?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
24 มกราคม 2568, 06:57:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: [1] 2 3 ... 10
 1 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 05:20:35 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
"มนุษย์สัตว์ทั้งหลายกลัวความตาย
แต่ยินดีกับความเกิด
เมื่อเกิดแล้วไม่ตาย ไม่มี
ต้องตายแน่ๆ

ผู้กลัวความตาย จึงต้องควรชำระ
โมหะอวิชชา ที่หุ้มห่อจิต อันเป็นต้นเหตุให้หมดจด
จึงจะไม่เกิด ไม่ตายอีก

ควรจะกลัวความเกิด
อย่าไปกลัวความตายเลย จึงจะถูก"

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 2 
 เมื่อ: 23 มกราคม 2568, 05:44:52 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
พระพุทธเจ้าท่านสอนน้อยนิดเดียว

ไม่ได้สอนมากหรอกสอนให้เห็นใจของตนเท่านั้นแหละเป็นพอ เรียนมากรู้มาก ถ้าไม่เห็นใจของตนเองแล้วละก็หมดเรื่อง เรียนมากรู้มาก ส่งออกไปเลยไม่รู้ตัวว่า นั่นน้ำมันซัดไป

ผู้เรียนน้อย เรียนรู้ใจ ให้รักษาใจให้มั่นคงได้ก็เป็นพอแล้ว
จะพ้นจากความทุกข์ได้ก็เพราะใจ คือ เรารักษาใจของเราไม่ให้น้ำซัดไป
ถ้าหากเรารักษาใจได้จริงๆ จังๆ จะให้มันโกรธก็ได้ จะไม่ให้มันโกรธก็ได้ จะอยู่เฉยๆก็ได้

ลองคิดดูเถอะ สบายใจไหม
มันจะโกรธแล้วไม่โกรธ มันจะสบายใจไหมละ
หรือว่าไม่สบาย ไฟไหม้เผาบ้านที่อยู่ของเรามันจะสบายที่ไหน เอาชนะคนอื่นมันเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้าเอาชนะตนเองสงบนิ่งเฉยไม่มีโกรธ มีแต่สบาย ทุกคนก็สบายไปหมด

ทำอะไรๆ ก็หาความสบายด้วยกันทั้งนั้นแหละ หาเงินหาทองข้าวของสมบัติอะไรทั้งหมด หาความสบายทั้งนั้น ทางโลกเขาว่า คนไม่รู้จักโกรธ คือ คนไม่มีจิตใจ อยู่เฉยๆ มันจะมีดีอะไร อย่าไปเชื่อคำพูดของเขา จะเสียคน

เราเชื่อตัวของเราเองดีกว่า กิเลสเหล่านี้ คือ โลภ โกรธ หลง เป็นต้น ของเรามีเยอะแต่เราไม่เอามาใช้ เพราะมันทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อนเป็นทุกข์ เราไม่เอามาใช้ดีกว่า

หลวงปู่เทสก์ เทศรังสี
วัดหินหมากเป้ง ๑๒ สิงหาคม ๒๕๒๕

 3 
 เมื่อ: 22 มกราคม 2568, 06:26:49 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การที่รู้ใจตนนั้น เป็นวิชชาเกิดขึ้นแล้ว
เป็นปัญญาเกิดขึ้นมาแล้ว
จะไปหาปัญญาวิชชาที่ไหนอีก ความรู้ตัว
รู้ตนนั่น มันแสนวิเศษแล้ว

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมเล่มที่๕๗

 4 
 เมื่อ: 21 มกราคม 2568, 05:49:50 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
อย่าไปมัวเมาของเก่าอยู่เลย
ท่านสอนตรงจิตสงบ
อยู่อันหนึ่งอันเดียวและรักษาจิตให้อยู่อันเดียวนั่น
ตรงนี้แหละสำคัญที่สุด
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๗

 5 
 เมื่อ: 21 มกราคม 2568, 05:45:52 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การรู้จิตของตนนี่แหละ
จึงเป็นผลให้ได้ความสงบ
ถ้ารู้เมื่อไรแล้ว สงบเมื่อนั้น
มีความสุขความสบาย
ครั้นไม่รู้แล้ว
มันส่งไปวุ่นวายในสิ่งต่างๆ
ให้เป็นทุกข์เดือดร้อน

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๖๓

 6 
 เมื่อ: 20 มกราคม 2568, 04:35:45 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ท่านผู้ที่หายจากโรคอันเกิดจากใจได้แก่ผู้สิ้นกิเลสแล้ว
ถึงแม้โรคในกายของท่าน จะยังปรากฏอยู่ ก็เป็นแต่อาการความรู้สึก
หาได้ทำใจของท่านให้กำเริบไม่
เพราะโรคใจของท่านไม่มีแล้ว
สมุฏฐาน คือ อุปาทานของท่านได้ถอนหมดแล้ว
ฉะนั้นท่านจึงมีความสุขและได้ลาภอย่างยิ่งในความไม่มีโรค

