หลวงปู่ใหญ่เสาร์สร้างวัดดอนธาตุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๑ หลวงปู่ใหญ่เสาร์ กนฺตสีโล ได้รับนิมนต์จาก แม่ชีผุย โกศัลวิตร ไปในงานฉลองศาลาวัดภูเขาแก้ว ที่คณะศรัทธาชาวเมืองพิบูลมังสาหารสร้างถวาย
หลังจากงานฉลองศาลา ๔-๕ วัน หลวงปู่ใหญ่เสาร์ได้ปรารภกับลูกศิษย์ว่า...อันว่าลำน้ำมูลตอนใต้เมืองพิบูลฯ นี้ องค์ท่านยังไม่เคยไปตามเกาะแก่งน้อยใหญ่ทั้งหลายนั้น จะมีผู้ใดอาสาพาไปสำรวจดูบ้าง
ก็มีลูกศิษย์ฝ่ายฆราวาสผู้ขันอาสา ได้แก่ ขุนสิริสมานการ (อดีตนายอำเภอพิบูลมังสาหาร), พ่อใหญ่อาจารย์บับ, พ่อใหญ่ครูคำดี, พ่อใหญ่พุทธา เป็นต้น
เมื่อถึงวันออกเดินทาง คณะศิษย์ได้จัดเตรียมเรือไว้หลายลำคอยอยู่ที่ท่าน้ำใต้แก่งสะพือลงไป
ตอนเช้าหลังฉันจังหันเสร็จแล้วได้ออกเดินทาง หลวงปู่ใหญ่เสาร์นั่งรถสามล้อถีบซึ่งมารออยู่แล้ว
คณะพระเณรที่ไปด้วยมี
พระอาจารย์ดี ฉนฺโน, พระอาจารย์กงแก้ว ขนฺติโก, พระอาจารย์บัวพา ปญฺญาภาโส, พระอาจารย์บุญเพ็ง นารโท, สามเณรหงส์ทอง, สามเณรคำผาย และสามเณรปุ่น เป็นต้น พากันเดินตามสามล้อหลวงปู่ใหญ่เสาร์ ไปลงเรือที่รอรับอยู่ ๔-๕ ลำ มีทั้งเรือแจวและเรือพาย
กองเรือได้ออกจากท่า ล่องตามลำน้ำมูลไปทางทิศตะวันออกผ่านบ้านแก่งเจริญ บ้านหินสง บ้านหินลาด บ้านไก่เขี่ย บ้านชาด ถึงดอนคับพวง แวะขึ้นไปเดินสำรวจดู
แล้วต่อไปยังดอนธาตุ ดอนตากไฮ ดอนเลี้ยว จนตะวันบ่ายคล้อยราว ๔-๕ โมงเย็น ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ฝนเริ่มตั้งเค้า จึงได้จอดเรือ แล้วขนบาตรขนบริขารขึ้นไปพักที่ศาลาท่าน้ำ วัดบ้านหัวดอนของพระอุปัชฌาย์รัตน์
เย็นนั้นลมฝนพัดกรรโชกแรงอื้ออึง จึงได้พากันเคลื่อนย้ายไปขอพักยังศาลาวัดบ้านหัวดอนที่อยู่ใกล้กันนั้น
ตอนนั้นพระอุปัชฌาย์รัตน์ เจ้าอาวาส ไม่อยู่ พระลูกวัดนิมนต์หลวงปู่ใหญ่เสาร์ และคณะไปพักที่ศาลาการเปรียญ แล้วส่งข่าวให้ผู้ใหญ่บ้านหัวดอน บ้านทรายมูล และชาวบ้านละแวกนั้นทราบ
พอถึงค่ำ ผู้ใหญ่บ้านและบรรดาลูกบ้านต่างก็พากันมากราบหลวงปู่ใหญ่เสาร์เป็นจำนวนมาก ในฐานะที่หลวงปู่ใหญ่เสาร์เป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์ดี ฉนฺโน ซึ่งเป็นพระที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาอยู่แล้ว
หลวงปู่ใหญ่เสาร์นำพาคณะชาวบ้านสวดมนต์ไหว้พระ รับศีล แล้วให้พระอาจารย์ดีแสดงธรรมโปรดคณะชาวบ้านจนดึกดื่น เป็นที่ซาบซึ้งและสร้างความศรัทธาให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
เมื่อชาวบ้านทราบเรื่องราวและกิตติศัพท์ในทางธรรมของหลวงปู่ใหญ่เสาร์ และคณะพระกรรมฐาน จึงได้พากันอาราธนานิมนต์ให้อยู่เผยแผ่ธรรมโปรดคณะศรัทธาชาวบ้านในถิ่นแถบนั้น
รุ่งเช้าหลวงปู่ใหญ่เสาร์ได้นำพาพระเณรออกบิณฑบาตในหมู่บ้าน ชาวบ้านหัวดอนและบ้านทรายมูลได้พากันมาถวายจังหันเป็นจำนวนมาก
