?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
19 สิงหาคม 2568, 20:31:35 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
 11 
 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2568, 14:36:10 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
พระผงสมเด็จไพรดำ

วัตถุประสงค์เพื่อการกุศล ถวายมหาสังฆทานเพล ณ วัดวังม่วง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
ข้อมูลการจัดสร้าง
รายการการจัดสร้าง มีทั้งหมด 5 รายการ
รายการที่ 1 พระผงสมเด็จไพรดำ ฝังตะกรุดทองแท้ จำนวน 3 องค์
รายการที่ 2 พระผงสมเด็จไพรดำ ฝังตะกรุดเงินแท้  จำนวน 5 องค์
รายการที่ 3 พระผงสมเด็จไพรดำ ฝังตะกรุดนาคแท้  จำนวน 7 องค์
รายการที่ 4 พระผงสมเด็จไพรดำ หลังเหล็กเปียกยอดพระธาตุพนม
จำนวน 108 องค์
รายการที่ 5 พระผงสมเด็จไพรดำ หลังเรียบ จำนวน 199 องค์ (แจกในงาน)
มวลสารหลัก
1.ผงว่านไพรดำแท้
2.ผงว่านเสน่ห์ 108 ชนิด
3.ผงว่านมหาปราบ 108 ชนิด
4.ผงกะลามะพร้าวตาเดียว 108 ลูก
5.ผงงาช้าง 108 เชือก
6.ผงไม้งิ้วดำ 108 ต้น
7.ผงแก่นขามฟ้าผ่า 108 ต้น
8.ผงเม็ดข้าวไพรดำ
9.ผงแร่เหล็ก 108 อย่าง
การประกอบพิธีกรรมหุงข้าวเหนียว จากดินไพรดำ พุทธคุณ 108 อย่าง
สรรพคุณของว่านคือ คงกะพัน กันมีดของมีคม กันปอบ ผี แคล้วคลาดในการเดินทาง รักษาโรค ไพลดำเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง ถึงความหนังเหนียว ความแคล้วคลาด ชื่อเสียงของว่านไพลดำ และยิ่งทำการหุงข้าวเหนียวด้วยว่านไพลดำหรือดินดำไพรดำเพื่อเป็นยารักษาโรค ยิ่งมีพุทธคุณหาสิ่งใดเปรียบเทียบได้เลย
หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่กล้าท้าพิสูจน์ของจริงที่มีอยู่ในโลก
#ดินไพรดำที่อยู่ในความดูแลของสายธรรมอุตฺตโมบารมี
ยอดแร่คือ เหล็กไหล
ยอดว่านคือ ไพรดำ
ยอดไม้คือ ไม้มณีโคตร
#สรุปง่าย..คือความเหนียวที่อยู่ในดินไพรดำ คือ น้ำมันที่ผ่านเวลามาเป็นร้อยปี ดินไพรดำจึงมาความศักดิ์สิทธิ์ในตัว
...ดินไพลดำจะมีคุณสมบัติทางฤทธิ์ ว่ากันว่าดินไพลดำจะเด่นในด้านชักนำเงินทองมาให้ผู้ครอบครองได้โดยง่าย ด้วยศาสตร์มนต์ดำเน้นการพนันขันต่อ เล่นแร่แปรธาตุ เช่น นำเอาดินไพลดำไปเล่นพนัน หรือนำเอาดินไพลดำไปทำพิธีทำให้เงินที่เราใช้ไปแล้วกลับมาหาเราเช่นเดิม เป็นต้น
ยังเด่นเรื่องอยู่ยงคงกระพัน กล่าวกันถ้าใช้คู่กับเหล็กไหลจะทำให้คนผู้นั้นฟันแทงไม่เข้า
#ดินไพลดำจะมีลักษณะดำ เหนียว แต่เมื่อจับจะไม่ติดมือ ฤทธิ์อำนาจที่มีอยู่ในตัวมีคุณสมบัติ คงทนเหมือนเหล็กไหล มีคุณวิเศษ เลิศล้ำ
#ความหายากของ “ดินไพลดำ” นั้นเล่ากันว่า ต่อให้ถึงไปเจอในป่าลึก ก็ไม่สามารถขุดออกมาได้ เพราะดินรอบโคนต้นนั้นจะมีสีดำแข็งเป็นหิน เนื้อดินเหมือนผงเหล็กดำสนิท
โบราณกล่าวว่า “ว่านไพลดำ” เป็นที่สุดของบรรดาว่านกายสิทธิ์ เพราะสมัยก่อนคนเราอยู่กับป่ากับเขา อยู่กับการรบราฆ่าฟันรบทัพจับศึกอยู่บ่อยครั้ง จึงนิยมพกชิ้นส่วนของว่านไพลดำ ดินไพรดำ วัตถุมงคลที่ทำจากว่านไพลดำ
