ประวัติ พระอาจารย์สมศักดิ์ อุตฺตโม(ญาถ่านเบิ้ม)วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
20 สิงหาคม 2568, 01:09:14 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติ พระอาจารย์สมศักดิ์ อุตฺตโม(ญาถ่านเบิ้ม)วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี  (อ่าน 268998 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #150 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2566, 21:16:16 »

จุดเริ่มต้นการรับอิทธิพลอถรรพเวท
อิทธิพลของอถรรพเวทในศาสนาพุทธจนมาถึงการสืบทอดอถรรพเวทสายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม) เวทย์มนตร์คาถาได้เกิดมาแล้วก่อนศาสนาพุทธซึ่งเราได้พบในคัมภีร์อถรรพเวท อันเป็นต้นกำเนิดของเวทมนตร์ทั้งหลาย หรือเกิดก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นความเชื่อของชนดั้งเดิม ของอินเดียในพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าห้ามมิให้พระภิกษุสงฆ์ยึดมั่นอยู่ในสิ่งนี้เพราะถือว่าเป็นเดรัจฉานวิชา และไม่ได้เป็นหนทางนำไปสู่นิพพาน มีการห้ามในพระวินัยบัญญัติไม่ให้พระสาวกอวดอุตริมนุษยธรรมหลอกลวงแสดงอิทธิฤทธิ์แข่งขัน    กับลัทธิอื่น แต่ถึงกระนั้นก็มีเหตุการณ์หลายครั้งที่นำไปสู่สิ่งที่เชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับเวทย์มนตร์ เช่น ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์มีพระภิกษุถูกงูกัด ถึงแก่มรณภาพ พระพุทธเจ้าให้พระภิกษุมีเมตตาในงูเพื่อเป็นการป้องกันตนเองโดยการสวด ขันธปริตต์หรืออหิราชปริตต์ ให้พระภิกษุสวดมนตร์ให้เทวดา ภูตผีศาจที่มารบกวนให้รักใคร่ด้วยการสวด กรณียเมตตปริตต์ ทรงสวดให้พระมหาสาวกฟังบ้างเมื่อเกิดอาพาธ และให้    พระสาวกสวดถวายให้ทรงสดับบ้าง เช่น โพชฌงคปริตต์ เหตุการณ์เหล่านี้เอง ที่ทำให้เราเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของเวทย์มนตร์ในพุทธศาสนา
ในบรรดาเวทมนตร์ทั้งหลายที่ถือกันว่าเป็นมนต์ขลังและศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา สามารถขจัดปัดเป่าภยันตรายต่าง ๆ ที่เกิดจากธรรมชาติ จากภูตผี จากมนุษย์ จากสัตว์ร้าย ความชั่วร้ายทั้งหลาย และสิ่งที่ไม่เป็นมงคลทั้งหลาย และให้ความสุข ความพ้นทุกข์ ความมีชัย ก็คือ พระปริตต์ มีสัตตปริตต์ (เจ็ดตำนาน) และทวาทสปริตต์ (สิบสองตำนาน) เชื่อกันว่าพระปริตต์มาจากคำว่า รักษ์มนตร์ในอถรรพเวท มีการใช้คำใหม่ในพุทธศาสนา พระปริตต์ที่เก่าที่สุดซึ่งแต่งในพุทธศตวรรษที่ 5 มี 6 ปริตต์ ขันธปริตต์ (รัตนสูตร) สุวัตถิปริตต์ โมรปริตต์ ธชัคคปริตต์ อาฏานาฏิยปริตต์ องคุลิมาลปริตต์
ในพุทธศตวรรษที่ 10 ท่านพุทธโฆษาจารย์ได้อ้างถึงพระปริตต์ว่ามี 5 คือ รัตน ปริตต์ ขันธปริตต์ ธชัคคปริตต์ อาฏานาฏิยปริตต์ โมรปริตต์ ในปฐมสมันตปาสาทิกา มี 6 รตนปริตต์ เมตตปริตต์ ขันธปริตต์ ธชัคคปริตต์ อาฏานาฏิยปริตต์ และโมรปริตต์ การใช้พระปริตต์เกิดขึ้นเมื่อเกิดทุพภิกขภัยและโรคระบาด     ในลังกา ในสมัยพระเจ้าอุปติสสะที่ 1 ผู้ปกครองเมืองลังกา (พ.ศ. 911 -953) ทรงให้หล่อพระพุทธรูปปาง     อุ้มบาตร และให้นำน้ำมาใส่ ให้พระภิกษุสวดรตนสูตร แล้วพรมน้ำพระพุทธมนต์ไปตามถนน เกิดฝนห่าใหญ่ตกลงทำให้ความวิบัติจากโรคภัย และทุพภิขภัยหายไป
ทั้งหมดที่กล่าวอ้างมานี้ เป็นจุดเริ่มต้นของอถรรพเวทในศาสนาพุทธจนมาถึงการสืบทอดอถรรพเวทสายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)

การเข้ามาของศาสนา
คาดว่าศาสนาพุทธเข้าสู่ประเทศลาวเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13 โดยผ่านมาทางมอญและได้แพร่หลายไปจนทั่วประเทศในราวพุทธศตวรรษที่ 19 กษัตริย์ลาวทรงให้การสนับสนุนพุทธศาสนา ในอดีตพระสงฆ์ในลาวมีบทบาทด้านการให้การศึกษาแก่ประชาชน  สมัยอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ในช่วงปลาย                 พุทธศตวรรษที่ 21 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 22 พื้นที่ราบลุ่มน้ำโมงตอนกลางในเขตอำเภอบ้านผือยังพบศิลาจารึกอักษรไทยน้อย พ.ศ.2134 ที่วัดธาตุอุปสมาราม ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ ซึ่งระบุชื่อขุนนางว่า          “ศรีพุมเวียงจันทน์” ด้วย  ทำให้สันนิษฐานว่าบริเวณที่ราบลุ่มน้ำโมงตอนกลางเป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณ   เมืองพาน และถือเป็นชุมชนโบราณที่สำคัญแห่งหนึ่งของอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ ที่น่าจะเกิดพัฒนาการความเป็นบ้านเป็นเมืองขึ้นในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 22จากการที่ได้ย้ายศูนย์กลาง
การปกครองและเคลื่อนย้ายผู้คนครั้งใหญ่ในอาณาจักรล้านช้างชุมชนโบราณเมืองพานน่าจะเป็นชุมชนโบราณที่ไม่มีกำแพงเมืองหรือคูน้ำคันดินล้อมรอบ ศูนย์กลางของเมืองสันนิษฐานว่าน่าจะอยู่บริเวณบ้านเมืองพานและบ้านกาลึม ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
หลังจากช่วงสมัยทวารวดีและเขมรผ่านไป ในราวพุทธศตวรรษ ที่ 22– 23 วัฒนธรรมล้านช้าง ได้แพร่เข้ามาที่ภูพระบาท พบหลักฐานเป็นพระพุทธรูปเช่น  พระพุทธรูปที่ถ้ำพระเสี่ยง ส่วนด้านสถาปัตยกรรมพบหลักฐานที่วัดลูกเขย
สันนิษฐานว่า เชื้อสายดั่งเดิมของพระครูลืมบอง เป็นคนเชื้อสายมอญ ได้อพยพมาพำนักอยู่      ประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ท่านเป็นพระเถระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและศึกษาวิปัสสนาธุระ  เป็นประจำ อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญในเวทมนต์ คาถาอาคมรวมถึง ไสยศาสตร์จนเป็นที่เคารพแก่เจ้าเมือง      โพพันลำ ถึงขนาดเจ้าเมืองอาราธนาท่านไปดูแลเมืองพานแทน ด้วยความเก่งกล้าและความสามารถของท่านรูปนี้ จึงได้สมญานามว่า (ญาคูเสือ) จากชาวบ้านเมืองโพพันลำ มอญเป็นชนชาติเก่าแก่ มีอารยธรรมรุ่งเรืองมากชนชาติหนึ่ง จากพงศาวดารพม่ากล่าวว่า "มอญเป็นชนชาติแรกที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพม่า มาเป็นเวลาหลายศตวรรษก่อนคริสตกาล" คาดว่าน่าจะอพยพมาจากตอนกลางของทวีปเอเชีย เข้ามาตั้งอาณาจักรของตนทางตอนใต้ บริเวณลุ่มแม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำสะโตง ซึ่งบริเวณนี้ในเอกสารของจีนและอินเดียเรียกว่า      "ดินแดนสุวรรณภูมิ"  
พระครูลืมบอง จากคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่าท่านได้รับการศึกษาจากคัมภีร์วิเศษที่มีการสอนกันอย่างแพร่หลายในอาณาจักรมอญ เป็นคัมภีร์อถรรพเวทที่ได้รับการสืบทอดเป็นพระเวทย์ วิชาอาคมธรรมะธาตุ   การปฏิบัติกรรมฐาน ท่านเดินจาริกไปที่ต่างๆ จนสำเร็จวิชาในที่สุด คัมภีร์อถรรพเวทเป็นการเผยแพร่มาจากประเทศอินเดียในสมัยนั้น มีพระภิกษุชาวอินเดีย โดยการนำของพระสมณทูตชาวอินเดียมาเผยแผ่ ในคราวที่พระเจ้ากนิษกะมหาราช ทรงอุปถัมภ์การสังคายนาครั้งที่ 4 ของฝ่ายมหายาน ณ เมืองชลันธร พระสมณทูตได้เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเอเชียกลาง
ต่อมาชาวพวนได้อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยหลายครั้งด้วยกัน คือ สมัยกรุงธนบุรีตอนปลาย    สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว                     สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในครั้งที่ไทยยกทัพไปปราบฮ่อ เมื่ออพยพมาอยู่ในประเทศไทย จึงเลือกสถานที่สร้างบ้านเรือนอยู่ตามแม่น้ำลำคลอง เชื่อกันว่า อพยพเข้ามาในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ประมาณปี พ.ศ. 2322 เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงโปรดเกล้าให้ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์และหัวเมืองต่าง ๆ ซึ่งมีชื่อเรียกรวมกันว่า หัวพันทั้งห้าทั้งหก ประกอบด้วย เมืองคำม่วน เมืองคำเกิด เมืองเวียงไชย เมืองไพศาลลี เมืองซำเหนือ และเมืองเชียงขวาง ได้กวาดต้อนเอาลาวเวียง       (ลาวเวียงจันทน์) ลาวพวนและไทดำ (ปัจจุบันนิยมเรียกว่าไทยทรงดำ หรือ ลาวโซ่ง) มาไว้ที่เมืองร้าง (เพราะถูกพม่ากวาดต้อนราษฎรไปตั้งแต่สมัยกรุงศรัอยุธยาเสียแก่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2310) เช่นเมืองสระบุรี ลพบุรี นครนายก และฉะเชิงเทรา ระยะที่สอง ในราวปี พ.ศ. 2335 สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมืองแถงและเมืองพวนแข็งข้อต่อเมืองเวียงจันทน์ เจ้าเมืองเวียงจันทน์จึงได้ยกทัพไปปราบ และกวาดต้อนครอบครัวไทดำและลาวพวนส่งมากรุงเทพฯ ลาวทรงดำถูกส่งไปอยู่ที่เพชรบุรี ลาวพวนถูกส่งมาที่เมืองลพบุรี สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ราชบุรีและจันทบุรี ด้วย
ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เมื่อทรงหลบราชภัยจากพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ที่ยกทัพเข้าตีเมืองเวียงจันทน์ หลวงพระบางได้ ก็ใช้เส้นทางจากเวียงจันทน์เข้าศรีเชียงใหม่ โพธิ์ตาก บ้านผือ และไปหลบซ่อนส้อมสุมกำลังพลที่สุวรรณคูหา ขอให้ดูลักษณะศิลปกรรม ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป เสมา การจำหลัก        เจดีย์ต่างๆ และยังปรากฏจารึกที่เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดีว่า พระองค์ทรงประกาศกัลปนาที่บริเวณ      วัดถ้ำถวายแด่พระศาสนา การหลบลี้หนีพระราชภัยของ พระวอ พระตา ที่หลบหนีพระเจ้าสิริบุญสารแห่งเวียงจันทน์ ก็อาศัยเส้นทางจากศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ มาบ้านผือ และเข้าไปตั้งชุมชนอยู่ที่หนองบัวลำภู         หรือนครเขื่อนขัณฑ์กาบแก้วบัวบาน เมื่อพระตาเสียชีวิตในการรบ พระวอจึงหนีไปอยู่ที่ดอนมดแดง อุบลราชธานี และถูกฆ่าที่ดอนมดแดง เป็นเหตุให้เจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และเจ้าพระยาสุรสีห์ยกทัพไปตีเวียงจันทน์ และได้เวียงจันทน์ไว้ในอำนาจแต่นั้นมา




