| 
							konlathai
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 «  เมื่อ: 01 สิงหาคม  2555, 09:48:46 »  | 
								
 | 
  
 
 พระครูประศาสน์สุตคุณ หรือหลวงปู่จันทร์ กัลยาโณ วัดสระบัว(บ้านกอก)อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ  ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบล เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อปี 2520  จัดสร้างโดยง่วนอังอุบลที่เคยสร้างพระผงหลวงพ่อชา รุ่น งจส มาแล้ว เหรียญรุ่นนี้คนพื้นที่หวงกันมากครับ เพราะมีประสบการณ์สูง  
   
 
  
						 | 
					 
					
						| 
							 
 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	
		
		
			
				
					
						| 
							บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 « ตอบ #1 เมื่อ: 01 สิงหาคม  2555, 10:30:59 »  | 
								
 | 
  
 
บ้านผมเองเป็นคนสร้างครับ อากง เป็นผู้สร้าง อุบลง่วนอังครับ เดี๋ยวจะเอาเนื้อเงินมาลงให้ชมครับ   
						 | 
					 
					
						| 
							 
 
							 
							ราคาพระคือการอุปทานหมู่ของมนุษย์ ศรัทธาต่างหากที่จะอยู่คู่กับเราตลอดไป 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	
		
		
			
				
					
						| 
							kittipong
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 « ตอบ #2 เมื่อ: 05 สิงหาคม  2555, 06:46:35 »  | 
								
 | 
  
 
ผมมาใหม่   ขอคำชี้แนะด้วย    ผมมี1เหรียญ เนื้อเงินหรือป่าวไม่แน่ใจครับ เดี๋ยวจะเอารูปมาให้พิจารณา 
						 | 
					 
					
						
							
								
  .
								 | 
							 
								| 
				 | 
								
									 
									บันทึกการเข้า
								 | 
							 
 
 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	
		
		
			
				
					
						| 
							ลูกพ่ออินทร์
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 « ตอบ #3 เมื่อ: 05 สิงหาคม  2555, 07:18:36 »  | 
								
 | 
  
 
เหรียญรุ่นแรกทองแดงครับ    
						 | 
					 
					
						| 
							 
 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	
		
		
			
				
					
						| 
							ลูกพ่ออินทร์
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 « ตอบ #4 เมื่อ: 06 สิงหาคม  2555, 11:55:45 »  | 
								
 | 
  
 
ประวัติพระครูประศาสน์สุตคุณ (จันทร์ กัลยาโณ)  อดีตเจ้าอาวาสวัดสระบัว (บ้านกอก) ต.หนองแก้ว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ชาติภูมิ  นามเดิม จันทร์ นามสกุล เครือบุตร เกิดเมื่อวันที่ 7 เดือนกันยายน พ.ศ.2457 ตรงกับวันแรม 3 ค่ำ เดือน 10 ที่บ้านกอก ต.หนองแก้ว อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งในสมัยนั้นอำเภอกันทรารมย์ฝั่งซ้ายยังขึ้นอยู่กับจังหวัดอุบลราชธานี หลวงปู่เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 5 คน ของคุณพ่อพุ้ย คุณแม่จูม เครือบุตร
  การศึกษา ในวัยเด็กหลวงปู่ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านหนองแก้วจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในสมัยนั้น หลังจากจบชั้นประถมปีที่ 4 แล้วก็ออกมาช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำไร่ทำนาอยู่หลายปี จนอายุได้ 21 ปี หลังจากเกณฑ์ทหารแล้วจึงได้เข้าบรรพชาอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดสระบัว เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2478 โดยมี   เจ้าอธิการบัวพา อุตตโม วัดหนองแวง เป็นพระอุปัชฌายะ   พระอธิการเภา อุตตโม วัดหนามแท่ง เป็นพระกรรมวาจาจารย์   พระอธิการผัน วัดสระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้เดินทางไปศึกษาวิชาความรู้อยู่หลายแห่ง สำนักเรียนที่ไปศึกษาอาทิเช่น   วัดหนองไข่นก   วัดทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนมากจะเป็นตำราแพทย์แผนโบราณ และวิชาไสยศาสตร์สามารถอ่านออกเขียนได้ ตัวอักษรธรรม อักษรขอม และเรียนจบนักธรรมชั้นเอก 
						 | 
					 
					
						| 
							 
 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	
		
		
			