พอฉันจังหันแล้ว หลวงปู่ใหญ่เสาร์บอกพระเณรและชาวบ้านญาติโยมว่า ท่านพิจารณาแล้ว อยากเลือกดอนธาตุให้เป็นที่ตั้งวัด เมื่อหลวงปู่ใหญ่เสาร์ปรารภว่า อยากสร้างดอนธาตุขึ้นเป็นวัดกรรมฐานเพราะมีความเหมาะสม คณะศรัทธาญาติโยมต่างโมทนาสาธุการ แล้วผู้ใหญ่บ้านพร้อมทั้งประชาชนต่างยินยอมพร้อมใจยกที่ดินบริเวณเกาะดอนธาตุถวายให้ท่านหลวงปู่ใหญ่เสาร์นำพาสร้างวัดต่อไป
พ่อใหญ่จอม พันธ์น้อย ได้ถวายบ้านเก่าหนึ่งหลัง พ่อใหญ่หมาจุ้ย ผลสิทธิ์ (ภายหลังหลวงปู่ใหญ่เสาร์เปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า พ่อใหญ่มงคล) ถวายบ้านหนึ่งหลัง และชาวบ้านอีกหลายคนก็ร่วมถวาย จึงได้บ้านเก่าหลายหลัง แล้วชาวบ้านได้พากันมาปลูกสร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นได้หลายหลัง
พอถึงเทศกาลวันมาฆบูชา ชาวบ้านญาติโยมได้ช่วยกันขนหินทรายมาก่อเจดีย์ทรายถวายวัด ต่อมาหินทรายกองนั้นได้ถูกนำมาใช้สร้าง พระพุทธไสยาสน์ (พระนอนคอนสวรรค์วิเวกพุทธกิจศาสนา) โดยมี พระอาจารย์ดี ฉนฺโน เป็นช่างปั้นพระพุทธรูปในครั้งนี้
หลวงปู่โชติ อาภคฺโค ได้บันทึกการสร้างพระพุทธไสยาสน์ว่า ท่านพระอาจารย์คำผาย (วัดป่าชีทวน) เล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นท่านยังเป็นสามเณรอยู่ เมื่อได้วัสดุก่อสร้างมาพร้อมแล้ว พระอาจารย์ใหญ่ท่านกำหนดเอาตรงลานที่ใช้เป็นศาลาชั่วคราวเป็นที่สร้างพระ แม้จะได้มีการคัดค้านจากลูกศิษย์ลูกหา ว่ามันใกล้ตลิ่งแม่น้ำมาก กลัวว่าต่อไปน้ำจะเซาะตลิ่งพังมาถึงเร็ว แต่องค์ท่านไม่ยอม โดยให้เหตุผลว่า ?ตรงที่กำหนดจะสร้างพระนั่นแหละเป็นพระธาตุอังคาร (ธาตุเถ้าฝุ่นพระบรมศาสดา) แต่เดิมที่ทรุดลงไป ซึ่งพังทลายแล้วอย่างไม่เหลือซาก จึงได้ให้สร้างพระพุทธไสยาสน์ครอบเอาไว้เป็นสัญลักษณ์สำหรับกราบไหว้ต่อไป?
เมื่อเป็นความประสงค์ขององค์ท่านเช่นนั้นจึงไม่มีใครคัดค้านอีก
ตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำมูลตรงที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ก็ยังสมบูรณ์ดีอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ ไม่เห็นน้ำกัดเซาะตลิ่งพังตามที่ลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านวิตกกันเลย
๏ กล่าวหาพระพุทธรูปนอนขวางฟ้าขวางฝน เมื่อการสร้างพระพุทธไสยาสน์ที่วัดดอนธาตุเสร็จแล้ว เป็นเวลาใกล้จะเข้าพรรษา หลวงปู่ใหญ่เสาร์เดินทางกลับไปที่วัดบูรพาราม ในเมืองอุบลราชธานี แล้วกลับไปจำพรรษาที่บ้านข่าโคมอีกครั้งหนึ่ง พระอาจารย์ดี ฉนฺโน พร้อมพระเณรที่เหลือ กลับไปจำพรรษาที่วัดภูเขาแก้ว ในตัวอำเภอพิบูลมังสาหาร วัดเดิมของท่าน
ในปีนั้นเกิดดินฟ้าอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าไม่ตกต้องฤดูกาล ก่อให้เกิดความแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพง ประชาชนชาวไร่ชาวนาต่างเดือดร้อนกันมาก
ฝ่ายพระอุปัชฌาย์พรหมา และบรรดาพวกมิจฉาทิฏฐิได้ฉวยโอกาสกล่าวร้ายโจมตีหลวงปู่ใหญ่เสาร์ และบรรดาศิษย์กรรมฐานของท่านว่า ?ที่เกิดฝนแล้งก็เพราะพระอาจารย์เสาร์มาสร้างพระนอนที่ดอนธาตุนี้แหละ พระนอนขวางฟ้าขวางฝนอยู่ทำให้ฝนไม่ตก...?
