?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
13 มิถุนายน 2568, 15:17:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10
 61 
 เมื่อ: 17 เมษายน 2568, 05:39:05 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เมื่ออารมณ์ทางชั่ว
เข้ามาปักอยู่กับจิตกับใจ
ทำจิตไม่ให้สงบได้
จำเป็นต้องใช้อารมณ์ทางดีต่อสู้
เอาชนะความชั่ว ด้วยความดีของเรา

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๒๙

 62 
 เมื่อ: 16 เมษายน 2568, 06:37:42 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
บุญกุศล
พึงเข้าใจว่า เกิดที่ใจของทุกๆคน
ปลื้มใจมาก มันก็มาก ไม่ใช่อยู่ที่วัตถุสิ่งของ

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๗๐

 63 
 เมื่อ: 14 เมษายน 2568, 07:14:55 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
#ศาสนาสอนที่ตัวเรา
ฆราวาสพวกเราบางคน ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย ศีล ๕ สักตัวเดียวก็ไม่เคยรักษา
พอเห็นความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพระภิกษุสามเณร ก็อย่าเพิ่งถือว่าเลวทั้งหมด
การเหมาเอาว่า พระภิกษุเหมือน กันทั้งหมดก็ยังไม่ถูก
พุทธศาสนาไม่ได้หมายเอาที่พระ หมายเอาการปฏิบัติต่างหาก
พระนั้นอยู่ที่บุคคล แต่ศาสนาไม่ได้อยู่ที่บุคคล
ศาสนาเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าบุคคลปฏิบัติผิด ก็เป็นเรื่องบุคคลผิดไม่ใช่ศาสนาผิด
ศาสนาก็ยังสอนตรงไปตรงมาอยู่ตามเดิม สอนให้ละชั่วทำดีอยู่ตามเดิม
แต่คนไม่ปฏิบัติตาม เมื่อเราปฏิบัติตามคำสอนไม่ได้จะหาว่าศาสนาไม่ดีไม่ได้
นี่ให้พิจารณาอย่างนี้
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ใครจะทำผิดทำเลวทรามอย่างไรเป็นเรื่องศาสนาเสื่อมหมด ยกให้ศาสนาไม่ดีทั้งนั้น
บางทีแม้แต่คนเข้าวัดเข้าวามาฟังเทศน์ฟังธรรม รักษาศีล อบรมภาวนาทำกัมมัฏฐาน แสดงกิริยาโกรธกริ้วขึ้นสักทีหนึ่ง
โอโฮ! กล่าวโทษศาสนานี้ไม่ดีเลย
เข้าวัดเข้าวาจนแก่จนเฒ่าแล้วยังละโลภโมโทสันไม่ได้ พูดอย่างนี้มันก็ผิดไป
อย่าพูดอย่างนั้น นั่นเป็นเรื่องของบุคคล
ศาสนาสอนให้ละ แต่บุคคลไม่ละ ไม่ทราบจะทำอย่างไร ถ้าเข้าใจได้อย่างนี้ก็สบาย
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร ขอตอบว่า เมื่อเขาไม่ทำ เราทำ
พากันคิดมานะขึ้นสักคน หรือทุกคนคิดมานะขึ้นมา
ลองดูซิ เขาไม่ทำเราทำ กระทำเป็นตัวอย่างเขา
ทีนี้มันไม่เป็นเช่นนั้นน่ะซี
ส่วนมากพอเห็นเขาไม่ทำ เราก็เลยไม่ทำ เลยพลอยไม่ดีไปตามเขา
เมื่อเราไม่ดีก็คอยกล่าวโทษคนอื่น ต่างคนต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกันเป็นเรื่องเดือดร้อนวุ่นวาย

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

 64 
 เมื่อ: 11 เมษายน 2568, 06:59:44 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เมื่อเราเข้าใจหน้าที่อย่างยิ่งของเราคือว่าเรื่อง สติควบคุม
สิ่งที่กระทบมันมีอยู่่ตลอดเวลา เพราะกายกับจิตมันอยู่ด้วยกัน
เมื่อเรายังต้องอาศัยขันธ์อันนี้อยู่ จำเป็นจะต้องมีเรื่อง กระทบกระเทือนอยู่ตลอดเวลา

