พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
19 กันยายน 2568, 10:07:30
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง
|
พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี
|
แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ
|
วิธีสมัครสมาชิกเว็บ
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
>
ประวัติศาสตร์ บุคคลสำคัญ วัฒนธรรม ประเพณี พุทธสถานและแหล่งท่องเที่ยวภาคอีสาน
>
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และพุทธสถานที่สำคัญภาคอีสาน
(ผู้ดูแล:
คนโก้
,
เต้ อุบล
) >
พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์ (อ่าน 32282 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PN3
VIP Member
พลังน้ำใจ :
395
ออฟไลน์
กระทู้: 155
Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com
Level 10 : Exp 6%
HP: 0%
พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
«
เมื่อ:
25 สิงหาคม 2555, 17:42:37 »
พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
พระ ธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งนครหลวงเวียงจันทน์ และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย และปรากฏความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงอย่างแยกไม่ออก สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างของประเทศลาว ดังปรากฏว่าตราแผ่นดินของลาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีรูปพระธาตุหลวงเป็นภาพประธานในดวงตรา
ตามตำนานอุรังคนิทานได้กล่าวไว้ว่า พระธาตุหลวงสร้างขึ้นคราวเดียวกับการสร้างเมืองนครเวียงจันทน์ หลังจากก่อสร้างพระธาตุพนมแล้ว ผู้สร้างคือ บุรีจันอ้วยล้วย หรือ พระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจ้าเหนือหัวผู้ครองนครเวียงจันทน์พระองค์แรก พร้อมกับพระอรหันต์ 5 องค์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากเมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย โดยก่อเป็นอุโมงค์หินคร่อมไว้ อุโมงค์นั้นกว้างด้านละ 5 วา ผนังหนา 2 วา และสูงได้ 4 วา 3 ศอก เมื่อได้ทำการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว พระเจ้าจันทบุรี จึงได้มีพระราชดำรัสให้เสนาอำมาตย์สร้างวิหารขึ้นในเมืองจันทบุรีหรือนคร เวียงจันทน์ 5 หลัง เพื่อให้เป็นที่อยู่จำพรรษาของ พระอรหันต์ทั้ง 5 องค์นั้นด้วย ตามตำนานดังกล่าวระบุศักราชการสร้างว่าอยู่ในช่วง พ.ศ. 238
ในระยะต่อมาแม้ว่าชื่อของเวียงจันทน์จะไม่ได้ปรากฏในหนังสือประวัติศาสตร์ใดเลย แต่อย่างไรก็ดี นครเวียงจันทน์ก็ยังคงเป็นเมืองสำคัญอยู่ตลอดมา ดังปรากฎการอ้างถึงชื่อเมืองเวียงจันทน์ในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง และในพงศาวดาวลาวฉบับต่างๆ ก็ระบุด้วยว่านับตั้งแต่พระเจ้าฟ้างุ้มเสวยราชสมบัติที่เมืองหลวงพระบางแล้ว ก็ได้มีการส่งเชื้อพระวงศ์และขุนนางสำคัญมาปกครองเมืองนี้โดยตลอด จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2109 