				
					
						| 
							ลูกพ่ออินทร์
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 « ตอบ #5 เมื่อ: 06 สิงหาคม  2555, 12:34:27 »  | 
								
 | 
  
 
ตำแหน่งและสมณศักดิ์   เป็นเจ้าอาวาสวัดสระบัว เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2493 จนถึง พ.ศ.2537   เป็นพระปลัดฐานานุกรมของพระราชจินดามุณี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2510   ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสชั้นตรี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2515   ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌายะ เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ.2515   เลื่อนสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสชั้นโท เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2529   ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2533   เลื่อนสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2533
  การก่อสร้าง   พ.ศ.2504 สร้างศาลาการเปรียญขึ้นหนึ่งหลังเป็นศาลาทรงไทยครึ่งอิฐครึ่งไม้ ยาว 18 เมตร กว้าง 12 เมตร สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2505 ใช้งบประมาณ 400,000 บาทเศษ ซึ่งได้รับการอนุเคราะห์จากหลวงปู่พระครูอนุกูลคณารักษ์ (เงิน เรวโต) อดีตเจ้าคณะอำเภอองครักษ์   พ.ศ.2512 ก่อสร้างกุฎิขึ้นอีก 1 หลัง เป็นกุฎิครึ่งอิฐครึ่งไม้ ยาว 18 เมตร กว้าง 16 เมตร สิ้นงบประมาณ 300,000 บาทเศษ   พ.ศ.2521 ได้รื้ออุโบสถหลังเก่า ซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก จึงได้กราบทูลอาราธนาเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (วาสนะเถระ) เสด็จมาเป็นองค์ประธานวางพระศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2521 และได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นลำดับมาจนสำเร็จเป็นอุโบสถหลังใหม่ยาว 19 เมตร กว้าง 8.5 เมตร สิ้นงบประมาณ 4,500,000 บาทเศษ และได้ประกอบพิธี ยกช่อฟ้า ผูกสีมา ตัดลูกนิมิตในวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์  พ.ศ.2540   พ.ศ.2533 ได้ก่อสร้างกุฎิประศาสน์สุตคุณขึ้นหนึ่งหลัง เป็นกุฏิตึกทรงไทยสองชั้น ยาว 18.5 เมตร กว้าง 12 เมตร สำเร็จเมื่อปี พ.ศ.2535 สิ้นงบประมาณ 1,400,000 บาทเศษ   พ.ศ.2535 ได้ก่อสร้างฌาปนสถาน การก่อสร้างได้ดำเนินโดยลำดับ จนกลางปี 2537 หลวงปู่ได้เริ่มอาพาธเนื่องจากร่างกายขาดการพักผ่อน วันๆต้องนั่งรับแขกที่ไปมาหาสู่ตลอดทั้งวัน แต่การก่อสร้างก็ไม่ได้หยุดชะงัก ศิษยานุศิษย์และญาติโยมได้ช่วยกันดำเนินการก่อสร้างต่อมา จนสำเร็จใช้การได้สิ้นงบประมาณ 1,560,000 บาทเศษ      
						 | 
					 
					
						| 
							 
 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	
		
		
			
				
					
						| 
							ลูกพ่ออินทร์
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 « ตอบ #6 เมื่อ: 06 สิงหาคม  2555, 12:57:36 »  | 
								
 | 
  
 
งานศาสนสงเคราะห์   พ.ศ.2516 ขอย้ายโรงเรียนหลังเก่าซึ่งติดกับเขตของวัด ออกไปตั้งและทำการก่อสร้างใหม่ เนื่องจากโรงเรียนหลังเก่ามีสนามคับแคบ ไม่สะดวกในการจัดกิจกรรมต่างๆ ทางกระทรวงได้อนุมัติให้ย้ายไปรวมกับโรงเรียนบ้านหัวนา ให้ชื่อว่าโรงเรียนบ้านกอก-หัวนา หลวงปู่ได้จัดหาสถานที่สร้างโรงเรียนจนบรรลุความสำเร็จทุกอย่าง   พ.ศ.2524 ได้ของบประมาณจัดสร้างสถานีอนามัยขึ้น หลวงปู่ได้ให้ความอุปถัมป์ในด้านกระแสไฟฟ้าในตัวอาคารอนามัย ตลอดทั้งบ้านพักของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
    โดยอุปนิสัยส่วนตัวของหลวงปู่ ท่านเป็นคนโอบอ้อมอารีย์ มีเมตตาธรรมสูง หลวงปู่เลี้ยงศิษยานุศิษย์เหมือนลูกโดยการส่งเสียค่าเล่าเรียนทุกอย่างเท่าที่หลวงปู่จะทำได้ โดยไม่ให้พ่อแม่เดือดร้อน ผู้ที่มาบวชเรียนกับหลวงปู่ ได้ดิบได้ดีมีงานทำ มีหน้ามีตาในวงสังคมเกือบทุกวงการ เป็นครู เป็นข้าราชการทหาร ตำรวจ อาจารย์สอนอยู่ตามมหาวิทยาลัยก็มี นอกจากนี้หลวงปู่ยังเป็นที่พึ่งของชาวบ้านหลายอย่าง โดยเฉพาะยาแผนโบราณเพราะในสมัยก่อนการแพทย์ยังไม่ทันสมัย ชาวบ้านต้องพึ่งยาสมุนไพร เช่นยาหม้อ ยาฝน ยาทา แม้แต่โรคประหลาดๆ ซึ่งวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนใหม่รักษาไม่หาย เช่นใส้เดือนกัด บุ้งกือกัด หลวงปู่ก็รักษาให้หายได้ แต่น่าเสียดายไม่ปรากฏว่ามีใครได้ตำรายาเหล่านี้เลย แม้แต่โรคลมบ้าหมู หลวงปู่ก็รักษาให้หายขาดได้ 
						 | 
					 
					
						| 
							 
 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	
		
		
			
