?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
24 ตุลาคม 2568, 10:24:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
 21 
 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2568, 06:27:18 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ให้พิจารณาถึง กาย ของเรานี้
เห็นความเกิด ความดับ เท่านั้นแหละ
ธรรมทั้งหลาย เกิด ดับ เท่านั้น
ไม่มีเรื่องอะไร หมดทุกสิ่งทุกอย่าง

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๙๔

 22 
 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2568, 05:30:22 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
#การอบรมจิตใจ
"การภาวนา คือ การอบรมจิตใจให้มีความสงบ เป็นการชำระจิตใจให้สงบจากอารมณ์ต่างๆ ยิ่งเป็นการละเอียดไปกว่าการรักษาศีลอีก จิตของเราถ้ายังไม่สงบตราบใดแล้ว มันก็จะต้องยุ่งวุ่นวายอยู่ตราบนั้น
เมื่อมาฝึกหัดภาวนา เห็นโทษเห็นภัย ของความยุ่ง ความไม่สงบด้วยตนเองแล้ว เราก็จะพยายามทุกวิถีทางที่จะละความไม่สงบ เมื่อสิ่งใดที่ละได้แล้ว อารมณ์ใดที่วางได้แล้ว เราก็จะต้องรักษาไม่ให้สิ่งนั้น มันเกิดขึ้นมาอีก
ไม่ใช่ว่าเราละได้แล้ว ก็แล้วไปเลย ไม่ต้องคำนึงถึงมันอีก อย่างนั้นไม่ถูกต้อง เพราะมันอาจสามารถที่จะฟื้นฟู ขึ้นมาใหม่อีก ถ้ามันเกิดมาทีหลังจะยิ่งร้ายกว่าเก่า"

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่
จ.หนองคาย

 23 
 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2568, 05:08:58 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การทำทานที่จะให้ได้รับผล โดยสมบูรณ์
ต้องครบอาการ3
คือมีศรัทธา มีวัตถุทาน และ มีผู้รับทาน ที่สมควรแก่ทาน

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๗๑

 24 
 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2568, 06:59:14 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ความสุขทางพุทธศาสนา
ไม่ได้สอนถึงเรื่องด้านวัตถุ
วัตถุนั้นเป็นแต่เพียงเราอาศัย
ความสุขที่แท้จริงคือ
ความสุขที่ไม่มีอามิส
ได้แก่ สันติสุข สุขด้วยความสงบ

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๗

 25 
 เมื่อ: 03 ตุลาคม 2568, 06:47:05 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การปฏิบัติพระพุทธศาสนา
ถ้าไม่ยืนตัวอยู่ในไตรสิกขา
คือศีล สมาธิ ปัญญา แล้ว
จะไม่มีการถูกต้อง
อันจะให้เกิดความรู้ในสัจธรรมได้เลย

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๕๑

 26 
 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2568, 12:35:20 
เริ่มโดย maxna - กระทู้ล่าสุด โดย regrus01
 

 27 
 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2568, 06:47:27 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
พระกริ่งนาคปรกนาสีดา ปี 2522 เนื้อทองแดง

 28 
 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2568, 06:44:12 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เห็นกรรมดี และกรรมชั่ว ปรากฏที่ใจของตน
เป็นปัจจัตตังคือ ธรรมเป็นของรู้เฉพาะตน