และที่สุดของว่านไพลดำ คือการสักน้ำมันไพลดำเข้าตัว เพราะเน้นเรื่องความอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียว เน้นใช้ว่านในการป้องกันตัวเอง
#เรื่องดินดำไพรดำ ผู้ครอบครอง บรมครูสายธรรมอุตตโมบารมี
ตำราเขียนไว้อย่างชัดเจนในลักษณะ ต้น ดิน หัว ราก ใบ
ไพรดำ คือ วานที่มีชีวิตทิพย์
ชีวิตทิพย์ คือ มีวิญญาณ หายไปที่ไหนก็ได้
วิญญาณในที่นี้คือ เทวาขั้นสูงที่มีตบะหลายพันปีที่ยุสร้างบารมีในไพรดำเมื่อมีตบะ ถึงพันปีไพรดำ จะกลายเป็นหิน หรือแร่เหล็ก
#จุดนี้ละ ที่เขาเรียกว่า เหล็กไหลไพรดำ ส่วนที่เป็นต้นว่านไพรดำ คือ เทวาที่เข้าไปบำเพ็ญตบะ ตอนจะหายตัวไปบำเพ็ญที่อื่น ก่อนที่จะไป จะมีต้นใหม่มาแทน หรือเรียกในคำเข้าใจว่า ต้นลูกวานไพรดำ เพราะต้นแม่จะดำทั้งต้น
ในบริเวณที่ต้นไพรดำอยู่ เนื้อดินจะดำในรัศมี 2 เมตร แต่รัศมีที่อยู่ใกล้ต้นวานไพรดำ ประมาณ 12 นิ้ว ในบริเวณนั้นพื้นดิน จะดำเหนี่ยวเหมือนน้ำมันยางมะตอย ใช้มือจับจะรู้สึกเหนียวมือ แต่ไม่ติดมือ มีลักษณะเงางามเป็นเอกลักษณะ
ในส่วนนี้ คือ...ต้นวานไพรดำขับน้ำมันในตัวออกมาโดยตามธรรมชาติในส่วนนี้จึงมีความเชื่อว่า มีฤทธิ์ 108 อย่าง เทียบเท่าของหายากเท่ากับเหล็กไหลเพราะ กว่าจะทำให้ดินนั้นเกิดความเหนียวต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี และบริเวณที่จะพอได้ต้องอยู่ในป่าลึก น้อยคนที่เข้าไปได้
นอกเหนือจากนี้แล้วจะเข้าใกล้ต้นว่านได้ยากเพราะว่านจะมีญาณเทพคุ้มครองท่านอยู่ในรัศมี 1-2 เมตร มีฤทธิ์ที่รุณแรงมากอาจทำให้หมดสติ หรือเกิดอาการปวดไปทั้งตัวโดยหาสาเหตุไม่เจอ ถ้าจะใกล้ก็ต้องเป็นคนที่ถูกเลือกไว้ได้แค่วันที่กู้ว่าถือเป็นวันทีอันตรายน้อย จะมีแต่ผู้ครอบครองเท่านั้นที่จะสามารถ จับต้องได้ในวันนั่น หลังจากกู้ขึ้นมาแล้วชิ้นส่วนต่างของว่านต้องผ่านพิธีกรรมอีกหลายอย่างจึงจะสามารถใช้การได้ และมีประโยชมหาศาล

 12 
 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2568, 14:35:11 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
พระผงสมเด็จไพรดำ
มีโค้ดกำกับด้านหลังทุกองค์
ณ. วัดวังม่วง ต.หนองสิม อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
ในวัน พฤหัสบดี ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๗
ตามจริงเป็นโครงการที่ผมอยากทำให้คณะลูกศิษย์บูชาเพื่อนำเงินมาทำบุญ ตั้งใจเปิดไว้องค์ละ 999 บาท แต่คิดอีกทีสร้างถวายทานเป็นกุศลในครั้งนี้ดีกว่าครับ
มวลสารหลัก
1.ผงว่านไพรดำแท้
2.ผงว่านเสน่ห์ 108 ชนิด
3.ผงว่านมหาปราบ 108 ชนิด
4.ผงกะลามะพร้าวตาเดียว 108 ลูก
5.ผงงาช้าง 108 เชือก
6.ผงไม้งิ้วดำ 108 ต้น
7.ผงแก่นขามฟ้าผ่า 108 ต้น
8.ผงเม็ดข้าวไพรดำ
9.ผงแร่เหล็ก 108 อย่าง

 13 