* 454847832_8190567634323063_7247705597854553349_n.jpg (934.36 KB, 2031x1181 - ดู 2024 ครั้ง.)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤศจิกายน 2567, 18:00:32 โดย maxna » บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #151 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2566, 09:14:24 »

อุ อะ สิ อิ
อุ    มาจาก พระคาถาหัวใจเสริมดวงโชคลาภ    อุเย อะเย อุอากะสะ
อะ    มาจาก พระคาถาหัวใจพุทธคุณ       อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ
สิ   มาจาก พระคาถาหัวใจพระนิพาน       สิวังพุทธัง
อิ   มาจาก พระคาถาหัวใจพระรัตนตรัย   อิสะวาสุ

บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #152 เมื่อ: 25 มกราคม 2567, 13:19:01 »

สีผึ้งมหาปราบ
สร้าง จำนวน 108 ตลับ
1.สีผึ้งมหาปราบ ฝังตะกรุด 3 กษัตริย์ 9 ตลับ
2.สีผึ้งมหาปราบ ฝังตะกรุดทองคำ 9 ตลับ
3.สีผึ้งมหาปราบ ฝังตะกรุดเงิน 90 ตลับ

ลักษณะ ทุกตลับจะมีการยิงเลเซอร์ ตราสายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม) และลัดนัมเบอร์ทุกตลับ ถือได้ว่าเป็นรุ่นแรกที่มีการยิงเลเซอร์ ตลับทำจากวัสดุสแตนเลส ป้องกันสนิม ปลอดภัยได้การเก็บรักษา และการนำมาใช้ทาปาก

วาระการอธิษฐานจิตโดย
1.ญาถ่านสำเร็จทา นาควัณโณ ผู้สืบทอดรุ่นที่ 2 สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)
2.ญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)
3.ญาถ่านยักษ์ โคษะกะ วัดภูตากแดด อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
4.ญาถ่านวิเชียร อนุตฺตโร วัดบ้านคำมะโค้ง ตำบลสร้างนกทา อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ
5.พระอาจารย์คณิน สุนฺทโร วัดวังม่วง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
6. ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต พระนักบุญแห่งแดนล้านนา วัดแสงแก้วโพธิญาณ จังหวัดเชียงราย
และคณะสงฆ์คณาจารย์ จำนวน 227 รูป

สีผึ้งมหาปราบ  รุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่คณะครูธรรมใช้ในการพกพาติดตัว เพื่อให้ในการปกป้องรักษาผู้คน โดยได้รวบรวมนำเอาว่าน 108 ชนิด ที่มีพุทธคุณเด่นแตกต่างกันไป เป็นว่านที่มีพุทธคุณอำนาจสูงช่วยล้างอาถรรพ์ สิ่งชั่วร้ายที่มองไม่เห็นตัวตนกลัวหลีกหนี หากพกติดตัวระหว่างเดินทางช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง สมดั่งฉายาว่า "มหาปราบ" ที่จะช่วยปราบช่วยคุ้มครองจากภัยทั้งปวง
ยังใช้ในถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาแผล หรือนำไปพอกบริเวณแมลงสัตว์กัดต่อยช่วยถอนพิษ  และยังมีว่านทางคงกระพันชาตรีชั้น 1 สรรพคุณอานุภาพมาก หัวว่านมีสารพิเศษ ทนต่อคมศาสตราวุธ หอก ดาบ ขุนศึกโบราณนิยมมาก อานุภาพทำให้หนังเหนียว ปัจจุบันว่านนี้ยังอยู่ในความนิยมของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงอันตราย ตำรวจที่ปราบโจรผู้ร้าย ข้าราชการทหารแนวหน้าชายแดนที่ปกป้องแผ่นดินไทย เอาชีวิตเข้าแลกกับศัตรูเสี้ยนหนามแผ่นดินควรได้หาติดตัวไว้ ว่านนี้มีอานุภาพเฉพาะสุจริตชนเท่านั้น มิจฉาชีพ ทรชน ผู้ประพฤติผิดกฎหมายผิดศีลธรรมนั้นอานุภาพของว่านหาได้คุ้มครองไม่มีของดีผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นจะต้องเป็นคนดีด้วย อันของดีนั้นจึงจะคุ้มครอง และศักดิ์สิทธิ์

สีผึ้งมหาปราบ มีพุทธคุณเน้นไปทางด้าน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และเมตตามหานิยม เสริม อำนาจ บารมี เวลาเข้าในที่คับขัน เผชิญหน้ากับศัตรู ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้วจะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีก หนุนดวงเสริมดวง มีคุณด้านมหาปราบ ปราบสิ่งเลวร้ายขจัดทำลาย อุปสรรค ป้องกันภัยอันตรายได้สารพัด วิเศษนักแล
และพุทธคุณในด้านเมตตามหาเสน่ห์ โภคทรัพย์ เรียกทรัพย์ มหาระงับ ครบทุกด้าน เมตตา แคล้วคลาด โภคทรัพย์ ประกอบพิธีกรรมเฉพาะทางสายครูธรรมตามสูตรโบราณกาล

