?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
20 สิงหาคม 2568, 21:50:05 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

  แสดงกระทู้
หน้า: [1] 2 3 ... 72
1  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: วันนี้ เวลา 06:10:30
ผู้ที่ตั้งอยู่ในพระรัตนตรัย ที่จักได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธบริษัทที่แท้จริง
ต้องประกอบด้วยองค์คุณ ๕ ประการ คือ

(๑) มีความเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าว่า
      ท่านเองเป็นพระสยัมภู ตรัสรู้เองจริง
      แล้วไม่ติเตียนและเหยียดหยามดูหมิ่น

(๒) พระธรรมคำสอนของพระองค์นั้น
    เป็นนิยยานิกธรรมนำผู้ปฏิบัติตามให้เป็นคนดีได้
     ตามฐานะชั้นภูมิ ควรแก่การปฏิบัติของตนๆ
     แล้วเทิดทูนเอามาปฏิบัติตามโดยไม่มีความประมาท

(๓) พระอริยสงฆ์ผู้เชื่อฟังคำสอนของพระองค์แล้วนำเอาไปปฏิบัติตาม
     จนได้รู้แจ้งเห็นจริงตามพระองค์มีจริง
      จึงได้เป็นธรรมทายาท นำเอาคำสอนของพระองค์มาสั่งสอนพวกเรา
      จึงเป็นบุคคลที่เราควรเทิดทูนไว้ในที่ควรสักการบูชา

(๔) เชื่อกรรมเชื่อผลของกรรมว่า
      เราทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ด้วยตนเอง
      มิใช่เทวดาอินพรหมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ภายนอกจะอำนวยผลให้เรา (มงคลตื่นข่าว)           
      ถือและปฏิบัติพระรัตนตรัยมิใช่เพื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และโชคลาภ
      แต่ปฏิบัติตามให้เป็นคนดีจนพ้นจากทุกข์ได้ในที่สุด

(๕) ไม่ทำบุญนอกพุทธศาสนา
     หากจำเป็นจะต้องทำเพื่อสังคมก็ทำเพื่อสงเคราะห์
     มิใช่ทำนอกบุญญเขตในพุทธศาสนา
     ถ้าหากถึงขั้นพระอริยบุคคลที่เป็นฆราวาสแล้ว ต้องมีนิจศีลอีก
   
      ผู้จะเป็นพระพุทธบริษัทโดยสมบูรณ์ ต้องมีองค์คุณทั้ง ๕ ประการนี้เป็นประจำ แม้ผู้จะบรรพชาอุปสมบทเป็นสามเณรและเป็นพระภิกษุ ก็จะต้องมีองค์คุณทั้ง ๕ นี้ให้ครบเสียก่อน การบวชจึงจะสมบูรณ์

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
ที่มา พุทธศาสนาเสื่อมได้อย่างไร
2  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 19 สิงหาคม 2568, 06:10:47
จิตที่สงบนิ่งแน่วนั่น เป็นสุขอย่างยิ่ง
จิตที่สงบอย่างนั้น เป็นของหายาก
เพราะเหตุนั้นเราจึงต้องหัด
ทุกคนต้องหัดด้วยกันทั้งนั้น

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๘
3  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 18 สิงหาคม 2568, 06:38:37
เรามาแก้ตัวของเราอย่างเดียว
เขาจะโกรธจะเกลียดเรา
หรือเขาจะชอบอกชอบใจเรา
อันนั้นเป็นเรื่องของโลก
เราไม่ได้เอาอันนั้นมาเกี่ยวเกาะ
ไว้กับจิตกับใจของเรา
มันก็สบายเลย
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๖๕
4  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 17 สิงหาคม 2568, 06:16:52
เมื่อเกิดมาเป็นคน รู้ตัวว่าเราจะต้องตาย
จงรีบทำคุณงามความดีทำประโยชน์ไว้เสีย

การทำมากหรือทำน้อย ไม่เป็นปัญหา
ขอให้ตั้งเจตนาให้ดี
ให้เชื่อมั่นในบุญกุศลที่ตนทำนั่น
จิตใจแน่วแน่อยู่กับกุศลอันนั้น
ก็จะเป็นของมากอยู่เอง

ไม่ต้องเอาหน้า เอาเกียรติ
ไม่ต้องเอาชื่อ เอาเสียง
เอาเฉพาะใจของตนเอง
ตั้งศรัทธาแน่วแน่เฉพาะบุญกุศลที่ตนทำเอง
นั่นละ เป็นอานิสงส์มาก กุศลมาก ตรงนี้แหละ..”