				
					
						| 
							ลูกพ่ออินทร์
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 « ตอบ #7 เมื่อ: 06 สิงหาคม  2555, 13:40:30 »  | 
								
 | 
  
 
การอาพาธ   หลวงปู่เริ่มอาพาธเมื่อกลางปี พ.ศ. 2537 ต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง อยู่วัดก็ไม่มีเวลาพักผ่อน พอไปอยู่โรงพยาบาลคิดว่าจะมีเวลาพักผ่อนบ้าง แต่พอเวลาไปอยู่จริงๆ กลับไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะจะต้องพูดคุยกับญาติโยมที่ให้ความเคารพศรัทธาในตัวหลวงปู่ตลอดทั้งวันท่านอายุมากแล้วยังต้องมาทรมานนั่งหลังขดหลังแข็งต้อนรับแขกทั้งวี่ทั้งวัน ร่างกายก็ยิ่งแย่ลงไปอีกแม้แต่เวลากลับมาอยู่วัด คนก็ตามเอารถให้หลวงปู่เจิมจนเดินได้ไม่สะดวกก็เข้าปีกพยุงเดินลงบันไดไปเจิม หลวงปู่ป่วยด้วยโรคลำคออักเสบ กลืนอาหารไม่ลง แม้แต่จำพวกอาหารอ่อนๆ เช่นข้าวต้มหรือโจ๊กก็กลืนไม่ลง จึงทำให้ร่างกายของหลวงปู่อ่อนแอลงตามลำดับ ถึงกระนั้นท่านก็ยังมีกำลังใจดีมาก   ตอนเย็นๆของวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ.2537 ก่อนจะเดินลงจากศาลาการเปรียญ ท่านยังได้พูดคุยกับสามเณรที่คอยเฝ้าอุปัฏฐากว่าท่านจะเดินไปดูข้างอุโบสถทางด้านทิศเหนือว่าพระเณรทำความสะอาดเสร็จรึยัง เพราะอีกสี่ห้าวันจะมีงานถวายสังฆทานประจำปี พอดูเสร็จหลวงปู่ก็เดินกลับกุฏิที่พัก พอถึงกุฏิท่านก็นั่งลงเอนกายกับหมอนพิง แล้วร้องบอกสามเณรที่ติดตามว่าขอน้ำหน่อยจะฉันยาแล้วก็เงียบเสียงไป พอสามเณรนำน้ำเข้าไปถวายเห็นอาการของหลวงปู่ผิดปกติ คือมีอาการคล้ายคนสะอึก จึงรีบวิ่งไปบอกพระที่กุฏิข้างเคียงแล้วรีบวิ่งมาดู ก็พบว่าหลวงปู่นอนพิงหมอน เหยียดขาทั้งสองข้าง คอพับไปทางทิศตะวันตก ในมือยังกำเม็ดยา พอเอามือแตะที่รูจมูกก็ปรากฏว่าไม่มีลมหายใจ เข้าใจว่าหลวงปู่คงสิ้นใจแล้ว ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 18 นาฬิกาเศษๆ ในที่สุดหลวงปู่ก็ได้จากศิษยานุศิษย์ ลูกหลาน ญาติโยมไปอย่างไม่มีวันกลับ   นับว่าเป็นการสูญเสียบุคคลผู้ที่เป็นที่พึ่งของทายกทายิกาครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าหลวงปู่จะได้จากลูกหลาน ญาติโยมไปแล้วก็ตามแต่คุณงามความดีของหลวงปู่ก็ยังปรากฏให้ลูกหลานได้เห็น และจดจำนำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดเป็นศิริมงคลในชีวิตตลอดไป สิริรวมอายุของหลวงปู่ได้ 80 ปี 1 เดือน 1 วัน    
						 | 
					 
					
						| 
							 
 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	| 
		
		
	 | 
	
		
		
			
				
					
						| 
							ลูกพ่ออินทร์
							
						 | 
						
							
								  | 
								
									
									 « ตอบ #9 เมื่อ: 08 สิงหาคม  2555, 09:55:47 »  | 
								
 | 
  
 
ผมขอแบ่งสักเหรียญนะเฮีย อยากได้หลวงปู่มาเก็บไว้ครับ กระทู้ถัดไปจะนำวัตถุมงคลที่หลวงปู่สร้างทุกรุ่นมาลงให้ชมกันและตำรายาแผนโบราณที่พ่อผมจดบันทึกไว้สมัยที่บวชเรียนกับหลวงปู่มาเผยแพร่ครับ  
						 | 
					 
					
						| 
							 
 
						 | 
					 
				 
			 |  
		 
	 | 
	 |