อานุภาพแห่งว่านมงคล 108 ชนิด
ตามตำราโบราณ
 1.ว่านตระกูลกวัก  ซึ่ง บันทึกไว้ในตำราสมุดข่อยโบราณ กล่าวไว้ว่ามีอานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคลต่อผู้ครอบครอง ประกอบด้วย ว่านกวักพระพุทธเจ้าหลวง ว่านกวักนางพญาใหญ่ ว่านกวักนางพญาเล็ก หรือ ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี ว่านกวักมาคาวดี หรือ ว่านมหาโชค ว่านกวักหงสาวดี ว่านกวักแม่จันทร์ ว่านกวักโพธิ์เงิน ว่านกวักทองใบ ว่านกวักเงิน กวักทอง ว่านกวักเศรษฐีพญาบดินทร์ ว่านกวักนางพญาเผือก โดยเฉพาะว่านกวักนางพญา ถือกันว่า เป็นว่าน ที่มีตระกูลสูงส่งผลทางด้านอำนาจราชศักดิ์ เรียกอีกอย่างว่า ว่านทรงยศ ทรงเกียรติ เป็นสง่าราศีแก่ผู้พบเห็น
 2.ว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์  ประกอบ ด้วย เสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์ เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์เขียว เสน่ห์จันทร์หอม เสน่ห์จันทร์ทอง อานุภาพของว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์ จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น โบราณใช้ทำนางกวัก ค้าขายดี มีโชคลาภ
3.ว่านตระกูลเศรษฐี เป็น ว่านที่บ่งบอกในตัวเอง อานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง โบราณกล่าวว่า ผู้ใดได้ครอบครอง จะเจริญด้วยฐานะ บริบูรณ์ ด้วย โภคทรัพย์ ข้าทาสบริวาร จัดเป็นตระกูลว่านที่นิยม อย่างยิ่ง โบราณมักจะนำมาปลูกในกระถางที่มีค่า เช่น กระถางลายคราม  ดังนั้น จึงเป็นว่านตระกูลสูงอีกประเภทหนึ่งมีดังนี้ ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านเศรษฐีขอด (กอบ ทรัพย์) ว่านเศรษฐีด่าง ว่านเศรษฐีมงคล ว่านมหาเศรษฐี ว่านเศรษฐีจีน ว่านเศรษฐีญวน ว่านเศรษฐีแขก ว่านเศรษฐีใบพาย ว่านเศรษฐีใบโพธิ์ ว่านเศรษฐีเรือนใหญ่ ว่านเศรษฐีเรือนแก้ว
4.ว่านโกเมน อานุภาพทางด้านเมตตามหานิยม มีโชคลาภ
5.ว่านหม่องเล ว่านนี้ตามตำราพม่ากล่าวว่า มีอานุภาพ เรียกเงินเรียกทองเข้าบ้าน เรียกมิตรมาหาร้านค้าขาย ควรมีว่านชนิดนี้ไว้ครอบครอง
6.ว่านไก่กุก อานุภาพ ทางเสน่ห์เมตตานิยม ซึ่งว่านนี้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ผู้สร้างพระสมเด็จอันลือชื่อก็ได้ใช้ว่านนี้เป็นส่วนผสมในพระสมเด็จวัดระฆัง ที่ท่านสร้างด้วย
7.ว่านไก่ฟ้าพญาแล อานุภาพทางด้านเมตตามหานิยม
8.ว่านกำแพงเจ็ดชั้น  มีอานุภาพทางด้านคุ้มครอง ป้องกันภัย กันและแก้ คุณไสยภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลทั้งปวงไม่ให้กล้ำกราย
9.ว่านกระแจะจันทร์หงสา มีอานุภาพทางเสน่ห์เมตตา นิยม เป็นที่รัก เมตตาแก่ผู้พบเห็น
10.ว่านคุ้มรจนา มีอานุภาพคุ้มครองปกป้องเคหสถาน บ้านเรือนให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
11.ว่านเครือสาวหลง เป็น ว่านพิเศษที่มีลักษณะฝอยๆ ไม่มีลำต้น ไม่มีใบ จะเกาะอยู่ตามต้นไม้ขนาดใหญ่ในป่าลึก มีกลิ่นหอมตลอดเวลา มีอานุภาพทางด้านเมตตามหานิยมสูงมาก ซึ่งว่านนี้พระเทพรัตนกวี เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุได้ให้พวกที่หาของป่า และนำมาวางขายในวัดช่วงงานประจำปี ไปหามาจากป่าลึกทางภาคเหนือ
12.ว่านเงินไหลมา มีอานุภาพเรียกเงินทองให้เข้ามาสู่เคหะสถาน บ้านเรือน ทั้งยังคุ้มครองปกป้อง เป็นว่านนิยมมากของคนไทย
13.ว่านเงาะถอดรูป มี อิทธิฤทธิ์เมตตามหานิยม เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น ดีทางค้าขาย ประดุจเงาะถอดรูป ใครเห็นใครก็รัก แล้วยังมีอานุภาพเรียกลูกค้าเข้ามาสู่ร้านค้าอีกด้วย
14.ว่านช้างพลาย มีอานุภาพทางเมตตามหานิยม เป็นสง่าราศี ขับเสนียดจัญไร ศัตรูหมู่มาร เป็นเดชอำนาจบารมี
15.ว่านช้างดำ มีอานุภาพทางคุ้มครองป้องกัน เสมือนเกราะแก้ว คุ้มกัน และ ป้องกันไฟเวทย์มนต์คาถาทำอันตรายไม่ได้
16.ว่านญาณรังษี มีอานุภาพประดุจพทุธานุภาพแห่งพระพุทธองค์ หัวว่านนี้ มีลักษณะชั้นๆ 3 ชั้น คล้ายพระพุทธรูปประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์
17.ว่านถุงเงินถุงทอง มีอานุภาพทางด้านโภคทรัพย์ ประดุจถุงเงินถุงทอง ในเคหะสถานบ้านเรือนดีทางโชคลาภ และป้องกันคุณไสยต่างๆ
18.ว่านทองไหลมา เป็นว่านมงคลคู่กัยว่านเงินไหลมา อานุภาพให้ผู้ครอบครองมีโชคลาภอยู่เป็นนิจ
19.ว่านเทพรำพึง เป็นเอกทางด้านเมตตามหานิยม เป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง
20.ว่านธรรมรักษา เป็นว่านสิริมงคล โน้มน้าวให้ประพฤติปฏิบัติ อยู่ในศีลธรรม ป้งอกันภัยพิบัติ
21.ว่านนางพญาหงษ์ทอง เป็นว่านทางเมตตามหานิยม เจรจาสิ่งใดจะเป็นที่พอใจถูกอัธยาศัยกับผู้ที่พบเห็น
22.ว่านนพมาศ เป็น ว่านเก่าแก่ครั้งกรุงสุโขทัย มีอานุภาพป้องกันเสนียจัญไร คุ้มครองป้องกันภัยพิบัติ เป็นสิริมงคล พร้อมพรั่งทางด้านเมตตานิยม เป็นสง่าราศี
23.ว่านนเรศวร เป็นว่านที่ทรงอานุภาพ ด้านมหาอำนาจ ตบะเดชะ เป็นที่ยำเกรงต่อศัตรู หมู่มาร และ คุ้มครองปกป้องเป็นเลิศ
24.ว่านน้ำเต้าทอง เด่นทางเมตตา โชคลาภ ทั้งยังมีคุณทางด้านอยู่ยงคงกระพัน
25.ว่านปัดตลอด อานุภาพทางด้านแคล้วคลาด ปราศจาก อุปสรรค
26.ว่านปัญจเศวตร มีอานุภาพด้านคุ้มครอง ปกป้องเป็นตบะบารมี
27.ว่านประกายเพชร ดีทางโชคลาภ เป็นเสน่ห์มหานิยม เจริญด้วยโภคทรัพย์
28.ว่านพญาหัวเสือ เด่นทางด้านอำนาจราชศักดิ์ เป็นตบะเดชะ นะจังงัง และ คงกระพันชาตรี
29.ว่านพญากาเผือก เป็นว่านที่ดีทางเรียกโชค เรียกลาภ เด่านเป็นสง่า คือ เมตตาหานิยม
30.ว่านเพชรกลับดำ อานุภาพเด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล ไปที่ใดปราศจากอันตราย และกลับถึงเคหะสถานได้เป็นอัศจรรย์
31.ว่านเพชรหลีก ดีทางแคล้วคลาดจากภยันตราย ศาตราวุธ ทั้งปวง
32.ว่านมหาอุตม์ มีอานุภาพทางด้านคงกระพันชาตรี เป็นว่านเก่าโบราณ
33.ว่านมหาหงษ์แดง เป็นว่านที่มีสิริมงคล คนโบราณมักพกพากับตัวเวลาเข้าหาเจ้านาย ว่ากันว่าเป็นเสน่ห์มหานิยมยิ่งนัก
34.ว่านมงคลชัย เป็นว่านที่มีสิริมงคลตามชื่อว่าน ศัตรูหมู่มารมิอยากเข้าใกล้ ก็ด้วยอานุภาพแห่งชัยมงคลของว่านนี้
35.ว่านวาสนาทางลาย เด่นทางโชคลาภวาสนา เจริญด้วยความสมบูรณ์พูนสุข
36.ว่านแววมยุรา เป็นว่านที่มีสรรพคุณทางเมตตามหานิยม นำโชคลาภเป็นสิริมงคลแก่บ้านเรือนผู้ครอบครอง
37.ว่านสาริกาลิ้นทอง มีอานุภาพทางเมตตามหานิยมโบราณใช้โขลกตำผสมกับสีผึ้งทาปาก เพื่อไปติดต่อเจรจาค้าขาย จะเป็นที่เมตตาและสำเร็จตามปรารถนา
38.ว่านกระทู้เจ็ดแบก เป็นว่านเด่นทางคงกระพันชาตรี นักรบโบราณมักใช้ว่านนี้ในการรพทัพจับศึก
39.ว่านกำบัง มีอานุภาพป้องกันสรรพภัย คุณไสยเวทย์วิทยาคมที่ประสงค์ร้าย และ แคล้วคลาดปราศจากเหตุร้าย
40.ว่านกงจักรพระอินทร์ เป็นว่านดีทางอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยมเป็นอำนาจป้องปราบ ข้าศึกศัตรู
41.ว่านขมิ้นขาวปัดตลอด ว่าน นี้อยู่ที่ใดก็นำความเจริญ มาสู่ที่นั่น ทั้งยังนำโชคลาภความเจริญ ความมีเมตตามหานิยม และความร่มเย็นเป็นสุขมั่งคั่ง สมบูรณ์พูนผล เจริญในหน้าที่การงาน ว่านนี้พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว พระเกจิอาจารย์ ผู้สร้างพระหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน อันโด่งดัง กล่าวไว้ว่า ว่านนี่เป็น “พญาว่าน” มีอานุภาพมาก ท่านเคยนำไปสร้างพระหลวงพ่อทวด เนื้อขมิ้นขาว ปัจจุบันองค์ละหลายหมื่นบาท
42.ว่านค้ำคูณ เป็นว่านดีทางเมตตามหานิยมแก่เคหสถาน บ้านเรือน ค้ำจุนชะตาชีวิต เพิ่มพูนพลัง
