ภาพประกอบโดย : สุภี ปสุตนาวิน
ที่มา: oknation.net
บ่ายวันหนึ่งไอ้ช่วยแบกปืนเดินขึ้นมาบนกระท่อมของผม ขณะนั้น ผมกำลังทำความสะอาดปืนอยู่ตรงระเบียง ตาสุ่ยกำลังค้นหาอะไรของแกเสียงกุกกักอยู่ในกระท่อม พอนั่งลงไอ้ช่วยก็ถามขึ้นว่า
?คืนนี้ออกส่องสัตว์ดีไหมนาย??
?ออกส่องที่ไหน?? ผมถามบ้าง
?ก็แถวโป่งแหว่ง หนองไฮที่เราเคยไป?
?น่าส่องนักหรือ?? ผมสงสัย
?ปีกลายนี้เราก็ได้กวางแถวนั้น ปีนี้น่าจะไปลองดูอีก?
พอดีตาสุ่ยค้นหาของที่แกต้องการได้แล้ว ก็ออกมาสมทบ ถามไอ้ช่วยว่า
?จะออกส่องสัตว์หรือคืนนี้??
?กำลังจะมาชวนนายกับตาสุ่ย เราไปสามคนก็พอ ไปหลายคนสัตว์ตื่นเปล่า ๆ?
?ไปไหม ตาสุ่ย?? ผมหันไปถาม
?ไปก็ไป? ตาสุ่ยตอบตกลงง่าย ๆ
คืนนั้นเป็นคืนข้างขึ้นของต้นฤดูหนาว ในราวปลายเดือนพฤศจิกายน อากาศหนาวเย็น แต่เรานักล่องไพรไม่เคยหวั่นวิตกในเรื่องนี้ มันเป็นธรรมดาของชีวิตพราน ไม่ว่าหน้าร้อนหรือหน้าหนาวภารกิจของเราไม่ได้แตกต่างไปเลย
ป่านี้เราคุ้นเคยมาก่อน เราเคยออกหากิน ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน
บางแห่งก็เป็นทุ่งราบ บางแห่งก็เป็นป่าโปร่งมีต้นไม้ขึ้นหร็อมแหร็มมีละเมาะเตี้ย ๆ สลับอยู่ประปราย ในอาณาบริเวณที่เรียกว่า ?โปร่งแหว่งหนองไฮ? นั้น มีหนองน้ำเล็ก ๆ อยู่หลายแห่ง และบางแห่งเป็นดงมะขามป้อมขึ้นอยู่แน่นหนา พวกเก้งกวางชอบนักชอบหนากับลูกมะขามป้อม
ส่วนพื้นที่ตรงข้ามกับดงมะขามป้อมด้านทิศตะวันตก มีป่าไผ่ขึ้นสลับซับซ้อน บางครั้งวัวป่าก็เคยมาเดินเพ่นพ่านเล็มยอดไผ่อ่อนอยู่เสมอเคยพบบ่อย แต่ไม่เคยล้มมันได้ มันเป็นสัตว์ที่ปราดเปรียวว่องไว
ผมมีโคมไฟฉายส่องสัตว์ติดไว้กับหน้าผาก แล้วโยงสายไฟมาเข้ากับกล่องแบตเตอรี่ถ่านไฟฉายที่ผมทำขึ้นเองแบบง่าย ๆ ใช้ถ่านไฟฉายห้าก้อน กล่องนี้ติดไว้กับเข็มขัดคาดเอว
ท่ามกลางดงดิบมีแต่ความเยือกเย็น ยอดหญ้าและใบไม้ชุ่มด้วยน้ำค้าง แต่เมื่อได้เดินตระเวนอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับเป็นการออกกำลังกายเลยเกิดความอบอุ่นขึ้นมา
การออกตระเวนไพรส่องสัตว์จะว่าสนุกก็สนุกดี บางครั้งไอ้ช่วยหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเมื่อเห็นกระต่ายหน้าโง่ ยกสองขาหน้าเล่นกับแสงไฟ แถมกระโดดโลดเต้นอย่างคึกคะนองจนโดนปืนด่าวดิ้นไป
ผมพาคณะลัดเลาะไปตามชายทุ่งราบ เดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหมาย ก็ไม่พบสัตว์อะไรให้ยิง จึงตัดข้ามหนองน้ำกลางป่ามุ่งสู่ลำห้วยเบื้องหน้า ซึ่งอยู่ตอนล่างของทุ่งราบ
เหนือหนองน้ำขึ้นไปสักเล็กน้อยเป็นดินโป่ง ก็คือดินเค็มนั่นเองเกิดเองโดยธรรมชาติสัตว์ป่าชอบมาแทะเล็มและขณะนี้เมื่อฉายไฟส่องดูก็พบร่องรอยของสัตว์เข้ากินดินโป่ง
