?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
19 สิงหาคม 2568, 20:21:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
 21 
 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 05:46:03 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
"..บางคนบอกว่า ไม่เห็นทุกข์ อยู่กับทุกข์ ทุกวันทุกคืน ไม่เห็นอย่างไร ?
ทำไมจึงไม่พิจารณา
ยืน เดิน นั่ง นอน เปลี่ยนอิริยาบถ ก็ล้วนแต่เปลี่ยนเพื่อระงับทุกข์
การอยู่ การกิน การนอน ก็ล้วนแล้วแต่เพื่อระงับทุกข์ทั้งนั้น
การเจ็บการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียกว่า เวทนา มันมีอยู่ประจำ
ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ เป็นหนาว ด้วยอาการต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เรื่องทุกข์ทั้งนั้น ครั้นพิจารณาลงอันเดียวมันเห็น
เห็นในตัวของเรานี่แหละ ไม่ต้องไปพิจารณาที่อื่น อย่างนั้นจึงเป็นกัมมัฏฐานแท้.."

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
พระธรรมเทศนาเรื่อง การพิจารณากัมมัฏฐาน

 22 
 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2568, 04:55:21 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
คนที่จะพ้นจากทุกข์ได้ พ้นจากโลกนี้ได้ พ้นจากกรรมได้ ก็เพราะใจอันเดียว
จงยึดใจถือใจ เป็นสำคัญ
จะมาเกิดก็เพราะใจ
เกิดแล้วจะมาสร้างกิเลสขึ้นก็เพราะใจ
เป็นทุกข์ก็เพราะใจ
ถ้าใจไม่เป็นทุกข์ ใจไม่ยึดถือ ปล่อยทิ้งเสีย
กายอันนี้ก็ไปตามเรื่องของกาย
ใจก็เป็นตามเรื่องของใจ หมดเรื่องหมดราวกันที

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี


 23 
 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2568, 05:49:28 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ตัวจิตหรือตัวใจอันนี้แหละไม่มีตนมีตัว
ถ้าเรารู้เรื่องจิตเรื่องใจเสียแล้ว มันง่ายนิดเดียว
ฝึกหัดปฏิบัติกัมมัฏฐานก็เพื่อชำระใจ
หรือต่อสู้กับกิเลสของใจนี้ ถ้าไม่เห็นจิตหรือใจแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะไปต่อสู้กับกิเลสตรงไหน เพราะกิเลสเกิดที่ใจ สงครามไม่มีสนามเพลาะ ไม่ทราบว่าจะรบอย่างไรกัน ต้องมีสนามเพลาะสำหรับยึดไว้เป็นที่ป้องกันข้าศึก มันจึงค่อยรู้จักรบ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ ขอให้พากันพิจารณาทุกคน ๆ เรื่องใจของตน เวลานี้เราเห็นใจแล้วหรือยัง ใจหรือจิตของเรานั้นมันอยู่ที่ไหน มีอาการอย่างไร

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

 24 
 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2568, 05:44:13 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit

พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสว่า ธรรมอย่างยิ่งทั้ง ๔ อย่างนี้เราได้ทำมาแล้ว
ซึ่งไม่มีใครจะทำได้เหมือนเรา แต่ก็ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ได้