 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2568, 14:20:48 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
ดาบพระยาราชาฤกษ์
สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)
เป็นบุญวาสนาสำหรับท่านที่ได้ครอบครองจริงๆครับ
สมัยก่อนผู้ที่สามารถครอบครองดาบพระยาได้ต้องมีตำแหน่งสูงในบ้านเมือง มีบ้านมีที่ดินจำนวนมากให้มีบริวารข้ารับใช้จำนวนมาก
ปัจจุบันจึงมีความเชื่อว่าดาบพระยา เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งมีความรุ่งเรืองในข้าทาสบริวาร ที่สำคัญเป็นเครื่องแสดงถึงอำนาจบารมี
เนื้อใบดาบออกมาสวยมากครับ

 14 
 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2568, 05:51:18 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
"รู้อะไรไม่เท่า รู้ใจของตนเอง"

"  การอบรมภาวนานั้นหมายความว่า "ทำใจของตนให้เป็นอารมณ์อันเดียวอยู่ในจุดเดียว ให้รู้ใจของตนว่า คิดดีคิดชั่วหยาบและละเอียดอยู่ตลอดเวลา"
ยืน เดิน นั่ง นอน คิดดีก็พยายามประครองอารมณ์นั้นไว้ให้เกิดปิติอิ่มใจ
"คิดชั่วก็พยายามละทิ้ง อย่าให้ติดอยู่กับใจ" ทำความรู้เรื่องของใจเท่านี้เป็นพอ "
ไม่ไปรู้เรื่องอื่น เรื่องอื่นของคนอื่นไม่ใช่เรื่องของเรา" ถ้าเราเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วจะทำให้เราไม่ได้ภาวนา คือหัดทำความสงบของใจ "รู้ใจของตนอยู่เสมอว่า คิดดีคิดชั่วหยาบและละเอียดทุกอิริยาบถ" ไม่ต้องอยากรู้โน่นนี่ต่าง ๆ นานา มันไม่เป็นภาวนาเสียแล้ว
"รู้อะไรไม่เท่ารู้ใจของตนเอง" หากมันจะรู้ก็ให้มันเกิดเองเป็นของมันเอง จะไปคิดปรุงแต่งให้มันเกิดขึ้นมาใช้ไม่ได้ เมื่อมันเกิดขึ้นก็จงรักษาสติคุมใจให้อยู่ก็แล้วกัน .. "

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 15 
 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2568, 05:59:50 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ทำให้มาก เจริญให้ยิ่ง
ผู้ชำนาญในวสีห้านี้ ฌาน-สมาธิของผู้นั้นจะไม่มีเสื่อมเลย พระพุทธองค์จึงทรงตรัสย้ำว่า “ภาวิตา พหุลีกตา อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ” แปลว่า ท่านทั้งหลายจงทำให้มาก เจริญให้ยิ่ง จึงจะเป็นไปเพื่อความตรัสรู้ เพื่อความดับทุกข์ดังนี้ คือพระองค์ประสงค์ว่า ทั้งผู้ที่กำลังเจริญอยู่ก็ดีหรือผู้ที่เจริญเป็นไปแล้วก็ดีในกรรมฐานหรือฌาน-สมาธิ-วิปัสสนาใดๆ ก็ตาม ไม่ให้ประมาท จงพากันเจริญอยู่เสมอๆ เพราะสิ่งที่จะยั่วยวนชวนให้เราหลงใหล มีอยู่รอบตัวในตัวของเรานี้ตลอดกาล
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า ตัวของเราทั้งหมดพร้อมด้วยสิ่งแวดล้อม ตกอยู่ในภายใต้ของกามคุณห้า จะทำอย่างไรๆ ก็เอาชนะมันไม่ได้ ไปไม่พ้นแล้ว ผู้นั้นชื่อว่า “เป็นผู้ยอมแพ้แล้ว (ตั้ง)แต่ยังไม่ทัน ออกสู่สนาม”
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า การรักษาอายตนะทั้ง ๖ เป็นการยุ่งยากลำบากมาก ผู้นั้นได้ชื่อว่า “กำลังต่อสู้กับข้าศึกอยู่ ชัยชนะมอบไว้ให้แก่กาลเวลาในอนาคต”