หลังจาก พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช วีรกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านช้าง ได้ทรงย้ายราชธานีเมืองเชียงทองหลวงพระบาง ลงมายังนครเวียงจันทน์ได้ 6 ปีแล้ว พระองค์จึงได้มีพระบรมราชโองการให้สร้างองค์พระธาตุหลวงขึ้นมาใหม่ ในเขตพระราชอุทยานทางด้านทิศตะวันออกของกรุงเวียงจันทน์ โดยสร้างครอบพระธาตุองค์เก่าที่มีมาแต่โบราณกาล เมื่อสร้างพระธาตุหลวงเสร็จแล้ว จึงทรงขนานนามพระธาตุนี้ว่า ?พระธาตุเจดีย์โลกจุฬามณี? หรือ ?พระธาตุใหญ่? (แต่คนส่วนมากมักเรียกว่า ?พระธาตุหลวง?) และมีพระราชโองการให้อุทิศข้าพระธาตุจำนวน 35 ครอบครัว อยู่เฝ้ารักษาพระธาตุนี้ พร้อมทั้งที่ดินสำหรับให้ครอบครัวของข้าพระธาตุทำกิน
? พระธาตุหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประตูชัย พระธาตุหลวงแห่งนี้ถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว เป็นสัญญาลักษณ์ประจำชาติและยังแทนความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของประเทศลาวอีกด้วย พระธาตุนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 พระธาตุองค์นี้มีรูปทรงที่ไม่เหมือนกับองค์อื่นๆ เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมในพระพุทธศาสนากับสถาปัตยกรรมของอาณาจักร
? ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุองค์นี้ได้สร้างในสมัยพุทธศักราชที่ 236 โดยมีพระภิกษุลาวจำนวน 5 รูปเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย และได้อันเชิญพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้ามายังนครเวียงจันทน์ด้วย ต่อมาด้ำกราบทูลพระยาจันทบุรีประสิทธิ์ศักดิ์ เจ้านครเวียงจันทน์ในสมัยนั้น ให้สร้างพระธาตุหลวงขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเพื่อให้ชาวลาวได้กราบไหว้ กล่าวไว้ว่า พระธาตุองค์เดิมนั้นสร้างด้วยหินเป็นทรงโอคว่ำ มีการก่อกำแพงล้อมรอบเอาไว้ทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีความกว้าง 10 เมตร หนา 4 เมตร และสูง 9 เมตร เชื่อกันว่าพระธาตุที่เห็นในปัจจุบันสร้างครอบองค์เดิม ซึ่งต่อมาสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านช้างจากหลวงพระบางมาอยู่ที่เวียงจันทน์ ตามดำริของพระราชบิดา คือพระเจ้าโพธิสาร จากนั้นทรงมีพระบัญชา ให้ทรงสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ ณ บริเวณที่เคยเป็นเทวสถานเก่าของขอมโดยเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.2109 และหลังจากสร้างพระธาตุหลวงได้โปรดฯ ให้สร้างวัดขึ้นล้อมรอบพระธาตุไว้ทั้งสี่ทิศด้วย แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงสองแห่งด้วยกันคือ วัดพระธาตุหลวงเหนือและวัดพระธาตุหลวงใต้