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๖๙

 29 
 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2568, 05:27:03 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
#ศาสนาสอนที่ตัวเรา
ฆราวาสพวกเราบางคน ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย ศีล ๕ สักตัวเดียวก็ไม่เคยรักษา
พอเห็นความผิดเล็กๆ น้อยๆ ของพระภิกษุสามเณร ก็อย่าเพิ่งถือว่าเลวทั้งหมด
การเหมาเอาว่าพระภิกษุเหมือนกันทั้งหมด ก็ยังไม่ถูก
พุทธศาสนา ไม่ได้หมายเอาที่ พระ หมายเอาการปฏิบัติต่างหาก
พระ นั้นอยู่ที่ บุคคล แต่ศาสนาไม่ได้อยู่ที่บุคคล
ศาสนาเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าบุคคลปฏิบัติผิด ก็เป็นเรื่องบุคคลผิดไม่ใช่ศาสนาผิด
ศาสนาก็ยังสอนตรงไปตรงมาอยู่ตามเดิม
สอนให้ละชั่วทำดีอยู่ตามเดิม แต่คนไม่ปฏิบัติตาม
เมื่อเราปฏิบัติตามคำสอนไม่ได้ จะหาว่าศาสนาไม่ดีไม่ได้
นี่ ให้พิจารณาอย่างนี้
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ใครจะทำผิด ทำเลวทรามอย่างไร เป็นเรื่องศาสนาเสื่อมหมด
ยกให้ศาสนาไม่ดีทั้งนั้น
บางทีแม้แต่คนเข้าวัดเข้าวามาฟังเทศน์ฟังธรรม รักษาศีล อบรมภาวนาทำกัมมัฏฐาน แสดงกิริยาโกรธกริ้วขึ้นสักทีหนึ่ง
โอโฮ กล่าวโทษศาสนานี้ไม่ดีเลย เข้าวัดเข้าวาจนแก่จนเฒ่าแล้วยังละโลภโมโทสันไม่ได้
พูดอย่างนี้มันก็ผิดไป
อย่าพูดอย่างนั้น นั่นเรื่องของบุคคล
ศาสนาสอนให้ละ แต่บุคคลไม่ละ ไม่ทราบจะให้ทำอย่างไร
ถ้าเข้าใจได้อย่างนี้ก็สบาย
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร
ขอตอบว่า เมื่อเขาไม่ทำ เราทำ
พากันคิดมานะขึ้นสักคนหรือทุกคน คิดมานะขึ้นมา
ลองดูซิ เขาไม่ทำเราทำ กระทำเป็นตัวอย่างเขา
ทีนี้มันไม่เป็นเช่นนั้นน่ะซี
ส่วนมากพอเห็นเขาไม่ทำ เราก็เลยไม่ทำ เลยพลอยไม่ดีไปตามเขา
เมื่อเราไม่ดี ก็คอยกล่าวโทษคนอื่น
ต่างคนต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องเดือดร้อนวุ่นวาย
แล้วมันจะดีอย่างไร
จึงว่าอย่าไปโทษศาสนา
ศาสนาสอนดี สอนให้ทุกคนพัฒนาตนเองทั้งกายและใจ
ไม่ได้สอนพัฒนาแต่กาย
ชาวโลกเดี๋ยวนี้เขาสอนพัฒนากันแต่ส่วนร่างกาย
พัฒนาจนถึงขนาดนี้แล้ว แทนที่โลกจะได้รับความสุขเยือกเย็น
แต่โลกกลับเดือดร้อนยิ่งกว่าเก่า นี่ก็แสดงว่าพัฒนายังไม่ถูกต้อง
ถ้าหากพัฒนาตามทางพุทธศาสนา คือพัฒนาไปพร้อมกันทั้งกายและใจแล้ว
ชาวโลกจะได้รับความเยือกเย็นสักขนาดไหน อันนี้ ยังไม่มีใครทำ
อย่างไรก็ตามเท่าที่อธิบายมานี้
ก็พอให้เห็นคุณประโยชน์ของการพัฒนาพร้อมๆ กันไปแล้วว่า คงจะมีความสุขแน่
ศาสนาสอนให้ได้รับความสงบ ไม่ใช่สอนให้เดือดร้อนวุ่นวาย
เมื่อเราสงบแล้ว คนอื่นยังไม่สงบก็ปล่อยไปเสียก่อน
ถ้าทุกคนต่างพากันทำความสงบแล้ว
จะได้รับความสุขเยือกเย็นขนาดไหน ลองหลับตาคิดดูก็แล้วกัน

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

 30 
 เมื่อ: 30 กันยายน 2568, 05:37:37 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เราตั้งสติกำหนดเท่านั้นแหละ
เห็นอานิสงส์ทันที
ความเดือดร้อนวุ่นวาย
ความกังวลหายหมด
ความทุกข์ทั้งหลายไม่มีเกี่ยวข้อง

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๖๓

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!