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า อายตนะทั้ง ๖ เรารู้เท่าเข้าใจตามความเป็นจริงแล้ว อารมณ์ทั้ง ๖ เราเอาชนะมันได้แล้ว ผู้นั้น ได้ชื่อว่า “ใกล้อวสานแห่งการแพ้ต่อข้าศึกอยู่แล้ว ความหายนะ กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เข้า ทุกวินาที”

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
ที่มา ธาตุ-ขันธ์-อายตนะ สัมพันธ์


 16 
 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 23:37:31 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
ดาบพระยาราชาฤกษ์

 17 
 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 23:33:32 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
......ตำราการสร้างดาบมหาศาสตราคมต้องลงอักขระเลขยันต์เสกปลุกทุกส่วนของมีด คือ ใบมีด ด้ามมีด ปลอกมีด เมื่อจะทำการสร้างดาบมหาศาสตราคม
ขั้นแรกต้องจัดหาวัสดุโลหะธาตุต่างๆที่ใช้ทำใบมีดจะเป็นสิ่งที่ถือกันว่ามีอาถรรพ์อยู่ในตัว มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ใช้โลหะหลายชนิดประกอบกันแล้วตีเป็นใบมีด
โดยฤกษ์ยามคือสิ่งสำคัญ
......ฤกษ์ยามคือสิ่งสำคัญ โดยแบ่งออกเป็น 5 วาระ ดังนี้
วาระที่ 1 หลอมเหล็ก โดยประกอบพิธีกรรมขอขมาอาถรรพ์ในตัวเหล็ก
ฤกษ์วาระที่ 1 วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2563
ฤกษ์เวลา วันเสาร์ 06.00 ถึง 08:29 น.ในวันอาทิตย์
ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีชวด จุลศักราช ๑๓๘๒
คริสตศักราช 2020 , มหาศักราช 1942 , รัตนโกสินทรศก 239
อธิกสุรทิน ปกติมาส อธิกวาร , โสรวาร(ส) กัตติกมาส โทศก
วาระที่ 2 ตียึดเหล็กให้ยาว
วาระที่ 3 บวงสรวงโลหะ
วาระที่ 4 ขึ้นรูปดาบ โดยประกอบพิธีกรรมขอขมาครู
วาระที่ 5 พุทธาภิเษกพระแสง
......ขั้นแรกต้องจัดหาวัสดุโลหะธาตุต่างๆที่ใช้ทำใบมีดจะเป็นสิ่งที่ถือกันว่ามีอาถรรพ์อยู่ในตัว มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ใช้โลหะ 77 อย่างหลอมเข้ากันแล้วตีเป็นใบมีด
การใช้เหล็ก 77 อย่าง นำมาผสม ดังนี้
1.เหล็กจากยอดพระเจดีย์มหาธาตุ
2.เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม
3.ตะปูตอกฝาโลงจาก 7 ป่าช้า
4.เหล็กที่เกิดการชำรุดจากอาวุธที่พังในการศึก
5.เหล็กแทงคอวัว
6.เหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด
7.เหล็กหล่อบ่อพระแสง
8.เหล็กที่ใช้สำหรับตรึงโลงศพ
9.หม้อผีตายหง
10.หอกสัมฤทธิ์
11.พระแสงหัก
12.เหล็กสลักประตู
13.เหล็กถ้ำต่างๆ
14.เหล็กกำแพง
15.เหล็กน้ำพี้
16.ธาตุเงิน
17.ธาตุทอง
18.ธาตุทองแดง
19.ผงถ่านไม้ไผ่
20.ผงตะไบพระต่างๆ
21.ยอดปราสาท
22.เหล็กประตูโบสถ์
23.เหล็กประตูวัด
24.เหล็กประตูบ้านคนตายท้องกลม
25.เหล็กประตูบ้านคนผูกคอตาย