43.ว่านเพรชหน้าทั่ง เป็นว่านเสน่ห์มหานิยมและคงกระพันชาตรี
44.จ่าว่าน เป็นว่านอานุภาพสูง มีสรรพคุณคุมกำลังว่านต่างๆ ให้ทรงด้วยอานุภาพ ป้องกันเสนียดจัญไร พิษร้ายต่างๆ
45.ว่านจังงัง เป็นเมตตามหานิยม  เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่ศัตรูหมู่มารทำให้ไม่กล้าคิดร้าย อำนาจของว่านจะทำให้ศัตรูเกิดจังงัง
46.ว่านดาบหลวง เป็นว่านที่มีอำนาจป้องกันฟ้าผ่า ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดเป็นเยี่ยม เป็นตบะเดชะและเสน่ห์ มหานิยมแก่ผู้พบเห็น
47.ว่านฤษี ดีทางเสน่ห์มหานิยมยอดเยี่ยม เข้าหาเจ้านายดียิ่งนัก
48.ว่านถอนโมกขศักดิ์ ใช้ดีทางด้านแก้ถอนคุณไสย ยาเบื่อเมาทุกประเภท
49.ว่านเถาวัลย์หลง ดีทางเจรจาพาที เป็นที่เมตตามหานิยม กลับจากโกรธเป็นรักเมตตา เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี
50.ว่านเทพรัญจวน ให้ในทางเมตตามหานิยม เป็นที่รัก เมตตาต่อผู้พบเห็น
51.ว่านนางล้อม เป็นว่านมหามงคล ป้องกันสรรพสัตว์ทั้งปวง และศัตรูหมู่มาร เมื่อเกิดเรื่องราวใด จะได้รับชัยชนะเสมอ
52.ว่านนางคุ้ม ป้องกันไฟ และคุ้มกันภยันตรายต่างๆ โบราณกล่าวว่า ว่านนางคุ้มมีไว้คุ้มครองบ้านเรือน เสมือนมีเกราะเพชรไว้ป้องกันภัยถึง 7 ชั้น
53.ว่านปลาไหลม่วง เป็นว่านแก้คุณไสย ลมเพลมพัด กันอัปมงคลต่างๆ
54.ว่านเพ็ชรนารายณ์ เป็นว่านตระกูลสูง มีอำนาจตบะเดชะ เพิ่มพูนบารมีและเจริญด้วยยศถาบรรดาศักดิ์
55.ว่านเพ็ชรกลับ ว่าน นี้มีอานุภาพอยู่ยงคงกระพัน เป็นว่านป้องกันการถูกคุณไสยและแก้อาถรรพ์ ป้องกันอุบัติเหตุ เป็นมงคลแก้วคุ้มครองป้องกันทั้งไปและกลับ ปราศจากอันตราย
56.ว่านพัดโบก เป็นว่านมหามงคลสูงพร้อมด้วยเมตตา มหานิยม โบราณว่าว่านนี้อยู่บ้านใดจะได้ลาภมหาศาล นำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่บ้านเรือน
57.ว่านไพรปลุกเสก อานุภาพเกิดลาภผล ความอุดมสมบูรณ์พูนสุขเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังแก้คุณไสย ขับภูติ ผี ปีศาจ
58.ว่านพุทธกัวก ว่านนี้ดีทางเมตตาและทางการค้า เป็นสิริมงคลแก่สถานที่และผู้ครอบครอง
59.ว่านนางพญาห้าร้อย มีสรรพคุณทางเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชน
60.ว่านพญาจงอาง อานุภาพด้านกันงูและสัตว์มีพิษ ตลอดจนสรรพภัยทุกชนิดไม่ให้กล้ำกลาย
61.ว่านพระฉิม เป็นสิริมงคล อุดมด้วยโภคทรัพย์และคงกระพันชาตรี
62.ว่านพะตะบะ ใช้กันภูติ ผี ปีศาจ มีอานภาพสูงมาก วิญญาณต่างๆ จะไม่เข้าใกล้ แต่เทพยดาอารักษ์จะรู้จักว่านชนิดนี้ดี
63.ว่านพรายแก้ว เป็นว่านคงกระพันชาตรี เป็นเสน่ห์มหานิยมสำหรับร้านค้าขาย
64.ว่านมหานิยม ตรงตามชื่อ เป็นเมตตามหานิยม สิริมงคล ต่อผู้ครอบครอง
65.ว่านแม่ทัพ มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี เพิ่มพูนตบะเดชะ อำนาจบารมี
66.ว่านมหาเมฆ เป็นว่านนิยมมาตั้งแต่โบราณ ดีทางคลกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ
67.ว่านมหาปราบ สรรพคุณดีทางฤทธิ์และอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน ป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ ได้ดียิ่งนัก
 68.ว่านมรกต ดีทางคงกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ
69.ว่านมหาเสน่ห์ อานุภาพดีทางเสน่ห์มหานิยม เป็นว่านมีอานุภาพชั้นสูง ดึงดูดจิตใจผู้คนใช้ทางค้าขาย มีสรรพคุณเป็นเลิศ
70.ว่านมหาอุดม เป็นว่านมหานิยมสูงมาก เป็นที่รักใคร่ เมตตาแก่ผู้ที่พบเห็น
71.ว่านมหาจักรพรรดิ ใช้ดีทางเมตตามหานิยม มีอิทธิฤทธิ์ทางคุ้มครองเคหสถานบ้านเรือน ป้องกันเสนียดจัญไร อีกชื่อคือ ว่านอรหันต์แปดทิศ
72.ว่านมหากวัก อานุภาพ สิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้าและเจริญก้าวหน้า เข้าเจรจากับผู้ใหญ่เป็นที่รักของผู้คนโบราณเอาว่านนี้ แช่น้ำมนต์ประพรมร้านค้า จะค้าขายดีมาก
73.ว่านรางจืดเถา มีอานุภาพทางถอนพิษ ถอนยาสั่งโบราณว่าว่านนี้มีค่า 5,000 ตำลึงทอง ดังนั้นต้องเป็นว่านที่ไม่ธรรมดา
74.ว่านภควัมบดี มีอานุภาพเป็นศรีสง่า สิริมงคลนำโชคลาภบันดาลให้เจริญด้วยโภคทรัพย์ มีความอุดมสมบูรณ์และอยู่เย็นเป็นสุข
75.ว่านศรนารายณ์ มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี และเมตตามหามงคล
76.ว่านสามพันตึง มีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี ต่อศัตราวุธทั้งปวง
77.ว่านสามกษัตริย์ เป็นเมตตามหานิยมรักใคร่และความเจริญรุ่งเรือง
78.ว่านสาวหลง เป็น ว่านที่ทรงคุณค่าทางด้านเมตตามหานิยมอย่างสูงสุด โบราณกล่าวว่า ว่านนี้ไม่เป็นเสนียดจัญไร มีอานุภาพสูงล้ำเกิดเสน่ห์เมตตาเจรจากับใครไม่มีรังเกียจ ทั้งยังเป็นว่านที่ดีทางโภคทรัพย์พกไว้ เงินจะไม่ขาดกระเป๋า
79.ว่านเหล็กไหล ดีทางด้านคงกระพันชาตรี มีตบะเดชะ
80.ว่านพัดแม่ชี มีอานุภาพสูงทางด้านปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ป้องกันอำนาจคุณไสย และผู้ที่คิดร้าย ว่านี้ใช้ถอนคุณไสยได้
81.ว่านอุมาวดี มีอานุภาพบันดาลให้ประสบโชคลาภ ความร่มเย็นเป็นสุข
82.ว่านกวักพระพรหม เป็น ว่านที่มีอานุภาพสูง นำโชคลาภความร่มเย็น เป็นสุขมาสู่เคหสถานบ้านเรือน เจริญรุ่งเรืองและคุ้มครอง ป้องกันภัยอันตรายได้อย่างดีเยี่ยม
83.ว่านกระบี่ทอง มีสรรพคุณทางคงกะพันชาตรี
84.ว่านกุมารทอง มีสรรพคุณทางด้านคงกระพันชาตรี ค้าขายดี มีกำไรเป็นสิริมงคลทั้งยังมีอำนาจ มีเทวดารักษาคุ้มครอง
85.ว่านกาสัก มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปลอดภัย
86.ว่านกบ เป็นว่านมีเทพรักษา มีอานุภาพทางด้านคงกระพันชาตรี ป้องกัน ไม่ให้ภัยพิบัติมาแผ้วพาล
87.ว่านขมิ้นขาวเสน่ห์ ดีทางด้านเมตตามหานิยม ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม
88.ว่านเขียวพันปี ให้คุณทางด้านเมตตามหานิยม
89.ว่านพระยาค่าง ให้คุณทางด้านคงกระพันชาตรี
90.ว่านเฉลิม ตำราว่านกล่าวว่า ว่านนี้ดีทางเมตตามหานิยม คนเห็นคนรักคนชอบ
91.ว่านเณรแก้ว เป็นเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี
92.ว่านรางเงิน เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ
93.ว่านรางทอง เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ
94.ว่านรางนาค เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ
95.ว่านสิทธิโชค เป็นว่านที่มากด้วยสรรพคุณทางเมตตามหานิยม ทำให้ประสบโชคลาภ
96.ว่านแสนนางล้อม เป็นว่านที่มีสิริมงคลและป้องกันอัคคีภัยได้
97.ว่านเสือสามทุ่ง มีอานุภาพทางด้านบารมี ปกป้อง คุ้มครองเป็นตบะเดชะอำนาจ
98.ว่านปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มีอำนาจเดชบารมี อยู่ที่ใดมักมีทรัพย์สมบัติมิได้ขาด
99.ว่านแสงอาทิตย์ มีอิทธิฤทธิ์อำนาจ ความร่มเย็นเป็นสุข
100.ว่านสบู่เหล็ก มีสรรพคุณทางคงกระพันชาตรี
101.ว่านหอมดำ เป็นว่านมีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี
102.ว่านหางเสือ มีอานุภาพทางด้านป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ และคุณไสยต่างๆ
103.ว่านพญาหงส์เงิน ดีทางด้านเมตตามหานิยมและเดชอำนาจ
104.ว่านลิ้นกระทิงลาย ดีทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี ป้องกันอันตรายจากหมู่มาร
105.ว่านกลิ้งกลางดง มีสรรพคุณทางด้านคงกระพันชาตรี
106.ว่านสบู่เลือด ดีทางด้านคงกระพันชาตรี โบราณนิยมมาสร้างพระ เช่น พระผงน้ำมัน วัดชนะสงคราม
107.ว่านท้าวชมพู ดีทางคงกระพันชาตรี
108.ว่านชมพูหนังแห้ง ดีทางคงกระพันชาตรีป้องกันศัตราวุธ เป็นว่านที่ดีมาก