? ในปัจจุบัน พระธาตุหลวงมีลักษณะคล้ายป้อมปราการ เพราะมีการสร้างระเบียงสูงใหญ่ขึ้นโอบล้อมรอบองค์พระธาตุไว้ พร้อมกับทำช่องหน้าต่างเล็กๆเอาไว้โดยตลอด สำหรับประตูทางเข้านั้นเป็นประตูไม้บานใหญ่ ลงรักสีแดงไว้ทั้งหมด นอกจากนี้รอบๆองค์พระธาตุใหญ่ยังมีเจดีย์บริวารล้อมรอบอยู่โดยรอบอีหลายองค์ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นสัญลักษณ์หนึ่งแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาแห่งนี้ปรากฏอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแกะสลักพญานาค พระพุทธรูปปิดทองลายกลีบบัวประดับอยู่บนฐานปักษ์ และถัดจากประตูทางเข้าใหญ่ประมาณ 100 เมตรจะแลเห็นพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตั้งอยู่บนฐานสูง พระหัตถ์ทรงถือพระแสงดาบวางพาดไว้บนพระเพลา เล่ากันว่า พระแสงดาบเล่มนี้ทำหน้าที่ปกป้องพระธาตุหลวงซึ่งได้ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวลาวทุกคน
ลักษณะองค์พระธาตุ
รูปของพระธาตุหลวงนี้ ได้ปรากฏเป็นภาพประธานในตราแผ่นดินของลาว นับตั้งแต่ พ.ศ. 2534 เป็นต้นมาองค์พระธาตุมีความสูง 45 เมตร รูปลักษณะคล้ายดอกบัวตูม อันหมายถึงสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า มีพระธาตุเล็กอยู่บนพระธาตุใหญ่ชั้นที่สอง รองทั้งสี่ด้าน มี 30 องค์เรียกวา ?สัมมติงสบารมี? อยู่ในธาตุองค์เล็กทั้ง 30 องค์นี้ ผู้สร้างได้นำเอาทองคำมาหล่อเป็นรูปพระธาตุเล็ก ๆ 30 องค์ แต่ละองค์หนัก 4 บาท และเอาทองคำมาตีเป็นแผ่น รุปลักษณะเหมือนใบลาน เรียกว่า ?ลานคำ? 30 แผ่น แต่ละแผ่นยาวศอกกำมือ (คือวัดศอก โดยกำมือไว้ ไม่วัดจากปลายมือ กำมือแล้วยื่นนิ้วก้อยออกมา วัดที่สุยปลายนิ้วก้อยเท่านั้น) แล้วเขียนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงในใบลานคำทุกใบว่า ?เยธัมมา เหตุปปัพวา เตสัง เหตุง คถาคโต เตสัญจะ โย นิโรโธ จะ เอวัง วาทิ มหาสมโณ? แปลว่า ?ธรรมทั้งหลายเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และเพราะเหตุเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติตรัสเช่นนี้? แล้วเอาทองคำและใบลานลงไว้ในพื้นธาตุเล็ก ทั้ง 30 องค์ การที่ได้สร้างพระธาตุขนาดเล็กนี้ขึ้นมา มีความหมายว่า ?ผู้ที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะต้องได้สร้างคุณงามความดีไว้ให้ถึง 30 ประการ มีทานบารมี เป็นต้น จนถึงอุเบกขา ปรมัตถบารมีเป็นปริโยสาน
รูปชั้นล่างสุดเป็นฐานพระธาตุ 4 เหลี่ยม ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยาวด้านละ 69 เมตร ส่วนทางทิศเหนือและทางทิศใต้ยาวด้านและ 68 เมตร ด้านล่างมีใบเสมรอบ 4 ด้าน มีทั้งหมด 323 ใบ มีหอไหว้ทั้ง 4 ด้าน มีบันใดขึ้นหอไหว้ทุกหอ
ที่หอไหว้ทิศตะวันออก ชั้นบนขึ้นไป มีธาตุเล็กองค์หนึ่งที่มีลวดลายสวยงาม และได้สร้างหอครอบไว้อีกชั้นหนอ หอที่สร้างครอบมีลวดลายวิจิตรสวยงามเช่นเดียวกัน ธาตุเล็กนี้เรียกว่า ? พระธาตุศรีธรรมทายโลกด้านที่สอง ถัดจากหอไหว้ขึ้นไป แต่ละด้านยาว 48 เมตร มีกลีบดอกบัวล้อมรอบ ทั้งหมดมีจำนวน 120 กลีบ ภายในกลีบดอกบัวทำด้วยกระดูกงู (เส้นลวดเป็นขอบล้อมทั้ง 4 ด้าน) แล้วตั้งใบเสมาบนกระดูกงูนั้น ใบเสมาในชั้นนี้ จำนวน 228 ใบ ตรงกลางใบเสมาทุกใบเป็นโพลง(ไม่ทะลุ) สำหรับใส่พระพิมพ์ใบละองค์ บนชั้นนี้มีประตูโขงตรงกับทางขึ้นหอไหว้ทั้ง 4 ด้านพอเข้าไปที่ประตูโขงนั้นก็จะพบพระธาตุบารมีที่กล่าวแล้ว และธาตุบารมีก็มีชื่อเรียกทุกองค์ คือเริ่มแต่ทานบารมี ทานอุปบารมีในจนครบ ทั้ง 30 องค์