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
5  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 16 สิงหาคม 2568, 05:56:10
ขั้นแรกเราต้องมีสติ
ฝึกฝนอบรมจิตให้สงบระงับ
ให้เป็นเรือนที่อยู่ของจิต
ให้จิตชองเราอยู่ในอำนาจของสติ
แล้วก็คอยมองแต่จิตของตัวเอง
อยู่ทุกอิริยาบถ

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๘๖
6  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 15 สิงหาคม 2568, 06:22:00
การภาวนา คือ การอบรมจิตใจให้มีความสงบ
เป็นการชำระจิตใจให้สงบจากอารมณ์ต่าง ๆ
ยิ่งเป็นการละเอียดไปกว่าการรักษาศีลอีก

จิตของเราถ้ายังไม่สงบตราบใดแล้ว มันก็จะต้องยุ่งวุ่นวายอยู่ตราบนั้น
เมื่อมาฝึกหัดภาวนา เห็นโทษเห็นภัย ของความยุ่ง ความไม่สงบด้วยตนเองแล้ว
เราก็จะพยายามทุกวิถีทางที่จะละความไม่สงบ
เมื่อสิ่งใดที่ละได้แล้ว อารมณ์ใดที่วางได้แล้ว
เราก็จะต้องรักษาไม่ให้สิ่งนั้น มันเกิดขึ้นมาอีก
ไม่ใช่ว่าเราละได้แล้ว ก็แล้วไปเลย ไม่ต้องคำนึงถึงมันอีก อย่างนั้นไม่ถูกต้อง
เพราะมันอาจสามารถที่จะฟื้นฟู ขึ้นมาใหม่อีก ถ้ามันเกิดมาทีหลังจะยิ่งร้ายกว่าเก่า

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
7  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 14 สิงหาคม 2568, 07:00:15
รู้อะไรไม่มีคุณประโยชน์เท่ารู้จิต
การเห็นจิตของเรานั่นแหละดี
มันคิดดี คิดชั่ว คิดหยาบ คิดละเอียดก็รู้
ดูจนกระทั่งมันวางลง
ถ้าเห็นอยู่เสมอๆแล้วมันก็วางหมด
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

จากหนังสือธรรมะเล่มที่๙๐
8  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 12 สิงหาคม 2568, 06:01:02
อายตนะทั้งหลาย เป็นเครื่องวัดจิตของตนได้อย่างดีที่สุด
เมื่ออายตนะ มากระทบจิตของเรา เราหวั่นไหวหรือไม่

เมื่อหวั่นไหวมาก ก็แสดงว่า มีสติน้อย
มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ ก็ยังน้อย

เมื่อหวั่นไหวน้อย หรือไม่หวั่นไหวเสียเลย ก็แสดงว่า มีสติมาก
มีธรรมะเป็นเครื่องอยู่มาก แล้วรักษาตัวได้


หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
9  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 11 สิงหาคม 2568, 05:50:59
"ทำทาน  มีมากมีน้อยก็ต้องทำด้วยตนเอง
รักษาศีล ก็โดยเฉพาะส่วนตัวแท้ ๆ ใครรักษาศีลให้ไม่ได้
ทำสมาธิ ยิ่งลึกซึ้งหนักแน่นเข้าไปกว่านั้นอีก
แต่ละคนก็ต้องรักษาจิตใจของตน ๆ ให้มีความสงบหยุดวุ่นวายแส่ส่าย
ถ้าเราไม่รู้จักวิธีทำสมาธิแล้ว ก็ทำสมาธิไม่เป็น
จิตใจก็เดือดร้อนดิ้นรนเป็นทุกข์
เหตุนั้นจึงว่า การทำทาน รักษาศีล ทำสมาธิ นี่เป็นกิจเฉพาะส่วนตัว
ทุก ๆ คนจะต้องทำให้เกิดมีขึ้นในตน"


หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
10  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 10 สิงหาคม 2568, 05:46:27
การปฏิบัติพุทธศาสนานั้น เราอย่าไปเอาถ่ายเดียว
จะนั่งภาวนาให้มันตายละ เอาภาวนาอย่างเดียว
รักษาศีลอย่างเดียวละ ไม่ต้องทำทานก็แล้วกัน
ทำทานอย่างเดียวแล้วไม่ต้องไหว้พระสวดมนต์
อะไรไม่ต้องทำทั้งหมด ไม่มีกิจวัตร ก็ไม่ได้เหมือนกัน
การปฏิบัติพุทธศาสนาปฏิบัติมาโดยลำดับ ตั้งแต่ไหว้พระสวดมนต์
ทำความเคารพคารวะบิดามารดาคนเฒ่าคนแก่ ได้ทั้งนั้นแหละ
บูชาดอกไม้ธูปเทียนได้ทั้งนั้น
เป็นความดีทั้งนั้น มันทำใจให้เบิกบาน ให้สะอาด


หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

11  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 09 สิงหาคม 2568, 05:51:18
"รู้อะไรไม่เท่า รู้ใจของตนเอง"

"  การอบรมภาวนานั้นหมายความว่า "ทำใจของตนให้เป็นอารมณ์อันเดียวอยู่ในจุดเดียว ให้รู้ใจของตนว่า คิดดีคิดชั่วหยาบและละเอียดอยู่ตลอดเวลา"
ยืน เดิน นั่ง นอน คิดดีก็พยายามประครองอารมณ์นั้นไว้ให้เกิดปิติอิ่มใจ
"คิดชั่วก็พยายามละทิ้ง อย่าให้ติดอยู่กับใจ" ทำความรู้เรื่องของใจเท่านี้เป็นพอ "
ไม่ไปรู้เรื่องอื่น เรื่องอื่นของคนอื่นไม่ใช่เรื่องของเรา" ถ้าเราเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วจะทำให้เราไม่ได้ภาวนา คือหัดทำความสงบของใจ "รู้ใจของตนอยู่เสมอว่า คิดดีคิดชั่วหยาบและละเอียดทุกอิริยาบถ" ไม่ต้องอยากรู้โน่นนี่ต่าง ๆ นานา มันไม่เป็นภาวนาเสียแล้ว
"รู้อะไรไม่เท่ารู้ใจของตนเอง" หากมันจะรู้ก็ให้มันเกิดเองเป็นของมันเอง จะไปคิดปรุงแต่งให้มันเกิดขึ้นมาใช้ไม่ได้ เมื่อมันเกิดขึ้นก็จงรักษาสติคุมใจให้อยู่ก็แล้วกัน .. "

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
12  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 08 สิงหาคม 2568, 05:59:50
ทำให้มาก เจริญให้ยิ่ง
ผู้ชำนาญในวสีห้านี้ ฌาน-สมาธิของผู้นั้นจะไม่มีเสื่อมเลย พระพุทธองค์จึงทรงตรัสย้ำว่า “ภาวิตา พหุลีกตา อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ” แปลว่า ท่านทั้งหลายจงทำให้มาก เจริญให้ยิ่ง จึงจะเป็นไปเพื่อความตรัสรู้ เพื่อความดับทุกข์ดังนี้ คือพระองค์ประสงค์ว่า ทั้งผู้ที่กำลังเจริญอยู่ก็ดีหรือผู้ที่เจริญเป็นไปแล้วก็ดีในกรรมฐานหรือฌาน-สมาธิ-วิปัสสนาใดๆ ก็ตาม ไม่ให้ประมาท จงพากันเจริญอยู่เสมอๆ เพราะสิ่งที่จะยั่วยวนชวนให้เราหลงใหล มีอยู่รอบตัวในตัวของเรานี้ตลอดกาล
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า ตัวของเราทั้งหมดพร้อมด้วยสิ่งแวดล้อม ตกอยู่ในภายใต้ของกามคุณห้า จะทำอย่างไรๆ ก็เอาชนะมันไม่ได้ ไปไม่พ้นแล้ว ผู้นั้นชื่อว่า “เป็นผู้ยอมแพ้แล้ว (ตั้ง)แต่ยังไม่ทัน ออกสู่สนาม”
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า การรักษาอายตนะทั้ง ๖ เป็นการยุ่งยากลำบากมาก ผู้นั้นได้ชื่อว่า “กำลังต่อสู้กับข้าศึกอยู่ ชัยชนะมอบไว้ให้แก่กาลเวลาในอนาคต”
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า อายตนะทั้ง ๖ เรารู้เท่าเข้าใจตามความเป็นจริงแล้ว อารมณ์ทั้ง ๖ เราเอาชนะมันได้แล้ว ผู้นั้น ได้ชื่อว่า “ใกล้อวสานแห่งการแพ้ต่อข้าศึกอยู่แล้ว ความหายนะ กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เข้า ทุกวินาที”