* 420089176_1215144535924468_7143115931544375467_n.jpg (281.53 KB, 1536x2048 - ดู 2961 ครั้ง.)

thxby50473tar
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 มกราคม 2567, 13:39:01 โดย maxna » บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #153 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2567, 14:30:05 »

ต้นกอ ก็คือ ต้นกอ

มูลมังสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
1.อัฐิ เกษา ผงอังคาร
2.ขันครูธรรมสำเร็จ
3.ตำราใบลานต้นฉบับ
4.จีวรส่วนสังฆาฏิ
5.สีผึ้งร้อยปี
6.น้ำมันว่านร้อยปี
7.แผ่นทองแดงจารมือ
สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)


* 134414530_3712620535451151_5104485979441309476_n (1).jpg (218.07 KB, 757x757 - ดู 2829 ครั้ง.)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 มิถุนายน 2567, 14:39:30 โดย maxna » บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #154 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2567, 22:52:27 »

เส้นทางการศึกษาแนวทางการปฏิบัติ


* ภาพเล็กเส้นทางการศึกษา.jpg (382.09 KB, 1109x1295 - ดู 2792 ครั้ง.)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 มิถุนายน 2567, 10:59:22 โดย maxna » บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #155 เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2567, 09:30:16 »

ตะกรุดนวภามหาปราบหลวง
ราคาจอง 599 บาท
หลังจอง 1,999 บาท

จำนวนการจัดสร้าง 148 ดอก
- ตอกโค๊ตกำกับ รันตัวเลขทุกดอก
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อระดมทุนจัดซื้ออาหารให้กับเด็กพิเศษ หน่วยบริการเขมราฐ เงินที่ได้จากการเปิดให้บูชา มอบให้หน่วยบริการเขมราฐทั้งหมด
มวลสารศักดิ์สิทธิ์ หลักๆๆ
1.ดินไพรดำ
2.ผงลำต้น และใบไพรดำ
3.ไม้มณีโคตร และผงไม้มณีโคตร
4.จีวรญาถ่านสำเร็จลุน
5.จีวรญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม
6.ผงปรอทสำเร็จ
7.ผงแร่ 108 ชนิด
8.ผงว่านชนิดปราบ 108 ชนิด
9.ผงพุทธคุณ 999 องค์
10.หวายลูกนิมิตเอก
11.แผ่นตะกั่วผสมเหล็กเปียกยอดพระธาตุพนม
12.มวลสารศักดิ์สิทธิ์และของทนสิทธิ์อีกมากมาย
ตะกรุดนวภามหาปราบหลวง ตามความเชื่อวิชาตะกรุดที่สร้างขึ้นนี้ เพื่อการปราบ ป้องกันภูติผีปีศาจ สิ่งอัปมงคล อานุภาพแรง คนดวงตก ดวงไม่ดีทั้งหลาย ขจัดภัยปัดเป่าพิบัติร้ายแรงได้ ไม่ว่าจะเป็นทุพภิกขภัย ภัยจากความอดอยาก โรคภัย ภัยจากโรคระบาด และอมนุสภัย ภัยจากอมนุษย์ นอกจากนี้ ตามความเชื่อยังสามารถช่วยป้องกันโจรผู้ร้าย เคราะห์กรรม สัตว์ร้าย ภัยธรรมชาติ รวมถึงอุปสรรคอันตรายได้ทั้งปวง เสริมความเป็นสิริมงคล พบเจอแต่ความโชคดีสุขสงบแทน 
การทำบุญกับเด็กพิเศษ
สำหรับเด็กพิเศษทั้ง 9 ประเภท เช่น คนหูหนวกตาบอด แขนขาขาด และทุพพลภาพต่าง ๆ ที่เราให้ทานกันในทุกวันนี้นั้น เช่นเมื่อเห็นคนเฒ่าคนแก่ทำอะไรไม่ได้เลย เราก็ทำทานสงเคราะห์ไป เราก็ได้บุญอยู่ ถ้าหากว่าคนเหล่านั้นไม่มีศีล บุญที่ได้ก็ไม่มาก แต่ก็ยังได้บุญอยู่ตามกำลังศรัทธา เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์ตรัสเทศนาสั่งสอนพุทธศาสนิกชนทั้งหลายว่า เราควรเป็นผู้มีจิตใจเมตตาเจือจานแบ่งปัน แก่เพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยาก มีความลำบากเกิดขึ้นแก่เขาเหล่านั้นแล้วจงบริจาคทานตามกำลังของตนเองเถิด
ฉะนั้นการที่เราจะทำบุญให้ได้บุญมากก็คือ
•  ตั้งแต่เบื้องต้น เจตนาที่จะทำบุญแม้เราจะหาสิ่งของอะไรที่ควรจะบริจาคทานนั้น จะมีมากน้อยเพียงใดก็ตาม เรียกว่าบุพพเจตนา คือควรจะมีเจตนาในการทำบุญที่ดี
•  ภิกษุเป็นผู้มีศีล ทายกผู้ให้ทานก็เป็นผู้มีศีลด้วยวัตถุไทยทานได้มาบริสุทธิ์ก็ได้บุญสมบูรณ์ แม้ของทำบุญน้อยก็ย่อมได้บุญมาก เมื่อไปถึงสถานที่แล้วทายกก็ต้องประเคนสิ่งของที่ตนเองไปทำบุญแก่พระด้วยความเคารพนอบน้อม ถ้าหากเป็นการให้สิ่งของแก่คนทั่วไป ก็ส่งให้ด้วยกริยามารยาทดี เป็นการเคารพในกองบุญของตนเอง และพระภิกษุผู้รับประเคนก็น้อมรับด้วยความเคารพ เรียกว่ามุญจนเจตนา ถึงแม้ของทำบุญจะเป็นของเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร เวลาทำบุญต้องทำด้วยความเคารพ ทำบุญด้วยความไม่เคารพนั้นไม่ถูกต้อง มันจะไม่ได้บุญมาก มันเหมือนไม่พอใจที่จะบริจาคให้แก่ผู้รับทาน ฉะนั้นจึงควรทำบุญด้วยความเคารพ พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเอาไว้ว่าทายกผู้ให้ มีความเคารพของทานของตน ปฏิคาหกผู้รับก็เคารพของทานนั้น จึงถูกต้องและควรปฏิบัติ
•  เมื่อพระภิกษุตั้งใจให้พระแก่ทายกผู้บริจาคสิ่งของนั้น แล้วทายกตั้งใจรับพร ด้วยความแช่มชื่นเบิกบานในกองกุศลที่ตนเองได้บริจาคทาน แล้วก็แผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศล ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย เรียกว่า อปราปรเจตนา


บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #156 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2567, 18:00:02 »

การสืบทอด


* 454847832_8190567634323063_7247705597854553349_n.jpg (934.36 KB, 2031x1181 - ดู 2003 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #157 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2567, 11:12:27 »

วิชาตะกรุดมหาครอบจักรวาล  16 ดอก
สายธรรมอุตฺตโมบารมี
...พุทธคุณครอบจักรวาล เป็นตะกรุดที่น่าใช้อีกหนึ่งวิชา กว่าจะทำได้แต่ละดอก
...ทั้งประกอบเครื่องครู
...ทั้งล้างอาถรรพ์หรือพลีของให้เกิดความมงคล
...ทั้งถือศีล 8 จำนวนสามเดือน
...ทั้งจารอักขระโดยมีข้อห้ามคือ ห้ามลุกออกจากที่จนกว่าจะจารเสร็จ
...ทั้งกลึงอาคม
...ทั้งบรรจุให้ครบคาบ 84,000 คาบ
...ทั้งบวงสรวง 16 ชั้นฟ้าเป็นอันจบพิธีกรรมแล
...แต่ละดอกมีความยาว 2.5 ซ.ม.จารใส่แผ่นตะกั่วเถื่อน ตะกรุดจะลงยันต์ที่แตกต่างกันออกไปไม่เหมือนกัน เป็นยันต์เฉพาะทางของสายอิสาน ที่มีการสืบทอดนับร้อยปี โดยมียันต์ดังนี้                                                                                                              1.ยันต์นวภาเทพรำวนคนรักเรา
2.ยันต์นวภากันกระทำคนคิดทำร้าย
3.ยันต์นวภากันศัตรู
4.ยันต์นวภารักษาทรัพย์
5.ยันต์นวภามหานิยม มหาเสน่ห์
6.ยันต์นวภากันศัตรูทำร้าย
7.ยันต์นวภารบชนะศึก
8.ยันต์นวภากันฟ้า กันไฟ
9.ยันต์นวภากันสัตว์ร้าย
10.ยันต์นวภากันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
11.ยันต์นวภากันยาเบื่อเมากันคุณไสย
12.ยันต์นวภาคุ้มบริวาร
13.ยันต์นวภาคลุมภัย
14.ยันต์นวภาคงกระพัน
15.ยันต์นวภาแคล้วคลาด
16.ยันต์นวภามหาอุด
...ตะกรุดพวงนี้ เมื่อท่านจะไปสารทิศใด ท่านว่าให้ปราถนาใช้เอาเถิดประสิทธิ์ทุกอันวิเศษนักแล


* ภ เล็ก ตะกรุด 16 ดอก.jpg (604.36 KB, 1081x1295 - ดู 1895 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #158 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2567, 01:23:40 »

ตะกรุดพญางูเหลือม รุ่นแรก ปี 2566
จำนวนการจัดสร้าง 39 ดอก ตอกโค๊ดตราสายธรรมอุตฺตโมบารมี พร้อมลันโค๊ดตัวเลขทุกดอก

อธิษฐานจิตโดย ญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม วัดวังม่วง   อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี
ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 ศิษย์แห่งบูรพาจารย์ปรมาจารย์ญาถ่านสำเร็จลุน

กว่าจะได้มา หนังงูเหลือม ร้อยปี ตามตำรา หรือคำบอกเล่าว่า ถ้ามีอายุร้อยปีขึ้น หนังงูจะถูกเรียกว่า หนังพญางูเหลือม
เมื่อกล่าวถึงงูเหลือมเราคงรู้ดีว่าโดยธรรมชาติของงูชนิดนี้จะตัวใหญ่และเลื้อยได้ช้ากว่าเหยื่อหลายเท่า แต่ก็สามารถจับเหยื่อที่มีขนาดใหญ่และมีความไวกว่ามันหลายเท่ากินได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องออกแรงไล่ล่าเหยื่อ แต่จะนอนรอคอยเหยื่อให้เข้ามาหามันเอง สัตว์ที่เข้ามาใกล้เมื่อได้สบตาต่างแน่นิ่งอ่อนละทวยเหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ให้มันจับกินอย่างง่ายดาย และงูตัวเมียก็จะเลื้อยเข้ามาให้มันผสมพันธ์อย่างไม่ขาดสาย ดั้งนั้นงูเหลือมนี้ จึงมีดี มีความขลังอยู่ในตัวโดยไม่ต้องปลุกเสกก็ขลังแล้ว  และคนก็เชื่อว่าเมื่อฝันถึงงูก็จะเจอเนื้อคู่ หรือเซียนพนันคุณปู่คุณตานำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังกันมาก เมตตามักนำเดือยงู หรือนำเอามันงูมาเคี้ยวมาทำเครื่องรางของขลังในการเสี่ยงโชคกันมาก งูเหลือมที่นำมาทำตะกรุดเป็นงูนอนตาย (ตายพราย) อยู่ในป่าอ๋อย
พุทธคุณตามความเชื่อ
1.ดีทางด้านโชคลาภนำตะกรุดนี้พกติดตัว ก่อนออกจากบ้านไปเสี่ยงดวงหรือทวงหนี้ ก็จะมีแต่โชคแต่ลาภเข้ามาโดยตลอด หรือไปทวงหนีลูกหนีก็จะใจอ่อนยอมคืนหนี้ให้
2.ดีทางด้านทำมาหากินลูกค้าก็จะเข้ามาอุดหนุนสินค้าเองโดยตลอดเหมือนดังเหยื่อที่เดินเข้ามาให้งูเหลือมนอนรอกินแบบสบายๆมีกินไม่อดอยาก
3.ดีทางด้านเมตตามหาเสน่ห์จะเป็นเมตตามหานิยมคนรักคนชอบ มีเสน่ห์ในตัว ดึงดูดใจเพศตรงข้ามเหมือนดั่งงูตัวเมียที่เข้ามาให้มันผสมพันธ์อยู่ตลอดเวลา


* ภเล็กหนังงู.jpg (364.65 KB, 919x1059 - ดู 1862 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #159 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2568, 18:07:55 »

ทำเนียบปี 2568


* ภเล็กทำเนียบ68.jpg (953.38 KB, 1734x1289 - ดู 1488 ครั้ง.)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2568, 18:31:06 โดย maxna » บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #160 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 16:31:02 »

เหรียญล็อคเก็ตญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม
รุ่น บารมีปราบมาร
วัตถุประสงค์ เพื่อให้คณะศิษย์ที่มีความศรัทธาได้มีไว้บูชา รายได้หลังจากการหักต้นทุน ข้าพเจ้าครูธรรมอภิเชษฐ์ อบกลาง ประธานใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)จะนำขึ้นถวายญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม พร้อมรายงานบัญชีรายรับ รายจ่ายในการจัดสร้างในครั้งนี้ครับ
รายการจัดสร้าง
1.ตะกรุดทองคำ 1 ดอก 96 เหรียญ
2.ตะกรุดทองคำ 3 ดอก 9 เหรียญ
3.ตะกรุดทองคำ 9 ดอก 9 เหรียญ
ส่งเหรียญล็อคเก็ตหลังออกพรรษา
วันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568
มวลสารหลักที่นำมาบรรจุด้านหลัง
1.ผงว่าน 999 ชนิด
2.ผงแร่ 108 ชนิด
3.ผงโลหะ 999 อย่าง
4.ผงไม้มณีโคตร
5.ดินไพรดำ
6.เหล็กเปียกยอดพระธาตุพนม
7.เม็ดปรอทสำเร็จ
8.ของทนสิทธิ์จากสัตว์ต่างๆ
9.เกษาญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม
10.จีวรญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม
สร้างด้วยความศรัทธาด้วยใจ
ข้าพเจ้าครูธรรมอภิเชษฐ์ อบกลาง
ประธานใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี
(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)


* ภาพเล็ก ล็อกเก็ต พระครู.jpg (712.74 KB, 1647x1173 - ดู 191 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #161 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 23:28:06 »

กว่าจะได้ดาบพระยาราชาฤกษ์
สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)
“พิธีไหว้ครูดาบครูเตา”
ช่างสิบหมู่หรือช่างหลวงหรือตีดาบ ซึ่งมีอาชีพในการตีมีดตีดาบเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าบรรพชนของชาวบ้านนครหลวงนั้นเป็นชาวเวียงจันทน์ เข้ามาตั้งรกรากอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีอาชีพในการตีทองและตีเหล็ก แต่ต่อมาเลิกการตีทองจึงเหลือแต่การตีเหล็กเพียงอย่างเดียว เหล็กที่ตีนี้ส่วนใหญ่ทำเป็นมีด ดาบ และอาวุธ ตลอดจนเครื่องใช้อื่นๆ ซึ่งมีคุณภาพดีมากเมื่อทำเสร็จแล้วก็นำมาขาย สิ่งที่ยังคงถือสืบต่อกันมาตามขนบประเพณีเดิมคือการ “ไหว้ครูบูชาเตา” ซึ่งทุกบ้านจะจัดบูชาในวันพฤหัสบดีช่วงเช้าตรู่ของวันขึ้น 7 ค่ำ 9 ค่ำ ฯลฯ เดือน 5 (ประมาณเมษายน-พฤษภาคม) ตามแต่ความสะดวก เพื่อระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ และเพื่อความเป็นสิริมงคลของตน ทั้งยังเป็นการปัดเป่าอุปัทวเหตุต่าง ๆ ในการตีเหล็กอีกด้วย พอได้เวลาผู้ทำพิธีไหว้ครูก็จะกล่าวบทชุมนุมเทวดาไหว้พระรัตนตรัย จากนั้นก็จะกล่าวบทอัญเชิญครูบาอาจารย์ทั้งหลาย อันได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม พระวิษณุกรรม พระมาตุลี พระพาย พระคงคา พระฤาษี 8 องค์ ฯลฯ ตลอดจนบูรพาจารย์ทั้งครูไทย ครูลาว ครูมอญ ครูจีน ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาตีเหล็กให้แก่ตน มารับเครื่องบูชาสังเวย และประสาทพร แก่ผู้เข้าร่วมพิธีให้ประสบแต่ความสุขความ ความเจริญ แล้วปิดทองเครื่องมือทุกชิ้น ทำน้ำมนต์ธรณีสารประพรมเครื่องมือและผู้เข้าร่วมพิธี


* 505921454_23957516470534926_9090609588992221954_n.jpg (186.51 KB, 960x720 - ดู 186 ครั้ง.)