ชั้นที่สามสร้างขึ้นถัดจากพระธาตุองค์เล็ก 30 องค์นั้น ขึ้นไปบนชั้นนี้จะเห็นว่า มีความกว้าง ด้านละ 30 เมตร พื้นด้านที่สามนี้ มีรูปลักษณะเป็นหลังเต่า หรือโอคว่ำ (ขันตักน้ำคว่ำ) อยู่บนชั้นหลังเต่า เป็นฐานของยอดพระธาตุ มีรูปเป็นสี่เหลียมล้อมรอบด้วยกลีบดอกบัวใหญ่ ซึ่งมีปลายกลีบเริ่มบานออก ถัดจากดอกบัวไปจึงมีรูปรัดเอว เหนือจากที่รัดเอวไปจะเป็นฐานจอมธาตุ ฐานนี้จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเหวอ (บาน) ขึ้นด้านบนนิดหน่อย ต่อจากฐานนี้ คนโบราณเรียกว่า ?ดวงปี? ดังมีอยู่ในคำกลอนว่า ?เจดีย์ดิ้ว ดวงปีพ้นพุ่ง? อยู่บนดวงปี จึงเป็นสเวตฉัตรเป็นยอดพระธาตุที่สูงสุด? อยู่รอบฐานพระธาตุ ก็ได้สร้างบริเวณล้อมรอบติดกันทั้ง 4 ด้าน มีประตูเข้าทั้ง 4 ด้าน ประตูอยู่ระหว่างกลาง บริเวณแต่ละด้านพอดี บริเวณยาวด้านละ 91 เมตร 75 เซนติเมตร
นอกบริเวณทางทิศเหนือ และทางทิศใต้ มีวัดสำหรับพระภิกษุสามเณรอยู่อาศัย เรียกว่า ?วัดธาตุหลวงเหนือและวัดธาตุหลวงใต้?
ประเพณีนมัสการพระธาตุหลวง
ประเพณีบุญนมัสการพระธาตุหลวงนี้ ได้ทำสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณกาล โดยมีพระมหากษัตริย์องค์เป็นประมุขของชาติทรงเป็นประทาน จึงนับว่าบุญนมัสการพระธาตุหลวงนี้เป็นบุญของหลวง ในวัน ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 12 ตอนบ่ายประชาชนทุกภาคส่วน มารวมกันที่ วัดศรีสัตนาค เพื่อแห่ปราสาทผึ้ง และต้นกัลปพกฤษ์ ไปทอดถวายที่วัดศรีเมืองตอนค่ำมีงานมหรสมโภชน์ตลอดทั้งคืน วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ตอนเช้า ทำพิธีดื่มน้ำพระพิพัธสัจจาอยู่สิมวัดองตื้อ ผู้ที่เข้ารับน้ำสาบาน มีตั้งแต่ระดับหัวหน้าขึ้นไป ถึงคณะรัฐมนตรีของประเทศลาว ตอนบ่าย 2 โมง ประชาชนทุกภาคส่วนตั้งขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และต้นกัลปพฤกษ์ ออกไปธาตุหลวง เวลาบ่าย 3 โมง ประมุขรัฐ และเจ้านาย ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ออกไปสู่พระธาตุหลวง เพื่อเป็นเกียรติแห่ปราสาทผึ้งเดินรอบบริเวณพระธาตุหลวงร่วมกับประชาชนที่มาจากทั่วสารทิศ เมื่อเวียนครบ 3 รอบแล้วก็ทำพิธีถวาย ถึงเวลากลางคืนก็มีงานมหรสพสมโภช วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตอนเช้ามีการทำบุญตักบาตรในบริเวณพระธาตุ แล้วฟังพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ ตอนกลางคืนมีงานฉลองเป็นวันสุดท้าย วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 เสร็จงานจากพระธาตุหลวงแล้ว ก็มีการแห่ปราสาทผึ้งมาถวายที่วัดองค์ตื้อ และวัดอินแปง อีกจึงจะถืองานนมัสการพระธาตุหลวงเสร็จสิ้นสมบูรณ์
lao6[1].jpg
(77.73 KB, 600x429 - ดู 26141 ครั้ง.)
lao8[1].jpg
(77.14 KB, 600x429 - ดู 5112 ครั้ง.)
lao10[1].jpg
(97.72 KB, 600x429 - ดู 4999 ครั้ง.)
lao12[1].jpg
(80.58 KB, 600x429 - ดู 5049 ครั้ง.)