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
ธรรมเทศนาเรื่อง โรค

 7 
 เมื่อ: 18 มกราคม 2568, 06:21:08 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
"ศีล เป็นของประเสริฐ"

" .. พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน แนะนำฝึกอบรมพระสาวกของพระองค์ เบื้องต้นตรงที่ "ศีล อันเกี่ยวเนื่องดัวย กาย วาจา ซึ่งเป็นของหยาบ ๆ" ที่จะแสดงออกมาให้ปรากฏแก่สายตาของสาธารณะชน

"เพราะศีล เป็นของประเสริฐกว่าสิ่งใด ๆ ในโลกทั้งหมด" ในมนุษย์พร้อมด้วย เทวบุตร เทวดา อินทร์พรหม "ก็เทิดทูนศีลนี้ว่า เป็นของประเสริฐ"

ผู้ที่เอาศีลเข้ามาสวมกายไว้ภายในใจของตนแล้ว "ผู้นั้นก็พลอยได้เป็นผู้ประเสริฐไปตามศีลด้วย" แม้ฆราวาสผู้ซึ่งได้นามว่าพระอริยะ "ตั้งต้นแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป ท่านก็มีนิจศีลเป็นประจำ"

มนุษย์คนเราผู้เกิดมาแล้ว "ไม่มีศีลเสียเลยแม้แต่ข้อเดียว ได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ได้รักษาศักดิ์ศรีของตนไว้" อย่างน่าเสียดาย .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 8 
 เมื่อ: 17 มกราคม 2568, 05:35:58 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การดูจิต ต้องดูตอนจิตสงบจึงจะเห็นว่า มีอะไรอยู่ในจิต
เหมือนดูน้ำตอนใสสงบ จึงจะเห็นว่ามีอะไรนอนก้นอยู่
ท่านจึงสอนให้ทำสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ
จะได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่หมักดองอยู่ในจิต
แล้วใช้ปัญญาพินิจพิเคราะห์ แยกแยะออกมาทำลาย
เพื่อให้จิตบริสุทธิ์ผ่องใส พ้นจากอุปกิเลสทั้งหลายทั้งปวง

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วัดหินหมากเป้ง

 9 
 เมื่อ: 15 มกราคม 2568, 05:29:11 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
คนเราตายจริง ๆ เมื่อไม่มีลมแล้ว แต่ลมกับใจมันคนละอันกัน ที่แพทย์เรียกว่า “ โคม่า" ” นั้น มันถึงที่สุดของชีวิตในตอนนั้นแล้ว แต่ยังไม่สิ้นไปที่เกิดของลมในทางศาสนาท่านกล่าวไว้ว่า ลมเกิดจากสวาบ คือ กะบังลม
กะบังลมมันวูบ ๆ วาบ ๆ อยู่อย่างนั้น มันเป็นเหตุให้เกิดลม มันทำให้เกิดความอบอุ่น
เมื่อมันมีความอบอุ่นมันก็ไหวตัววูบ ๆ วาบ ๆ เมื่อลมยังมีอยู่ แต่จิตมันจากร่างไปแล้ว
มันจะไปเกิดที่ไหนก็เป็นไปแล้ว ไปพร้อมด้วยกรรมนิมิต คตินิมิตนั้น ไม่มีหลงเหลืออยู่อีก มีแต่ร่าง

ถ้าไม่มีกรรมนิมิต คตินิมิต บางทีมันฟื้นขึ้นมาอีกเพราะลมยังไม่หมด วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เขาเอาออกซิเจนเข้าช่วย ออกซิเจนก็ช่วยได้แต่ลมเท่านั้น
แต่จิตมันเคลื่อนแล้ว มันจะไปไหนมันก็ไปตามเรื่องของมัน

เรื่องมรณสติ เป็นของสำคัญที่สุด เพราะเราทุกคนยังไม่เคยตาย เป็นแต่อนุมานเอา เมื่อพิจารณาแล้วเกิดความสลดสังเวช จิตมันก็แน่วแน่อยู่ในที่เดียวนั่นแหละจึงให้พิจารณามรณสติจะได้ประโยชน์
เห็นชัดตามความเป็นจริง หัดให้มันชำนิชำนาญ แต่ถึงขนาดนั้นแล้ว เวลาจะตายจริงๆ ไม่ทราบว่าจะตั้งสติให้มั่นคงได้หรือเปล่า

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

 10 
 เมื่อ: 14 มกราคม 2568, 05:55:35 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เรื่อง จิตใจ นั้นเป็นของกว้างขวาง
ใจ เป็นตัวสร้างโลก สร้างธรรม
เป็นตัว อยู่เหนือโลก
และเป็น ตัวโลก อยู่ในตัว

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๒๕

หน้า: [1] 2 3 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!