ประชาชนบางส่วนหลงเชื่อ จึงได้พากันยกพวกไปที่ดอนธาตุเพื่อทำลายพระพุทธรูป แต่คงไม่กล้าทำลายองค์พระทั้งหมด เพียงแต่มีผู้ขึ้นไปทุบจมูกพระให้เสียหาย เอาเป็นเคล็ดว่าทำลายพระพุทธรูปที่นอนขวางฟ้าขวางฝนเรียบร้อยแล้ว ต่อไปฝนคงจะตกตามปกติ ทว่า...ฝนฟ้าหาได้ตกตามที่ผู้นำกลุ่มได้บอกไว้ไม่ บางคนเกิดความสำนึกเสียใจ และกลัวบาปจากความโฉดเขลาเบาปัญญาของพวกเขาในครั้งนั้น
คำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า ?กมฺมุนา วตตี โลโก - สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม? บุคคลทำกรรมใดไว้ ผลกรรมย่อมตามสนองไม่ช้าก็เร็ว !
เหตุการณ์ในครั้งนั้นต่างประจักษ์แก่ชาวบ้านในละแวกตำบลระเว ตำบลทรายมูล ตำบลคันไร่ เรื่อยมาถึงตัวอำเภอพิบูลมังสาหารเป็นอย่างดี คือ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีข่าวว่าพระอุปัชฌาย์พรหมาไหลตาย
ลูกศิษย์ลูกหาเห็นท่านตื่นสายผิดสังเกต ได้พังประตูกุฏิเข้าไปดูปรากฏว่าท่านมรณภาพนอนตัวแข็งทื่อไปแล้ว
บันทึกของหลวงปู่โชติ เขียนไว้ว่า ?นอกจากพระอุปัชฌาย์พรหมา บ้านระเวแล้ว ยังมีคนบ้านคันไร่อีกคนหนึ่งนอนไหลตายเช่นกัน และได้ข่าวว่าคนที่ไปทุบจมูกพระนอนนั้น โดนยิงตายใกล้ควายที่ถูกใครก็ไม่ทราบไปขโมยมาฆ่าชำแหละเนื้อ !?
ในหนังสืออาจารย์พิศิษฐ์ เขียนไว้ว่า ?...ส่วนผู้ที่ทุบจมูกพระพุทธไสยาสน์นั้น ก็โดนฟ้าผ่าตาย ทั้งนี้ไม่มีเค้าว่าฝนจะตก...?
สรุปว่า กรรมตามสนองทันตาเห็น !
ย้อนหลังไปก่อนการมรณภาพของท่านพระอุปัชฌาย์พรหมา ไปประมาณ ๑ เดือน หลวงปู่ใหญ่เสาร์จะพูดให้ลูกศิษย์ได้ยินเสมอๆ ว่า ?สงสารอุปัชฌาย์พรหมาแท้เด๊ !?
๏ สมโภชพระพุทธไสยาสน์ พอออกพรรษาปวารณาในปีนั้นแล้ว หลวงปู่ใหญ่เสาร์ กนฺตสีโล พร้อมด้วยคณะศิษย์ ประกอบด้วยพระ เณร ชี อุบาสก อุบาสิกา และผู้ติดตามจำนวนมากจากบ้านข่าโคม สมทบกับคณะของท่านพระอาจารย์ดี ฉนฺโน จากวัดภูเขาแก้ว ก็ได้เดินทางกลับมาที่เกาะดอนธาตุ เพื่อประกอบพิธีทำบุญสมโภชพระพุทธไสยาสน์ที่ได้สร้างไว้
ครั้งแรกที่ทุกคนย่างเหยียบขึ้นไปบนเกาะ เห็นพระนอนโดนทุบจมูกทิ้ง ต่างก็รู้สึกสลดหดหู่ใจ ทำไมหนอเขาจึงสามารถกระทำเช่นนั้นได้ นรกแท้ๆ !
พระอาจารย์ดี ฉนฺโน ผู้ปั้น ได้พูดขึ้นว่า ?โอ๊ย ! พระนอนไปเฮ็ดอีหยังให้เขา ย่านเขาบาปหลายเด้?
หลวงปู่ใหญ่เสาร์ ท่านดูสงบเย็นเป็นปกติ หัวเราะในลำคอ หึ ! หึ ! แล้วพูดยิ้มๆ ว่า ?เห็นบ่ อาจารย์ดีเพิ่นเฮ็ดบ่งาม เขาจึงมาทุบถิ่ม คั่นว่าแปงใหม่งามแล้ว สิบ่มีไผมาทุบถิ่มดอก? (เห็นไหม อาจารย์ดี ทำพระไม่สวยเขาจึงมาทุบทิ้ง ถ้าทำใหม่สวยงามแล้ว คงไม่มีใครมาทุบทิ้งหรอก)
พระอาจารย์ดี ได้ทำการโบกปูนปั้นเสริมเติมต่อจนพระสมบูรณ์งดงามดังเดิม เสร็จแล้วจึงได้จัดพิธีสมโภชขึ้น โดยหลวงปู่ใหญ่เสาร์นั่งปรกเป็นองค์ประธาน นำคณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ มีการแสดงธรรมและปฏิบัติสมาธิภาวนา พระพุทธไสยาสน์ที่วัดดอนธาตุจึงเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ให้ประชาชนได้กราบไหว้ขอพรมาจนทุกวันนี้ขอขอบคุณ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=27115&f=13