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
ที่มา ธาตุ-ขันธ์-อายตนะ สัมพันธ์

13  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 07 สิงหาคม 2568, 05:46:03
"..บางคนบอกว่า ไม่เห็นทุกข์ อยู่กับทุกข์ ทุกวันทุกคืน ไม่เห็นอย่างไร ?
ทำไมจึงไม่พิจารณา
ยืน เดิน นั่ง นอน เปลี่ยนอิริยาบถ ก็ล้วนแต่เปลี่ยนเพื่อระงับทุกข์
การอยู่ การกิน การนอน ก็ล้วนแล้วแต่เพื่อระงับทุกข์ทั้งนั้น
การเจ็บการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียกว่า เวทนา มันมีอยู่ประจำ
ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ เป็นหนาว ด้วยอาการต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เรื่องทุกข์ทั้งนั้น ครั้นพิจารณาลงอันเดียวมันเห็น
เห็นในตัวของเรานี่แหละ ไม่ต้องไปพิจารณาที่อื่น อย่างนั้นจึงเป็นกัมมัฏฐานแท้.."

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
พระธรรมเทศนาเรื่อง การพิจารณากัมมัฏฐาน
14  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 06 สิงหาคม 2568, 04:55:21
คนที่จะพ้นจากทุกข์ได้ พ้นจากโลกนี้ได้ พ้นจากกรรมได้ ก็เพราะใจอันเดียว
จงยึดใจถือใจ เป็นสำคัญ
จะมาเกิดก็เพราะใจ
เกิดแล้วจะมาสร้างกิเลสขึ้นก็เพราะใจ
เป็นทุกข์ก็เพราะใจ
ถ้าใจไม่เป็นทุกข์ ใจไม่ยึดถือ ปล่อยทิ้งเสีย
กายอันนี้ก็ไปตามเรื่องของกาย
ใจก็เป็นตามเรื่องของใจ หมดเรื่องหมดราวกันที

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

15  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ) เมื่อ: 05 สิงหาคม 2568, 05:49:28
ตัวจิตหรือตัวใจอันนี้แหละไม่มีตนมีตัว
ถ้าเรารู้เรื่องจิตเรื่องใจเสียแล้ว มันง่ายนิดเดียว
ฝึกหัดปฏิบัติกัมมัฏฐานก็เพื่อชำระใจ
หรือต่อสู้กับกิเลสของใจนี้ ถ้าไม่เห็นจิตหรือใจแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะไปต่อสู้กับกิเลสตรงไหน เพราะกิเลสเกิดที่ใจ สงครามไม่มีสนามเพลาะ ไม่ทราบว่าจะรบอย่างไรกัน ต้องมีสนามเพลาะสำหรับยึดไว้เป็นที่ป้องกันข้าศึก มันจึงค่อยรู้จักรบ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ ขอให้พากันพิจารณาทุกคน ๆ เรื่องใจของตน เวลานี้เราเห็นใจแล้วหรือยัง ใจหรือจิตของเรานั้นมันอยู่ที่ไหน มีอาการอย่างไร

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
หน้า: [1] 2 3 ... 72
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!