ธรรมปฏิบัติ
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 65 
 เมื่อ: 10 เมษายน 2568, 06:00:37 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เรามาแก้ตัวของเราอย่างเดียว
เขาจะโกรธจะเกลียดเรา
หรือเขาจะชอบอกชอบใจเรา อันนั้นเป็นเรื่องของโลก
เราไม่ได้เอาอันนั้นมาเกี่ยวเกาะไว้กับจิตกับใจของเรา
มันก็สบายเลย

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๖๕

 66 
 เมื่อ: 09 เมษายน 2568, 06:02:08 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
***โลภ โกรธ หลง***
ใครโกรธ...ความโกรธมันก็วิ่งเข้ามาหา
ใครโลภ...ความโลภมันก็วิ่งเข้ามาหา
ใครหลง...ความหลงมันก็วิ่งเข้ามาหา
มันอยู่ทั่วไปหมด มันวิ่งเข้ามาหาตัวใจนั่นแหละ
จึงว่ามันรวมที่ใจ ถ้าไม่เห็นใจแล้วก็ไม่เห็นตัวกิเลส
เราพิจารณาชำระใจของเราให้ผ่องใส
จึงจะเห็นใจอันบริสุทธิ์

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 67 
 เมื่อ: 08 เมษายน 2568, 06:02:23 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
กายนี้ได้ชื่อว่า เป็นที่ตั้งของความยึดถือ
ให้พิจารณาให้เป็นโทษเป็นภัย แล้วเบื่อหน่าย
ในความยึดมั่นเป็นขันธ์ จึงจะพ้นทุกข์ได้

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๐

 68 
 เมื่อ: 07 เมษายน 2568, 05:43:21 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
คำว่า จิตไม่นิ่ง ก็คือ มันไม่ผ่องใสนั่นเอง แล้วมันก็บอกอยู่ชัดๆ แล้ว ..
เนื้อความว่า กิเลส คือ ความเศร้าหมองของจิต จิตไม่นิ่งเพราะกิเลส มันก็เศร้าหมอง มันขุ่นมัว หลับตาดูจิตของเราเดี๋ยวนี้ก็ได้
ถ้าจิตของเรายังฟุ้งซ่านส่งโน่นส่งนี่อยู่ เรียกว่า มันกระเพื่อมอยู่ มันมีเศร้าหมอง จะไปชำระ จะไปเห็นเรื่องของจิตนั้นเป็นไปไม่ได้..
ครั้นจิตมันนิ่งแน่วลงไปแล้ว กิเลสอะไรก็ช่างจะปรากฏขึ้นมาในที่นั่นเลย ถึงแม้จิตจะแว๊บลงไปนิดเดียวก็ตาม มันเห็นเลย
หรือขณะที่จิตนิ่งอยู่ เมื่อจิตวูบวาบออกไปนิดเดียวก็ตาม คือมันจะส่งออกไปหาอารมณ์อะไรที่เกิดขึ้น ย่อมเห็นในขณะที่จิตอยู่ในอารมณ์เดียวนั้น อันนี้เรียกว่า ตามรู้จิต เห็นจิต..


หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี..

 69 
 เมื่อ: 06 เมษายน 2568, 07:03:03 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
อายตนะทั้ง 6
จะเป็นกิเลสและเป็นภัย ก็แต่ผู้ที่ไม่เข้าใจตามความเป็นจริง
แล้วเข้าไปยึดถือเอามาเป็นของตนเท่านั้น
ผู้ที่รู้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว
อายตนะทั้งหลายก็จะเป็นอายตนะอยู่ตามเดิม
และทำหน้าที่อยู่ตามเคย
ใจจะไม่หลงเข้าไปยึดติดเอามาเป็นของตนเลย
ที่เรียกว่า สมาธิเกิดขึ้น
เพราะเอาความเห็นอันเป็นจริงในสัจจธรรมเป็นอารมณ์

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
(สามทัพธรรม รหัส 4 หน้า 6)***************************************

 70 
 เมื่อ: 05 เมษายน 2568, 05:34:14 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ลองฝึกหัด ตัดความคิดฟุ้งซ่านถึงอดีตและอนาคต
เครื่องมือที่ตัดก็ใช้ “สติ “
คืออย่าเผลอไผลปล่อยใจให้คิดถึง
เรื่องอดีตหรืออนาคต
คิดเมื่อใดให้เรียกใจกลับมาทันที
ให้กลับมาสนใจกับปัจจุบัน คือสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
หรือที่พระเรียกว่า ของจริง นี่แหละ
แล้วท่านจะพบว่า ในแต่ละวันๆ ความทุกข์จะหายไปจากใจไม่น้อย

คติธรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!