26.เหล็กสะพาน
27.เหล็กทางสามแพร่ง
28.เหล็กฟ้าผ่า
29.เหล็กลำกล้องปืนที่ยิงคนตาย
30.ตะปูสังฆวานร
31.บาตรพระเก่า
32.เหล็กน้ำพี้
33.เหล็กน้ำลี้
33.ชนวนทองล้น หล่อพระประทาน
34.เหล็กช่อฟ้าอุโบสถ
35.ยอดปลีฉัตรทองพระธาตุ
36.เหล็กเปียก
37.เหล็กตะแกรงเผาศพ
38.เหล็กดึงคอศพ
39.เหล็กพลิกศพ
40.ตะปูเผาผีตายโหง
41.กำไรสำริด
42.โซ่ตรวนนักโทษอุกฉกรรณ์
43.ปรอทดำ
44.แร่เจ้าน้ำเงิน
45.แร่บริสุทธิ์(สังกะสี)
46.เศษสะเก็ดฟ้าผ่า หรือ(ที่เรียกว่าขวานฟ้าผ่า)
47.ลูกกระสุนปืนที่ยิงคนตาย
48.เหล็กกรงขัง
49.แร่เงินยวง
50.เหล็กแกนเจดีย์
51.เหล็กสมอเรือสำเภาโบราณ
52.กั่นพร้าหัก
53.โซ่ล่ามช้าง
54.ตราชั่งโบราณ
55.ขอบบาตร
56.ตะขอช้าง
57.กรีชทองแดง
58.ผานไถ
59.พญาร้อยคุ้ง
60.เหล็กปอฉ้อ
61.เหล็กฐานเทียนชัย
62.เหล็กไอ้ใบ้
63.เหล็กเที่ยงตรง
64.เหล็กแกะ
65.เหล็กไตรภพ
66.เหล็กลูกปืนใหญ่โบราณ
67.เหล็กหล่อบ่อพระขรรค์
68.เหล็กใบเลื่อย
69.ธาตุทองเหลือง
70.เหล็กเตารีดโบราณ
71.ขวานเหล็กโบราณ
72.กาน้ำชาเหล็กโบราณ
73.ทั่งเหล็กโบราณ
74. กล่องเหล็กโบราณ
75. กุญแจเหล็กโบราณ
76.เหล็กเกราะโบราณ
77.เคี่ยวเกี่ยวข้าวโบราณ
และบรรจุมวลสารอาถรรพ์ 77 ชนิด
คัมภีร์มหาศาสตราคม หาเหล็กสําหรับทํามีดตามที่ระบุไว้ ในคัมภีร์มหาศาสตราคมมาจนครบถ้วนคือ
เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ ยอดประสาททวารามาประสม
เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
หอกสําฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตาปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง เหล็กกําแพงนําพี้ทั้งเหล็กแร่
ทองคําสําฤทธิ์นากอะแจ เงินที่แท้ธาตุเหล็กทองแดงคง
            ยังได้รวมด้วยเหล็กสารพัดบิ่น สารพัดหักอีกร้อยแปดชนิดมาร่วมด้วย เมื่อได้เหล็กมาพร้อมแล้ว จึงตั้งมณฑลพิธีล้อมด้วยราชวัฏฉัตรธงทั้ง๔ มุม ตรงกลางตั้งพิธีดาดด้วยผ้าขาว ลงยันต์เพดานทั้งหน้าหลัง แล้วหาเครื่องกระยาสังเวย สําหรับบูชาเทพยดาอารักษ์และครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาท อันประกอบด้วยมัจฉะมังษาหาร ๖ ประการ พร้อมเครื่องกระยาบวช ขนมแห้ง ขนมหวานอีกผลไม้ ๙ อย่าง เทียนเงินเทียนทองหนัก ๔ บาท ๑ คู่ เมื่อได้วันดีคือวันเสาร์ขึ้น ๑๕ คํา จึงบูชาครูบาอาจารย์และเทพยดาฟ้าดิน จึงเริ่มพิธีตีดาบขึ้นทันที
            เอาสูบทั่งตั้งไว้ในพิธี เอาถ่านที่ต้องย่างวางในนั้น ช่างเหล็กมีฝีมือลือทั้งกรุง ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน วงสายสิญจ์เศกลงเลขยันต์ คนสําคัญคอยดูซึ่งฤกษ์ดี ครั้นได้พิชัยฤกษ์ราชฤทธิ์ พระอาทิตย์เที่ยงฤกษ์ราชสีห์ ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง ยาวหนึ่งศอกกํามาหน้าลูกไก่ เผาชุบสามแดงแทงตะไบ บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับแล้ว
ลงกั่นดาบข้างแบน ด้วยคาถาบารมีพระพุทธเจ้าคือ