.
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 สิงหาคม 2555, 13:10:41 โดย PN3
»
บันทึกการเข้า
PN3
VIP Member
พลังน้ำใจ :
395
ออฟไลน์
กระทู้: 155
Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com
Level 10 : Exp 6%
HP: 0%
Re: พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
«
ตอบ #1 เมื่อ:
25 สิงหาคม 2555, 17:45:14 »
เหรียญพระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
Copy of DSC_6128.jpg
(120.03 KB, 600x843 - ดู 4766 ครั้ง.)
Copy of DSC_6124.jpg
(116.75 KB, 600x932 - ดู 4762 ครั้ง.)
Copy of DSC_6125.jpg
(118.8 KB, 600x954 - ดู 5195 ครั้ง.)
บอย น้ำยืน
,
บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ธันวาคม 2555, 18:41:17 โดย PN3
»
บันทึกการเข้า
บอย น้ำยืน
Hero Member
พลังน้ำใจ :
334
ออฟไลน์
กระทู้: 193
Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com
Level 11 : Exp 23%
HP: 0%
Re: พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
«
ตอบ #2 เมื่อ:
25 สิงหาคม 2555, 18:02:05 »
เหรียญพระธาตุหลวง เหรียญนี้ผมเคยมีครับ พอดีผมไม่รู้จักประวัติเหรียญ ก็เลยปล่อยไป ๕๐๐ บาทขาดตัว เเต่พอรู้ว่าสร้างปี ๒๕๐๐ เเล้วรู้สึกเสียดาย เหรียญเก่าทรงคุณค่า
.
บันทึกการเข้า
บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน
ยิ้มเย้ยยุทธจักร
Administrator
พลังน้ำใจ :
1197
ออฟไลน์
กระทู้: 1328
Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com
Level 29 : Exp 61%
HP: 0%
จงเป็นดั่งผีบ้าแล้วท่านจะปราศจากความทุกข์
Re: พระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
«
ตอบ #3 เมื่อ:
25 สิงหาคม 2555, 19:36:05 »
มีเหรียญพระธาตุหลวง ก็ต้อง มีเหรียญพระบาง นะครับอาจารย์ คนเมืองเชียงทอง หรือ เวียงจันทร์ในปัจจุบัน เขานับถือกันนักครับ
.
บันทึกการเข้า
ราคาพระคือการอุปทานหมู่ของมนุษย์ ศรัทธาต่างหากที่จะอยู่คู่กับเราตลอดไป
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดทั่วไป
-----------------------------
=> ข่าวสารของทางชมรมฯและพูดคุยเรื่องทั่วไปสัพเพเหระ
===> วิธีสมัครสมาชิกและแจ้งปัญหาการใช้งาน
===> กฏกติกามารยาทชาวชมรมฯ
-----------------------------
ชมรมสืบสานตำนานบูรพาจารย์สายสำเร็จลุน
-----------------------------
=> ชมรมสืบสานตำนานบูรพาจารย์ศิษย์สายสำเร็จลุน
===> พุทธสถานวัดบูรพาจารย์สายสำเร็จลุน
===> หลวงปู่ใหญ่สำเร็จลุน
===> หลวงปู่ญาถ่านตู๋ ธัมมสาโร
===> หลวงปู่ญาถ่านกัมมัฏฐานแพง จันทสาโร
===> หลวงปู่ญาถ่านแสง อานันโท
===> หลวงปู่(สำเร็จ)เณรแก้ว
===> หลวงปู่ญาถ่านซาคำแดง
===> หลวงปู่ญาถ่านโทน กันตสีโล
===> หลวงปู่ญาถ่านทอง สุวัณโณ
===> หลวงปู่ญาถ่านฤทธิ์ โสภิโต
===> หลวงปู่ญาถ่านภูมาภิบาล
===> หลวงปู่ญาถ่านลี อุตตโร
===> หลวงปู่ญาถ่านสวน ฉันทโร
===> หลวงปู่ญาถ่านดี ภัทธิโย
===> หลวงปู่เพ็ชร ฐานธัมโม
