวบาป    เลยสร้างพระธาตุบรรจุกระดูกมารดา
เลยใส่ชื่อธาตุก่องข้าวน้อย    เพื่อเท้ารอยบาปกรรมที่เคยทำมา
นี้แหละหนาความหิวของคน    หน้ามืดมัวมนฆ่าแม่ตนจนมรณา
เพราะความหิวจึงฆ่าตาย    ของเตือนลูกหญิงชายอย่าเป็นว่ามา
ถ้าอยากเห็นเชิญแวะไปดู    ธาตุก่องข้าวน้อยตั้งอยู่ที่บ้านตาดทอง
จังหวัดนั้นชื่อยโสธร    ถ้าอยากเห็นเชิญถ่อนไปดูที่ทุ่งนา
เป็นจังใด๋หนอท่านผู้ฟัง    บทสารภัญของวัด..................ว่ามา
ก่องข้าวน้อยม่วนบ่ลุงป้า    ถ้าม่วนแล้วหนาโอกาสหน้ายังมี
ถ้าม่วนแล้วหนาช่วยปรมมือให้พวกฉันที....


ลองฟังครับ  http://www.baanmaha.com/community/thread36929.html

บันทึกการเข้า
เต้ อุบล
พุทธศาสนิกชน ฅนรักษ์ธรรมะ
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 634
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 982

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 25 : Exp 44%
HP: 0%



อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี

sabayd8861@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2554, 22:57:55 »

กลอนข้าวสาก

โอโอลูกแม่เอ๋ย อย่าละเลยการทำทาน
วันนี้ยมบาล ท่านประทานปล่อยแม่มา
มารับเอากองบุญ บุญครั้งนี้ใหญ่หนักหนา
ขอลูกยาจงทำบุญ เกื้อกูลและอุดหนุน
ส่งกองบุญให้แม่เถิด ตั้งแต่เจ้าเพิ่งเกิด
แสนประเสริฐแม่ดีใจ ทนเลี้ยงแต่เยาวัย
จนกระทั่งโตเป็นนาย เห็นแต่คนทั้งหลาย
เขามาหยายห่อข้าวน้อย คอยลูกหญิงและชาย
เจ้าทั้งหลายไม่เหลียวแล ชะแง้หาบ่เห็น
ลูกจักเป็นจั๋งได๋นา เพื่อนๆได้เต็มกะต่า
แม่นี้หนาบ่ได้เลย ลูกเอ๋ยจงสงสาร
ดวงวิญญาณแม่นี้หนา ดวงวิญญาณแม่นี้หล้า
แม่ขอลาก่อนเด้อหล้า? เหลือแฮงหิ่วกระต้า
มาน้อหวังสิเอาข้าวห่อ?.ละคำเอ้ย?
หิ่วกระต่าต้องต่อนแขนห้อยกะบ่มี?
เหลียวหาลูกอ่อนน้อยทางใดมิดสี่รี่?
มีแต่ญาติพี่น้องทางกล้ำผู้อื่นเขา
เสียแฮงแม่อยากกินเข้า..นำลูกอ่อนบ่ทำบุญ..
เจ้าสั่งลืมคุณน้อ พ่อแม่โตเคยเลี้ยง
ยินแต่เสียงชาวบ้านเขาเล่ากันว่าลูกแม่
เพิ่นพากันทำห่อข้าวใหญ่ข้าวน้อย
แม่คอยเจ้าตั้งแต่นาน เห็นผู้อื่นเพิ่นมาหยายห่อข้าว
บ่เห็นเจ้าแม่อ่อนใจ..ลูกแม่เอ๋ย?
โอ้ ลูกจ๋า แม่ลาก่อน ขออวยพรให้โชคดี
ขออยู่ให้สุขขี สวัสดีทุกท่านเทอญ

บันทึกการเข้า
เต้ อุบล
พุทธศาสนิกชน ฅนรักษ์ธรรมะ
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 634
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 982

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 25 : Exp 44%
HP: 0%



อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี

sabayd8861@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2554, 23:03:51 »