* 506166045_23957516443868262_620899309997204819_n.jpg (133.01 KB, 960x720 - ดู 188 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #162 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 23:31:22 »

ดาบพระยาราชาฤกษ์ ยอดทั้งหมด
แบบที่ 1 พระขรรค์ไม้ชัยศรีราชาฤกษ์ จำนวน 1 เล่ม
แบบที่ 2 พระขรรค์ชัยศรีราชาฤกษ์ จำนวน 4 เล่ม
แบบที่ 3 พระแสงดาบคาบค่ายราชาฤกษ์ จำนวน 4 เล่ม
แบบที่ 4 ดาบพระยาราชาฤกษ์ จำนวน 38 เล่ม


* 504838534_23953431627610077_3411634514028437105_n.jpg (20.57 KB, 481x473 - ดู 180 ครั้ง.)

* 505430343_23953431600943413_5937776696261816677_n.jpg (6.47 KB, 254x198 - ดู 189 ครั้ง.)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 สิงหาคม 2568, 14:07:06 โดย maxna » บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #163 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 23:33:32 »

......ตำราการสร้างดาบมหาศาสตราคมต้องลงอักขระเลขยันต์เสกปลุกทุกส่วนของมีด คือ ใบมีด ด้ามมีด ปลอกมีด เมื่อจะทำการสร้างดาบมหาศาสตราคม
ขั้นแรกต้องจัดหาวัสดุโลหะธาตุต่างๆที่ใช้ทำใบมีดจะเป็นสิ่งที่ถือกันว่ามีอาถรรพ์อยู่ในตัว มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ใช้โลหะหลายชนิดประกอบกันแล้วตีเป็นใบมีด
โดยฤกษ์ยามคือสิ่งสำคัญ
......ฤกษ์ยามคือสิ่งสำคัญ โดยแบ่งออกเป็น 5 วาระ ดังนี้
วาระที่ 1 หลอมเหล็ก โดยประกอบพิธีกรรมขอขมาอาถรรพ์ในตัวเหล็ก
ฤกษ์วาระที่ 1 วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2563
ฤกษ์เวลา วันเสาร์ 06.00 ถึง 08:29 น.ในวันอาทิตย์
ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีชวด จุลศักราช ๑๓๘๒
คริสตศักราช 2020 , มหาศักราช 1942 , รัตนโกสินทรศก 239
อธิกสุรทิน ปกติมาส อธิกวาร , โสรวาร(ส) กัตติกมาส โทศก
วาระที่ 2 ตียึดเหล็กให้ยาว
วาระที่ 3 บวงสรวงโลหะ
วาระที่ 4 ขึ้นรูปดาบ โดยประกอบพิธีกรรมขอขมาครู
วาระที่ 5 พุทธาภิเษกพระแสง
......ขั้นแรกต้องจัดหาวัสดุโลหะธาตุต่างๆที่ใช้ทำใบมีดจะเป็นสิ่งที่ถือกันว่ามีอาถรรพ์อยู่ในตัว มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ใช้โลหะ 77 อย่างหลอมเข้ากันแล้วตีเป็นใบมีด
การใช้เหล็ก 77 อย่าง นำมาผสม ดังนี้
1.เหล็กจากยอดพระเจดีย์มหาธาตุ
2.เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม
3.ตะปูตอกฝาโลงจาก 7 ป่าช้า
4.เหล็กที่เกิดการชำรุดจากอาวุธที่พังในการศึก
5.เหล็กแทงคอวัว
6.เหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด
7.เหล็กหล่อบ่อพระแสง
8.เหล็กที่ใช้สำหรับตรึงโลงศพ
9.หม้อผีตายหง
10.หอกสัมฤทธิ์
11.พระแสงหัก
12.เหล็กสลักประตู
13.เหล็กถ้ำต่างๆ
14.เหล็กกำแพง
15.เหล็กน้ำพี้
16.ธาตุเงิน
17.ธาตุทอง
18.ธาตุทองแดง
19.ผงถ่านไม้ไผ่
20.ผงตะไบพระต่างๆ
21.ยอดปราสาท
22.เหล็กประตูโบสถ์
23.เหล็กประตูวัด
24.เหล็กประตูบ้านคนตายท้องกลม
25.เหล็กประตูบ้านคนผูกคอตาย
26.เหล็กสะพาน
27.เหล็กทางสามแพร่ง
28.เหล็กฟ้าผ่า
29.เหล็กลำกล้องปืนที่ยิงคนตาย
30.ตะปูสังฆวานร
31.บาตรพระเก่า
32.เหล็กน้ำพี้
33.เหล็กน้ำลี้
33.ชนวนทองล้น หล่อพระประทาน
34.เหล็กช่อฟ้าอุโบสถ
35.ยอดปลีฉัตรทองพระธาตุ
36.เหล็กเปียก
37.เหล็กตะแกรงเผาศพ
38.เหล็กดึงคอศพ
39.เหล็กพลิกศพ
40.ตะปูเผาผีตายโหง
41.กำไรสำริด
42.โซ่ตรวนนักโทษอุกฉกรรณ์
43.ปรอทดำ
44.แร่เจ้าน้ำเงิน
45.แร่บริสุทธิ์(สังกะสี)
46.เศษสะเก็ดฟ้าผ่า หรือ(ที่เรียกว่าขวานฟ้าผ่า)
47.ลูกกระสุนปืนที่ยิงคนตาย
48.เหล็กกรงขัง
49.แร่เงินยวง
50.เหล็กแกนเจดีย์
51.เหล็กสมอเรือสำเภาโบราณ
52.กั่นพร้าหัก
53.โซ่ล่ามช้าง
54.ตราชั่งโบราณ
55.ขอบบาตร
56.ตะขอช้าง
57.กรีชทองแดง
58.ผานไถ
59.พญาร้อยคุ้ง
60.เหล็กปอฉ้อ
61.เหล็กฐานเทียนชัย
62.เหล็กไอ้ใบ้
63.เหล็กเที่ยงตรง
64.เหล็กแกะ
65.เหล็กไตรภพ
66.เหล็กลูกปืนใหญ่โบราณ
67.เหล็กหล่อบ่อพระขรรค์
68.เหล็กใบเลื่อย
69.ธาตุทองเหลือง
70.เหล็กเตารีดโบราณ
71.ขวานเหล็กโบราณ
72.กาน้ำชาเหล็กโบราณ
73.ทั่งเหล็กโบราณ
74. กล่องเหล็กโบราณ
75. กุญแจเหล็กโบราณ
76.เหล็กเกราะโบราณ
77.เคี่ยวเกี่ยวข้าวโบราณ
และบรรจุมวลสารอาถรรพ์ 77 ชนิด
คัมภีร์มหาศาสตราคม หาเหล็กสําหรับทํามีดตามที่ระบุไว้ ในคัมภีร์มหาศาสตราคมมาจนครบถ้วนคือ
เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ ยอดประสาททวารามาประสม
เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
หอกสําฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตาปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง เหล็กกําแพงนําพี้ทั้งเหล็กแร่
ทองคําสําฤทธิ์นากอะแจ เงินที่แท้ธาตุเหล็กทองแดงคง
            ยังได้รวมด้วยเหล็กสารพัดบิ่น สารพัดหักอีกร้อยแปดชนิดมาร่วมด้วย เมื่อได้เหล็กมาพร้อมแล้ว จึงตั้งมณฑลพิธีล้อมด้วยราชวัฏฉัตรธงทั้ง๔ มุม ตรงกลางตั้งพิธีดาดด้วยผ้าขาว ลงยันต์เพดานทั้งหน้าหลัง แล้วหาเครื่องกระยาสังเวย สําหรับบูชาเทพยดาอารักษ์และครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาท อันประกอบด้วยมัจฉะมังษาหาร ๖ ประการ พร้อมเครื่องกระยาบวช ขนมแห้ง ขนมหวานอีกผลไม้ ๙ อย่าง เทียนเงินเทียนทองหนัก ๔ บาท ๑ คู่ เมื่อได้วันดีคือวันเสาร์ขึ้น ๑๕ คํา จึงบูชาครูบาอาจารย์และเทพยดาฟ้าดิน จึงเริ่มพิธีตีดาบขึ้นทันที
            เอาสูบทั่งตั้งไว้ในพิธี เอาถ่านที่ต้องย่างวางในนั้น ช่างเหล็กมีฝีมือลือทั้งกรุง ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน วงสายสิญจ์เศกลงเลขยันต์ คนสําคัญคอยดูซึ่งฤกษ์ดี ครั้นได้พิชัยฤกษ์ราชฤทธิ์ พระอาทิตย์เที่ยงฤกษ์ราชสีห์ ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง ยาวหนึ่งศอกกํามาหน้าลูกไก่ เผาชุบสามแดงแทงตะไบ บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับแล้ว