อายันตุโภนโต อิธะทานะ สีละเนกขัมมะ ปัญญา สะหะวิริยะขันติ
สัจจาธิฎฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะโว คัณหะถะอาวุธานิ
ลงกั่นดาบด้านสัน ด้วยพระคาถาหัวใจพระยาสมาสดังนี้
นานามุสะระ หะระ บัพพะตะคะรุ กะลิงคะระ
สะระธนู คะทาสิโต มาระหัตถา มาระคะนา
เอาทองแดงที่ใช้สําหรับห่อหุ้มกั่นดาบมาลงถมด้วยพระคาถา นวหรคุณ ๑๐๘ คาบ
อะสังวิสุโลปุสะพุภะ
แล้วลงถมด้วยพระคาถาต่างอีก พระคาถาพุทธนิมิตร์ ลงถม ๙ คาบ
พุทธัสสะ อิธิพุทธัสสะ พุทธะนิมิตตัง ปฏิมานะพุทโธ
ธาตุพุทโธ นิมิตตะพุทโธ กายะพุทโธ สูญญะพุทโธ
เอคะตานัง กายะรูปะสูญยัง พุทธะนิมิตตัง อิทธิฤทธิ์พุทธะ
นิมิตตังลงถมอีก ๙ คาบด้วยคาถา
อะสิ สัตติ ธนูเจวะ สัพเพ เต อาวุทธานิ จะ
ภัคคะภัคคา วิจุณณานิ โลมังมาเมนะผุสสันติ
ตามด้วยคาถาพรหมสี่หน้าลงถมอีก ๙ คาบ ว่า
 สหัสสะสีเส ปิเจโปโส สีเสสีเส สะตังมุกขา มุกเข มุกเข
สะตังชิวหา ชีวะกัปโป มหิทธิโก นะสักโกติ จะวัณเณตุง
ตามด้วยคาถาลงถมอีก ๙ คาบ บารมี ๓๐ ทัศน์ ว่า
อิติปารมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา
อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม
ลงถมด้วยคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ๙  คาบ ว่า
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ
อิเมนาพุทธะตังโสอิอิโสตังพุทธะปิติอิ
และตามด้วยอรหันต์ ๘ ทิศ ๙ คาบ ว่า
                                    อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง
                                    ปิสัมระโลปุสัตพุท โสมาณะกะริถาโธ
                                    ภะสัมสัมวิสะเทภะ คะพุทปันทูทัมวะคะ
                                    วาโธโนอะมะมะวา อะวิสุนุสานุติ
 แล้วตามด้วย คาถา ๙ คาบ
พุทธังกันตัง ธัมมังกันตัง สังฆังกันตัง
พุทธังสิทธิ ธัมมังสิทธิ สังฆังสิทธิ
 แล้วลงถมตามด้วยคาถา ๙ คาบ
                                    นะผุด ผัดผิด ปฏิเสวามิ
แล้วจึงลงประทับด้วยคาถานี้อีกครั้งหนึ่งว่า
สัตถาธะนุง อากัตถิตุง ทัตวา วิสัชเชตุง นาทาสิ
( บทนี้เมื่อลงให้ผ่อนลมหายใจออกลงจบเดียว )
กัณหะเนหะ หายใจเข้าพุทธังปัจจุขาด
ธัมมังปัจจุขาด สังฆังปัจจุขาด
( หายใจเข้าออก สลับกันไปทีละบท )
 สําหรับแผ่นทองแดงด้านหลังนั้นลงประทับด้วยพระคาถานี้
 อะระหัง สุคะโต ภะคะวา
ลงถม ๙ คาบแล้วตามด้วย
นะโมพุทธายะ อิติปาระมิตาติงสา โนวะปะตานุภาเวนะ
มาระเสนา อะติกกันตา มาระนิทรา ทัสสะปาระมิตา
ทะมาระนิทรา ปาระชังฆานิทรา ทัสสะปาระมิตา โลหะกันตา
นามะเตนะโม มาตาปิตุพุทธะคุณัง สัพพะสัตรูวิธังเสนตุ
อะเสสะโต เอวังทัสสะวัณโณ ปฏิฐิตัง จักรวาฬะ
สัพพะสัตตานุภาเวนะ มาราโมระอะติกกันตา
ทัสสะพรหมมานุภาเวนะ สัพพะสัตรูวินาสสันติ