===> หลวงปู่ญาถ่านคำบุ คุตฺตจิตฺโต
===> หลวงปู่ญาถ่านคล้าย อธิเตโช
===> หลวงปู่ญาถ่านอ่อง ฐิตธัมโม
===> หลวงปู่ญาถ่านทา นาควัณโณ
===> หลวงปู่ญาถานเกษม วัดเกษมสำราญ
===> หลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร
===> หลวงปู่เพ็ชร ปทีโป
===> หลวงปู่ด่อน อินทสาโร
===> หลวงปู่อ่วม สิริภทฺโท
===> หลวงปู่คำฝน สุทธิวัณโณ
-----------------------------
บูรพาจารย์สายหลวงปู่มั่น-หลวงปู่เสาร์
-----------------------------
=> บูรพาจารย์สายหลวงปู่มั่น-หลวงปู่เสาร์ ในจังหวัดอุบลราชธานี
-----------------------------
ห้องพระ
-----------------------------
=> พระคณาจารย์อริยสงฆ์รวมจังหวัดอุบลราชธานี,ศรีสะเกษ,ยโสธร,อำนาจเจริญและมุกดาหาร
===> พระครูวิโรจรัตโนบล (หลวงปู่รอด)
===> พระอุปัชฌาย์แดง หนองบัวฮี
===> หลวงปู่มั่น ทัตโต
===> พรครูศรีสุตาภรณ์
===> หลวงปู่เลิศ วัดหนองหลัก
===> พระครูชิโนวาทสาทร
===> หลวงปู่ชา สุภัทโท
===> หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
===> หลวงปู่บุญชู วัดบ้านวังมน
===> หลวงพ่อใหญ่วัดพิชบ้านแก้ง
===> หลวงปู่มาย จันทสีโล
===> หลวงปู่มหาประดิษฐ์ อุตฺตโม
===> หลวงตาเคน ฉินฺนาลโย ที่พักสงฆ์ถ้ำแตก
===> พระครูวิบูลธรรมธาดา(หลวงพ่อกาว ธมฺมทินฺโน)
===> หลวงปู่ทา ธมฺมธโร วัดบ้านหมากมี่
=> พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ
-----------------------------
ห้องเวทย์วิทยาคมและสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ
-----------------------------
=> ฆราวาสผู้เรืองวิทยาคม
=> เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
-----------------------------
พระเครื่องและวัตถุมงคล
-----------------------------
=> ร้านพระเครื่อง VIP (ชมรมเพื่อนอนุรักษ์พระแท้)
===> นิธิปรัชญ์พระเครื่อง
===> แดนเมืองอุบล
===> อิศานปุระ
===> เเงซายพระเครื่อง
=> วิชาการ ถาม-ตอบ เกี่ยวกับพระเครื่องและวัตถุมงคล
=> ให้เช่า-รับเช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่องและวัตถุมงคล
===> ประมูลพระเครื่อง
=====> ประมูลพระเครื่องสายอีสาน
=====> ประมูลพระเครื่องเมืองสยาม(นอกเหนือภาคอีสาน)
=====> ประมูลเครื่องรางของขลัง
===> แนะนำพระใหม่
===> ให้เช่าวัถุมงคล เพื่อการกุศลเท่านั้น
-----------------------------
ประวัติศาสตร์ บุคคลสำคัญ วัฒนธรรม ประเพณี พุทธสถานและแหล่งท่องเที่ยวภาคอีสาน
-----------------------------
=> ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ท้องถิ่น
=> วีรชน 2 ฝั่งโขง
=> พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และพุทธสถานที่สำคัญภาคอีสาน
=> สถานที่ท่องเที่ยวภาคอีสาน
-----------------------------
มุมนักอ่าน ลานนักเขียน
-----------------------------
=> ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ
=> เเนะนำหนังสือน่าอ่าน
=> ส่องสนามเมืองนักปราชญ์ โดย อ.แดน เมืองอุบล
กำลังโหลด...