ลงกั่นดาบข้างแบน ด้วยคาถาบารมีพระพุทธเจ้าคือ
อายันตุโภนโต อิธะทานะ สีละเนกขัมมะ ปัญญา สะหะวิริยะขันติ
สัจจาธิฎฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะโว คัณหะถะอาวุธานิ
ลงกั่นดาบด้านสัน ด้วยพระคาถาหัวใจพระยาสมาสดังนี้
นานามุสะระ หะระ บัพพะตะคะรุ กะลิงคะระ
สะระธนู คะทาสิโต มาระหัตถา มาระคะนา
เอาทองแดงที่ใช้สําหรับห่อหุ้มกั่นดาบมาลงถมด้วยพระคาถา นวหรคุณ ๑๐๘ คาบ
อะสังวิสุโลปุสะพุภะ
แล้วลงถมด้วยพระคาถาต่างอีก พระคาถาพุทธนิมิตร์ ลงถม ๙ คาบ
พุทธัสสะ อิธิพุทธัสสะ พุทธะนิมิตตัง ปฏิมานะพุทโธ
ธาตุพุทโธ นิมิตตะพุทโธ กายะพุทโธ สูญญะพุทโธ
เอคะตานัง กายะรูปะสูญยัง พุทธะนิมิตตัง อิทธิฤทธิ์พุทธะ
นิมิตตังลงถมอีก ๙ คาบด้วยคาถา
อะสิ สัตติ ธนูเจวะ สัพเพ เต อาวุทธานิ จะ
ภัคคะภัคคา วิจุณณานิ โลมังมาเมนะผุสสันติ
ตามด้วยคาถาพรหมสี่หน้าลงถมอีก ๙ คาบ ว่า
 สหัสสะสีเส ปิเจโปโส สีเสสีเส สะตังมุกขา มุกเข มุกเข
สะตังชิวหา ชีวะกัปโป มหิทธิโก นะสักโกติ จะวัณเณตุง
ตามด้วยคาถาลงถมอีก ๙ คาบ บารมี ๓๐ ทัศน์ ว่า
อิติปารมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา
อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม
ลงถมด้วยคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ๙  คาบ ว่า
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ
อิเมนาพุทธะตังโสอิอิโสตังพุทธะปิติอิ
และตามด้วยอรหันต์ ๘ ทิศ ๙ คาบ ว่า
                                    อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง
                                    ปิสัมระโลปุสัตพุท โสมาณะกะริถาโธ
                                    ภะสัมสัมวิสะเทภะ คะพุทปันทูทัมวะคะ
                                    วาโธโนอะมะมะวา อะวิสุนุสานุติ
 แล้วตามด้วย คาถา ๙ คาบ
พุทธังกันตัง ธัมมังกันตัง สังฆังกันตัง
พุทธังสิทธิ ธัมมังสิทธิ สังฆังสิทธิ
 แล้วลงถมตามด้วยคาถา ๙ คาบ
                                    นะผุด ผัดผิด ปฏิเสวามิ
แล้วจึงลงประทับด้วยคาถานี้อีกครั้งหนึ่งว่า
สัตถาธะนุง อากัตถิตุง ทัตวา วิสัชเชตุง นาทาสิ
( บทนี้เมื่อลงให้ผ่อนลมหายใจออกลงจบเดียว )
กัณหะเนหะ หายใจเข้าพุทธังปัจจุขาด
ธัมมังปัจจุขาด สังฆังปัจจุขาด
( หายใจเข้าออก สลับกันไปทีละบท )
 สําหรับแผ่นทองแดงด้านหลังนั้นลงประทับด้วยพระคาถานี้
 อะระหัง สุคะโต ภะคะวา
ลงถม ๙ คาบแล้วตามด้วย
นะโมพุทธายะ อิติปาระมิตาติงสา โนวะปะตานุภาเวนะ
มาระเสนา อะติกกันตา มาระนิทรา ทัสสะปาระมิตา
ทะมาระนิทรา ปาระชังฆานิทรา ทัสสะปาระมิตา โลหะกันตา
นามะเตนะโม มาตาปิตุพุทธะคุณัง สัพพะสัตรูวิธังเสนตุ
อะเสสะโต เอวังทัสสะวัณโณ ปฏิฐิตัง จักรวาฬะ
สัพพะสัตตานุภาเวนะ มาราโมระอะติกกันตา
ทัสสะพรหมมานุภาเวนะ สัพพะสัตรูวินาสสันติ
เมื่อลงทองแดงห่อกั่นดาบแล้ว จึงเอาเกสร ๑๐๘ และยามุกใหญ่มาบดให้ละเอียด เพื่อบรรจุในด้าม (ยามุกใหญ่คือยาสารพะดอย่าง ) หินซึ่งใช้บดยานั้นลงด้วยพระคาถา มหาโสฬสมงคล ลงถม๙ คาบ ตามด้วยคาถาหัวใจพระธรรมเจ็ดคําภีร์๙ คาบ คาถาพรหมสี่หน้า ๙ คาบ คาถาพุทธนิมิต ๙ คาบคาถาพระเจ้า ๑๖ พระองค์ ๙ คาบคาถาอะระหันต์ ๘ ทิศ ๙ คาบคาถาบารมี ๓๐ ทัศน์ ๙ คาบ คาถาหัวใจสนธิ งะญะนะมะ ๙ คาบ คาถาพระกรณีย์ จะภะกะ๙ คาบ ขณะบดยาให้ภาวนาพระคาถานี้
งะญะนะมะ จะภะกะสะ นะมะพะทะ
อะระหังสุคะโตภะคะวา  อิกะวิติ
อิสวาสุ สุสวาอิ นะโมพุทธายะ
อะสังวิสุโลปุสะพุภะ ปะติลิยะติ
พุทธังสิทธิ ธัมมังสิทธิ สังฆังสิทธิ
จนกว่าจะบดยาเสร็จด้ามมีดให้ใช้ไม้ ชัยพฤกษ์ แกะเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณ เขียนคาถาเป็นตัวเลข ลงที่องค์ท่าน
ลงเลข ๓ ตรีนิสิงเหที่ปากท้าวเวสสุวรรณ ว่าด้วยสูตรคือ
                                    มะอะอุตรีนิสิงเห
ลงเลข ๗ ที่ตาทั้งสองของท่านว่าสูตร
                                    สะธะวิปิปะสะอุสัตตะนาเค
ลงเลข ๕ ที่อกของท่านว่า
อาปามะจุปะปัญจะเพชรฉลูกัญเจวะ
ลงเลข ๔ ที่หัวไหล่ทั้งสองของท่านว่า
นะมะพะทะจัตตุเทวา
ลงเลข ๖ ที่ขาทั้งสองของท่านว่า
อิสวาสุฉอวัชชะราชา
ลงเลข ๕ ที่ด้านหลังท่านว่า
ทีมะสังอังขุปัญจะ อินทรานะเมวะจะ
ลงเลข ๑ ที่ตาตุ่มทั้งสองข้างว่า
มิเอกะยักขา
ลงเลข ๙ ที่ศรีษะท่านว่า
อะสังวิสุโลปุสะพุภะนวะเทวา
ลงเลข ๕ ที่แขนซ้ายว่า
                                    สหะชะตะตรีปัญจะพรหมาสะหะบดี
ลงเลข ๕ ที่แขนขวาว่า
                                    นะโมพุทธายะ ปัญจะพุทธานะมามิหัง
ลงเลข ๒ ที่ศอกทั้งสองข้างว่า
                                    พุทโธทะเวราชา
ลงเลข ๘ ที่สะโพกทั้งสองข้างว่า
เสพุเสวะเสตะอะเส อัฏฐะอะระหันตา
ใช้พระคาถาท้าวเวสสุวรรณลงด้ามมีดให้ทั่วว่า
เวสสุวรรโณมหาราชา สัพเพเทวาเสเจวะ
อาฬะวะกาทะโย ปิจะขัคคัง ตาละปัตตัง
ทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ
เวสสุวรรโณมหาราชา จัตตุโลกะปาลายัสสะสิโน
อิติภูตา มหาภูตา สัพเพยักขาปะลายันติ
ลงกระบองท้าวเวสสุวรรณด้วย
            นะโมพุทธายะ
จบคัมภีร์มหาศาสตราคม


* 502643070_4895230584035384_3728618241862715880_n.jpg (111.18 KB, 1080x856 - ดู 184 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
maxna
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 10%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #164 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 23:37:31 »

ดาบพระยาราชาฤกษ์


* ภ เล็กมวลสาร.jpg (581.36 KB, 1281x1281 - ดู 178 ครั้ง.)

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!