เมื่อลงทองแดงห่อกั่นดาบแล้ว จึงเอาเกสร ๑๐๘ และยามุกใหญ่มาบดให้ละเอียด เพื่อบรรจุในด้าม (ยามุกใหญ่คือยาสารพะดอย่าง ) หินซึ่งใช้บดยานั้นลงด้วยพระคาถา มหาโสฬสมงคล ลงถม๙ คาบ ตามด้วยคาถาหัวใจพระธรรมเจ็ดคําภีร์๙ คาบ คาถาพรหมสี่หน้า ๙ คาบ คาถาพุทธนิมิต ๙ คาบคาถาพระเจ้า ๑๖ พระองค์ ๙ คาบคาถาอะระหันต์ ๘ ทิศ ๙ คาบคาถาบารมี ๓๐ ทัศน์ ๙ คาบ คาถาหัวใจสนธิ งะญะนะมะ ๙ คาบ คาถาพระกรณีย์ จะภะกะ๙ คาบ ขณะบดยาให้ภาวนาพระคาถานี้
งะญะนะมะ จะภะกะสะ นะมะพะทะ
อะระหังสุคะโตภะคะวา  อิกะวิติ
อิสวาสุ สุสวาอิ นะโมพุทธายะ
อะสังวิสุโลปุสะพุภะ ปะติลิยะติ
พุทธังสิทธิ ธัมมังสิทธิ สังฆังสิทธิ
จนกว่าจะบดยาเสร็จด้ามมีดให้ใช้ไม้ ชัยพฤกษ์ แกะเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณ เขียนคาถาเป็นตัวเลข ลงที่องค์ท่าน
ลงเลข ๓ ตรีนิสิงเหที่ปากท้าวเวสสุวรรณ ว่าด้วยสูตรคือ
                                    มะอะอุตรีนิสิงเห
ลงเลข ๗ ที่ตาทั้งสองของท่านว่าสูตร
                                    สะธะวิปิปะสะอุสัตตะนาเค
ลงเลข ๕ ที่อกของท่านว่า
อาปามะจุปะปัญจะเพชรฉลูกัญเจวะ
ลงเลข ๔ ที่หัวไหล่ทั้งสองของท่านว่า
นะมะพะทะจัตตุเทวา
ลงเลข ๖ ที่ขาทั้งสองของท่านว่า
อิสวาสุฉอวัชชะราชา
ลงเลข ๕ ที่ด้านหลังท่านว่า
ทีมะสังอังขุปัญจะ อินทรานะเมวะจะ
ลงเลข ๑ ที่ตาตุ่มทั้งสองข้างว่า
มิเอกะยักขา
ลงเลข ๙ ที่ศรีษะท่านว่า
อะสังวิสุโลปุสะพุภะนวะเทวา
ลงเลข ๕ ที่แขนซ้ายว่า
                                    สหะชะตะตรีปัญจะพรหมาสะหะบดี
ลงเลข ๕ ที่แขนขวาว่า
                                    นะโมพุทธายะ ปัญจะพุทธานะมามิหัง
ลงเลข ๒ ที่ศอกทั้งสองข้างว่า
                                    พุทโธทะเวราชา
ลงเลข ๘ ที่สะโพกทั้งสองข้างว่า
เสพุเสวะเสตะอะเส อัฏฐะอะระหันตา
ใช้พระคาถาท้าวเวสสุวรรณลงด้ามมีดให้ทั่วว่า
เวสสุวรรโณมหาราชา สัพเพเทวาเสเจวะ
อาฬะวะกาทะโย ปิจะขัคคัง ตาละปัตตัง
ทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ
เวสสุวรรโณมหาราชา จัตตุโลกะปาลายัสสะสิโน
อิติภูตา มหาภูตา สัพเพยักขาปะลายันติ
ลงกระบองท้าวเวสสุวรรณด้วย
            นะโมพุทธายะ
จบคัมภีร์มหาศาสตราคม

 18 
 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 23:31:22 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
ดาบพระยาราชาฤกษ์ ยอดทั้งหมด
แบบที่ 1 พระขรรค์ไม้ชัยศรีราชาฤกษ์ จำนวน 1 เล่ม
แบบที่ 2 พระขรรค์ชัยศรีราชาฤกษ์ จำนวน 4 เล่ม
แบบที่ 3 พระแสงดาบคาบค่ายราชาฤกษ์ จำนวน 4 เล่ม
แบบที่ 4 ดาบพระยาราชาฤกษ์ จำนวน 38 เล่ม

 19 
 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 23:28:06 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
กว่าจะได้ดาบพระยาราชาฤกษ์
สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)
“พิธีไหว้ครูดาบครูเตา”
