แสดงกระทู้
ประวัติพระครูอินทปัญญาโสภณ (สงวน อินทปัญโญ)
อดีตเจ้าอาวาสวัดปฐมวัน อดีตเจ้าคณะตำบลหนองทันน้ำ
ต.หนองทันน้ำ อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี
ชาติภูมิ เกิดวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 2471 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีมะโรง บิดาชื่อ นายคี มารดาชื่อ นางเกิ่ง กลิ่นหอม มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน 10 คน คือ
1. นางสมจิต กลิ่นหอม
2. พระครูอินทปัญญาโสภณ
3. นายจันทร์แดง กลิ่นหอม
4. นายเพิ่ม กลิ่นหอม
พ.ศ. 2484 มารดาของท่านเสียชีวิต พร้อมกันนี้บิดาของท่านได้ย้ายครอบครัวจากบ้านนางิ้ว ไปอยู่ที่บ้านฟ้าห่วน ตำบลเกษม อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี สมัยนั้น ปัจจุบันบ้านฟ้าห่วน ตำบลแก่งเค็ง อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประกอบอาชีพทำนาอยู่ที่นั้น บิดาของท่านได้มีภรรยาใหม่ ชื่อนางจันทา มีบุตรธิดาร่วมกันอีก 6 คน คือ
1. นางแพงศรี กลิ่นหอม
2. นางสุภีร์ กลิ่นหอม
3. นางทองมี กลิ่นหอม
4. นางนวลศรี กลิ่นหอม
5. นายวันดี กลิ่นหอม
6. นายจันที กลิ่นหอม
บรรพชา วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2489 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ เจ้าอธิการช่วย กันตสีโล วัดศรีอุดร บ้านคอนสาย ตำบลคอนสาย อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบรรพชาแล้ว สามเณรสงวน กลิ่นหอม จำวัดอยู่วัดศรีสว่างนาราม บ้านฟ้าห่วน ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอาจารย์อยู่ที่นั่น
อุปสมบท วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2491 แรม 7 ค่ำ เดือน 2 เจ้าอธิการช่วย กันตสีโล วัดศรีอุดร ตำบลคอนสาย อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการพร นันทปัญโญ วัดเกษมสำราญ ตำบลเกษม อำเภอตระการพืชผล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระภู ถาวโร วัดเวฬุวัน ตำบลเกษม อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ในขณะนั้นเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ้าห่วนได้ลาสิกขาไปประกอบสัมมาอาชีพฆราวาส เป็นเหตุให้พระสงวน อินทปัญโญ บวชในพรรษาแรกก็ได้เป็นสมภารวัดแล้ว ขณะนั้นวัดบ้านฟ้าห่วนชำรุดทรุดโทรมมาก ท่านจึงได้ชักชวนชาวบ้าน ขณะนั้นมีนายมา บำเพ็ญ เป็นผู้ใหญ่บ้านฟ้าห่วน พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านช่วยกันบูรณะวัดเป็นการใหญ่ ให้สร้างกุฏิขึ้นหนึ่งหลัง สร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง หลังคามุงสังกะสี สิ้นเงินในการก่อสร้างประมาณ 3,000 บาท ซึ่งสมัยนั้นแถบนั้นเป็นป่าดง หาเอาไม้ได้ตามถนัดใจ ขนาดเสารั้ววัดล้วนเป็นไม้เนื้อแข็งฝังติดกันโดยไม่มีราวมัด พอสร้างกุฏิเสร็จท่านก็สร้างหอระฆัง (หอโปง) ซึ่งเป็นโปงไม้แคน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 70 ซม. ยาว 4 ม. สร้างเสร็จ พ.ศ. 2495 พ.ศ. 2496 บิดาของท่านได้อพยพจากบ้านฟ้าห่วน ไปประกอบอาชีพทำนาอยู่ที่บ้านโบกม่วง ตำบลนาแวง อำเภอเขมราฐ พระสงวน อินทปัญโญ ท่านก็ได้ติดตามบิดาของท่าน โดยไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์เขมราฐ ต่อมาท่านได้ไปเยี่ยมบิดาของท่านที่บ้านโบกม่วง เห็นว่าบ้านโบกม่วงหลักแหล่งดี สมควรที่จะมีวัดเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน จึงได้ชักชวนชาวบ้านสร้างวัดขึ้น และได้สร้างกุฏิขึ้นเป็นที่พักอาศัยของพระภิกษุสงฆ์ 1 หลัง สิ้นเงินก่อสร้างประมาณ 3,500 บาท ต่อมาบิดาของท่านก็ได้ย้ายจากบ้านโบกม่วง ไปอยู่ประเทศลาว บ้านปากกะโพธิ ตาแสงนครเพ็ง เมืองนครเพ็ง ท่านก็ถือโอกาสไปเยี่ยมบิดาที่ประเทศลาว และได้จำพรรษาที่บ้านปากกะโพธิ และมีโอกาสร่วมกับพระสงฆ์บูรณะวัดที่นั่น พ.ศ.2501 จำพรรษาที่วัดเซบังเหียง ตาแสงเซบังเหียง เมืองนครเพ็ง ช่วงนั้นประเทศลาวอยู่ในปกครองของฝรั่งเศส พ.ศ.2507 กลับจากประเทศลาวมาเยี่ยมญาติโยมชาวบ้านฟ้าห่วน มองเห็นว่าดงขุมคำนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครเดินผ่านป่าแห่งนี้ต้องอ้อนวอน บนบาน บอกกล่าว จึงเห็นสมควรจะสร้างวัด ท่านก็ได้จับจองเนื้อที่สร้างวัด จำนวน 250 ไร่ เมื่อ พ.ศ.2536 ท่านไปจำพรรษาที่บ้านโนนหินแร่ ตำบลหนองทันน้ำ อำเภอกุดข้าวปุ้น ท่านได้พาญาติโยมไปสร้างวัดที่ภูขาม และทำระบบชลประทานเพื่อกักตุนน้ำไว้ใช้ในโอกาสต่อไป พ.ศ.2527 ท่านจำพรรษาที่วัดบ้านหนองทันน้ำ ซึ่งเป็นบ้านที่ขาดแคลนน้ำ ท่านก็ได้ทำคูกั้นน้ำ ขุดบ่อน้ำ เพื่อให้ชาวบ้านได้ไช้น้ำเพื่อเป็นการบรรเทาไปชั่วครั้งชั่วคราว
มรณภาพ หลวงพ่อญาท่านสงวน มรณภาพวันที่ 17 มีนาคม 2542 ศิริอายุ 71 ปี พรรษา 51 การมรณภาพของท่านยังความเศร้าโศกแก่บรรดาญาติโยมเป็นอย่างมาก
? ท่านเป็นพระนักพัฒนา นักปกครอง เป็นผู้เคร่งในพระธรรมวินัย มีเมตตาสูง เป็นผู้ไม่ถือตัว เป็นผู้มักน้อย
|
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand) |
26 เมษายน 2567, 06:50:38
|
|||||
|
|||||