กลอนไหว้ครู

ปวงข้ายกมือไหว้ พระไตรแก้วรัตนา
บิดาและมารดา เลี้ยงลูกมาเจริญวัย
อีกทั้งพุทธองค์ ผู้ดำรงพระวินัย
พระคุณอันยิ่งใหญ่ เลิศวิลัยพรรณา
พร้อมทั้งคุณพระธรรม อันน้อมนำเกิดปัญญา
พระคุณสาวะกา ศาสนาแห่งโคดม
เทพไท้ธรณี เป็นสักขีชี้ชวนชม
อีกทั้งคุณพระพรหม ยมราชบนอากาศ
คุณครูผู้ศิษย์สอน ด้วยสุนทรอันองอาจ
พร้อมทั้งผู้เป็นปราชญ์ ฉลาดรู้ครูอาจารย์
ตลอดทั้งพระอินทา ทั้งเทพาในวิมาน
พระคุณอันไพศาล ขอวอนวานจงได้มา
มาอยู่คู่เคียงข้าง อย่าได้ห่างจากกายา
ปัญญาไหลหลั่งมา ดังห่าฝนชลธาร
สวดไปไม่ไพเราะ เสนาะหูครูอาจารย์
สำเนียงเสียงบ่หวาน ประทานโทษท่านเมธี
อาจารย์ผู้ศิษย์สอน ผู้แต่งกลอนนักกวี
นามท่านชื่อบุญศรี วีระธรรมน้อมนำมา
พระธรรมคำสั่งสอน ของบวรศาสดา
ทุกท่านที่ได้มา สุขกายาทุกท่านเทอญ?..

บันทึกการเข้า
เต้ อุบล
พุทธศาสนิกชน ฅนรักษ์ธรรมะ
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 634
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 982

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 25 : Exp 44%
HP: 0%



อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี

sabayd8861@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2554, 23:04:17 »

กลอนผีพ่อผีแม่คอยส่งข้าวสาก


บุญเดือนสิบกายเดือนเก้า เจ้าฮู้บ่อแม่คอยหาลูกคำเอย ข้าวประดับดินได้กลายมา
บ่อได้กินแม่วินม้อย คอยลูกหญิงลูกชายนั้นฮอดบ่อมาจังหัน เพลนั้นได้นั่งต่อ
บุญข้าวสากแม่กระยังคิดต่อสิได้กินห่อข้าวน้อยนำเจ้าอีแม่เอย เฮ็ดอีหยั่งละลูกเอย
บ่อหว่งแม่ทั้งหญิงชาย แม่ผู้ตายได้ทนรอนั่งพอหิวอยู่ทางพี้ เพิ้นกายหนีสองตายายได้คอยถ่า
บ่อเห็นลุกแม่มาในวันนี้ได้นั่งส่อง เฮือนใกล้กันมาฮอดพี่ฮอดน้อง ลูกเฮาช่างบ่อมา....
เห็นไทคุ้มเพินนั้นน้า มาเต็มเดิ่นศาลาวัดนอคำนอ จัดอาหารหวานคาวได้กลิ่นอายน้ำลายย่อย
พ่อแม่คอยอยู่ริมจ้าย บังกำแพงเขามายายไผ่มันนั้นกระเอิ้นใส่ ผีผู้อื่นพอได้แล้วเพิ้นกระไป
สองตายายได้นั่งถ่า โอ้นอหล่าช่างบ่อมา ยากนำสวนไฮ่ฮั่วคือบ่อฝากนำเขามา นอคำนอ .....
ยากนำนานำงัวฝากเพิ้นมากะยังได้ เป็นอันใดน้อคำก้อน มื่อนี่แม่ขอวอนนำลมนั้นบอกลูกแน่
บุญข้าวสากเป็นบุญเลี้ยงผีพ่อผีแม่ เทิ่งญาติพี่น้อง ของเฮานั้นผู้บ่อยัง พระเพิ้นเทศน์สอนสั่งไว้
มื้อนี้ส่งละทางบุญ ไผผู้นำมาทานให้ผู้ตายในวันนี้ แต่ละปีมีเพียงครั้ง ลูกแม่บ่อมาเลย.........
บ่อได้ส่งข้าวแม่ มาส่งสารผียายแก่ มานั่งถ่าลูกค้อม้อ โอยรอเจ้ากะบ่อมา พี่น้องเพิ้นคิดพ้อ
หยาดน้ำส่งได้เพียงอาย บาดลูกสาวลูกซายเฮา มาซางลืมน้อคุณเจ้า บ่อส่งทานให้สองเฒ่า.....
เคยเลี้ยงมาพาเจ้าใหญ่ ยามพ่อแม่ตายไป ขอเพียงบุญและหยาดน้ำ บุญนำค้ำฮอดผู้ยังฮอดผู้ตาย
.......นั่นละนา.....ลูกแม่เอ้ย..........เอ่ย............................................................

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!