ช่างสิบหมู่หรือช่างหลวงหรือตีดาบ ซึ่งมีอาชีพในการตีมีดตีดาบเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าบรรพชนของชาวบ้านนครหลวงนั้นเป็นชาวเวียงจันทน์ เข้ามาตั้งรกรากอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีอาชีพในการตีทองและตีเหล็ก แต่ต่อมาเลิกการตีทองจึงเหลือแต่การตีเหล็กเพียงอย่างเดียว เหล็กที่ตีนี้ส่วนใหญ่ทำเป็นมีด ดาบ และอาวุธ ตลอดจนเครื่องใช้อื่นๆ ซึ่งมีคุณภาพดีมากเมื่อทำเสร็จแล้วก็นำมาขาย สิ่งที่ยังคงถือสืบต่อกันมาตามขนบประเพณีเดิมคือการ “ไหว้ครูบูชาเตา” ซึ่งทุกบ้านจะจัดบูชาในวันพฤหัสบดีช่วงเช้าตรู่ของวันขึ้น 7 ค่ำ 9 ค่ำ ฯลฯ เดือน 5 (ประมาณเมษายน-พฤษภาคม) ตามแต่ความสะดวก เพื่อระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ และเพื่อความเป็นสิริมงคลของตน ทั้งยังเป็นการปัดเป่าอุปัทวเหตุต่าง ๆ ในการตีเหล็กอีกด้วย พอได้เวลาผู้ทำพิธีไหว้ครูก็จะกล่าวบทชุมนุมเทวดาไหว้พระรัตนตรัย จากนั้นก็จะกล่าวบทอัญเชิญครูบาอาจารย์ทั้งหลาย อันได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม พระวิษณุกรรม พระมาตุลี พระพาย พระคงคา พระฤาษี 8 องค์ ฯลฯ ตลอดจนบูรพาจารย์ทั้งครูไทย ครูลาว ครูมอญ ครูจีน ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาตีเหล็กให้แก่ตน มารับเครื่องบูชาสังเวย และประสาทพร แก่ผู้เข้าร่วมพิธีให้ประสบแต่ความสุขความ ความเจริญ แล้วปิดทองเครื่องมือทุกชิ้น ทำน้ำมนต์ธรณีสารประพรมเครื่องมือและผู้เข้าร่วมพิธี

 20 
 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 16:31:02 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
เหรียญล็อคเก็ตญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม
รุ่น บารมีปราบมาร
วัตถุประสงค์ เพื่อให้คณะศิษย์ที่มีความศรัทธาได้มีไว้บูชา รายได้หลังจากการหักต้นทุน ข้าพเจ้าครูธรรมอภิเชษฐ์ อบกลาง ประธานใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)จะนำขึ้นถวายญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม พร้อมรายงานบัญชีรายรับ รายจ่ายในการจัดสร้างในครั้งนี้ครับ
รายการจัดสร้าง
1.ตะกรุดทองคำ 1 ดอก 96 เหรียญ
2.ตะกรุดทองคำ 3 ดอก 9 เหรียญ
3.ตะกรุดทองคำ 9 ดอก 9 เหรียญ
ส่งเหรียญล็อคเก็ตหลังออกพรรษา
วันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568
มวลสารหลักที่นำมาบรรจุด้านหลัง
1.ผงว่าน 999 ชนิด
2.ผงแร่ 108 ชนิด
3.ผงโลหะ 999 อย่าง
4.ผงไม้มณีโคตร
5.ดินไพรดำ
6.เหล็กเปียกยอดพระธาตุพนม
7.เม็ดปรอทสำเร็จ
8.ของทนสิทธิ์จากสัตว์ต่างๆ
9.เกษาญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม
10.จีวรญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม
สร้างด้วยความศรัทธาด้วยใจ
ข้าพเจ้าครูธรรมอภิเชษฐ์ อบกลาง
ประธานใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี
(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!