ธรรม ๔ อย่างเป็นไฉน
ธรรม ๔ อย่าง คือ
เกลียดอย่างยิ่ง ๑
กลัวอย่างยิ่ง ๑
ระวังอย่างยิ่ง ๑
ตบะอย่างยิ่ง ๑
เกลียดอย่างยิ่งเป็นไฉน คือ
           เห็นร่างกายของตนและของคนอื่นเป็นของน่าเกลียด
           และทุกข์ทั้งหลายในโลกนี้เป็นของน่าเบื่อหน่ายแทบจะอยู่ไม่ได้เสียเลย
           นั่นเรียกว่า เห็นหน้าเดียว
           คนทั้งโลกพร้อมด้วยตัวของเราทำไม่จึงอยู่มาได้จนบัดนี้ เขาโง่หรือตัวเราโง่
           ท่านผู้รู้ทั้งหลายเห็นสภาพตามความเป็นจริงแล้วเกิดสลดสังเวชเบื่อหน่าย
            ถอนความยินดีในโลกด้วยอุบายแยบคายอันชอบแล้ว
กลัวอย่างยิ่งเป็นไฉน คือ
            กลัวบาปอกุศลแม้แต่อาบัติเล็กๆ น้อยๆ ก็กลัวเป็นต้นว่า
            จะยกย่างเดินเหินไปมาที่ไหนก็กลัวจะไปเหยียบมดและตัวแมลงต่างๆ ให้ตายเป็นอาบัติ นั่นเรียกว่า ระวังส่งออกไปนอก
            พระวินัยท่านสอนให้ระวังที่ใจถ้าไม่มีเจตนาแกล้งทำให้ล่วงเกินก็ไม่เป็นอาบัติ
ระวังอย่างยิ่งเป็นไฉน คือ สังวรกาย วาจา ใจ ไม่ให้เกิดกิเลสบาปอกุศลทั้งหลาย
            ซึ่งมันล่องลอยมาตาม อายตนะทั้ง ๖ นี้
            ระวังจนไม่ให้เห็น ไม่ให้ได้ยินสิ่งต่างๆ จนเข้าไปอยู่ในป่าคนเดียว
            เวลาเข้าไปบิณฑบาตในบ้านก็เอาตาลปัตรบังหน้าไว้ กลัวมันจะเห็นคน
            อย่างนี้เขาเรียกว่า ลิงหลอกเจ้า
            กิเลสมันไม่ได้เกิดขึ้นที่อายตนะ แต่มันจะเกิดที่ใจต่างหาก
            ขอโทษเถิด คนตายแล้วให้ผู้หญิงคนสวยๆ ไปนอนด้วย มันก็นิ่งเฉย
            ผู้หญิงที่ไปนอนกลับกลัวเสียอีก
ตบะอย่างยิ่งเป็นไฉน คือ
            นักพรตที่ทำความเพียรเร่งบำเพ็ญตบะธรรมที่จะให้พ้นจากทุกข์ในเดี๋ยวนั้น
            ทำความเพียรตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ไม่คิดถึงชีวิตชีวาเลย
            เหมือนกับกิเลสมันเป็นตัวเป็นตนวิ่งจับผูกเอามาได้ฉะนั้น
            แท้จริงกิเลสมันวิ่งเข้ามาซุกอยู่ในความเพียร
            (คือ ความอยากพ้นจากทุกข์) นั่นเอง ไม่รู้ตัวมัน
             ความอยากทำให้ใจขุ่นมัว น้ำขุ่นทำให้ไม่เห็นตัวปลา
             ถึงแม้น้ำใสแต่ยังกระเพื่อมอยู่ก็ไม่เห็นตัวปลาเหมือนกัน
ความเกลียด ความกลัว ความระวัง และตบะ
             อย่างยิ่งทั้ง ๔ อย่างนี้ พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญมาแล้ว
             พระองค์ทรงเห็นว่าไม่เป็นไปเพื่อพ้นจากทุกข์ทั้งปวง จึงละเสีย
            แล้วทรงปฏิบัติทางสายกลางจึงทรงสำเร็จพระโพธิญาณ

จากหนังสือ ปุจฉาวิสัชชนาในประเทศ
โดย พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรํสี)
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

 25 
 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2568, 05:34:09 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การสร้างคุณงามความดี ค่อยเก็บเล็กผสมน้อย
จะทำให้ค่อยมากมูลเพิ่มพูนขึ้นมา จนเป็นคนไม่จน

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๕๑

 26 
 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2568, 06:12:13 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
กระทบแต่ก็ไม่เข้าถึงใจ
เราจับหลักอันนั้นได้
แน่วแน่อยู่ในหลักอันนั้น
เชื่อมั่นอยู่ในหลักอันนั้น
ตั้งอยู่อันนั้นแหละ
เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์อย่างแน่นอน

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๒

 27 
 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2568, 05:36:43 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
สติปัญญาที่เกิดจากการฝึกฝนอบรม
พิจารณาตัวเองนี้ เปรียบเหมือนของที่มีคม
สามารถตัดกิเลสตัณหา
ให้ขาดไปได้เป็นชั้นๆ ถ้าเรามีสมาธิมั่นคงก็ตัดได้

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๗

 28 
 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2568, 05:30:37 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
พิจารณา รูป นาม ให้เห็นเป็น ธาตุ
มันมีประโยชน์อย่างไร
เห็นเป็นธาตุแล้ว
มันละ มันถอน
ทุกข์เกิดขึ้นแล้วจะไม่เป็น ทุกข์

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๔๗

 29 
 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2568, 05:37:53 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ทุกข์ที่เห็นในความสงบนั้น
จิตมันสงบแล้ว จึงเห็นทุกข์ที่เกิดอยู่ก่อน
ต้องมีผู้เห็น อาการที่เห็น
แล้วก็ทุกข์ที่เห็น ๓ อย่างประกอบกัน
นี่เป็นปัญญา

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 30 
 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2568, 14:29:40 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ในเมื่อเรายังมี หู ตา สว่างแจ่มใส
มีจิตใจคิดนึกตรึกตรองได้
และมีคนเทศน์อบรมสั่งสอน
รีบปฏิบัติฝึกหัด หรือฟังเทศน์ฟังธรรม
จดจำคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ได้
เรียกว่า รีบแจว รีบพาย
หาสมบัติข้าวของที่ตนจะพึงได้

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๔๖

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!