ผมพาคณะลุยผ่านดงหญ้าแฝกไปเรื่อย ๆ โดยหวังเอาด่านสัตว์ข้างหน้าเป็นจุดหมาย
เหลือระยะทางอีกไม่มากนัก เราได้ยินเสียงผิดปกติ มันดังแว่วมาจากโคนต้นตะแบกหลังกอไผ่เล็ก ๆ มองเห็นเงาตะคุ่มอยู่ข้างหน้า
ตาสุ่ยให้สัญญาณหยุดแล้วเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นเป็นเสียงขุดคุ้ยดังเป็นจังหวะ จากเสียงและลักษณะการเคลื่อนไหว เราก็แน่ใจว่าต้องเป็นหมูป่ากำลังขุดคุ้ยดินหาหน่อไม้ไผ่อ่อน ๆ
การตระเวนหาส่องสัตว์ตอนกลางคืนนั้น เราไม่ได้เปิดสวิทช์ไฟส่องตลอดเวลา เราเดินในความมืดซึ่งเราฝึกกันจนชำนาญ ขณะเดินไปก็คอยฟังศัพท์สำเนียง นาน ๆ ก็เปิดไฟส่องดูครั้งหนึ่ง
อย่างเช่นขณะนี้ เราพบหมูป่าตัวหนึ่ง กำลังหากินหน่อไม้ไผ่อยู่ การยิงหมูป่าตอนกลางคืนและใช้ไฟส่อง เป็นเรื่องยากมาก หมูป่าเป็นสัตว์ที่ปราดเปรียว อีกอย่างหนึ่งมันไม่สู้กับแสงไฟเหมือนสัตว์อื่น ๆ
สัตว์อื่น ๆ พอพบกับแสงไฟมักจะเบิ่งมอง บางทีก็จ้องดูลำแสงกลับหลังเดินหนี สักครู่ก็หันมามองอีก เช่นเก้งหรือกวางเป็นต้น ยิ่งกระต่ายยิ่งไม่มีวันหลบ
ส่วนหมูป่านั้น พอเห็นแสงไฟจ้าเข้าจับตัวเมื่อไหร่ เป็นหลบแว้บเข้าป่าเข้าพงในพริบตา ส่วนมากมักจะยิงมันไม่ทัน
แต่สำหรับตัวนี้ ตัวที่เรามองเห็นตะคุ่ม ๆ คงเป็นหมูรุ่นที่ไม่โตนักแยกออกจากฝูงคงแบบหมูโทนบุกเดี่ยว ถึงยังไงก็จะลองเสี่ยงดู ระยะห่างกันแค่สิบวา เราอยู่ทางใต้ลม เป็นฝ่ายได้เปรียบ
ขณะที่เราหลบเข้าที่กำบัง หมูป่าตัวนั้นยังไม่รู้ตัว มันคงหากินหน่อไม้อย่างเพลิดเพลิน
?ผมยิงเอง? ตาสุ่ยกระซิบบอก ?นายคอยส่องไฟก็แล้วกัน หากพลาดไอ้ช่วยคอยซ้ำ?
ตาสุ่ยก็ยกปืนขึ้นประทับไหล่ ผมปรับมุมของไฟฉายบนศีรษะให้เหมาะในการยิงระดับต่ำ ขณะนั้นเราทั้งสามกำลังนั่งคุกเข่าอยู่หลังโคนต้นไม้
ตาสุ่ยเล็งศูนย์ปืนไปยังต้นเสียง ตาเพ่งมองฝ่าความมืด เสียงตาสุ่ยขึ้นนกปืนดังกริ๊ก ผมให้สัญญาณ ?เอาละนะ ระวัง?
ขาดคำผมก็กดสวิทช์เปิดไฟทันที แสงไฟพุ่งเข้าตรงจุดนั้น และเจ้าหมูหนุ่มก็ยืนเด่นให้เห็นชัดท่ามกลางแสงไฟ
มันสะบัดหัวอย่างแรง ตาจ้องแสงไฟอย่างงง ๆ และก่อนที่มันจะ
เผ่น ปืนในมือตาสุ่ยก็ระเบิดขึ้น มันกระโดดเข้ากระแทกกับกอไผ่เต็มเหนี่ยวม้วนตัวลงมาดิ้นกระเสือกกระสนอยู่ข้างกอไผ่
ไอ้ช่วยกลัวมันไม่ตายจริง เลยกดซ้ำเข้าไปอีกนัด มันจึงสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น
ความจริงได้หมูป่าขนาดนี้ก็น่าจะพอใจ แต่เรามีความโลภอยากได้มากกว่านี้ ตอนนี้เวลายังไม่ดึกนัก จึงพากันทิ้งซากหมูไว้ที่นั่น แล้วออกตระเวนต่อไป กะว่ารุ่งเช้าจึงจะกลับมาเอา
บริเวณทุ่งราบและป่าโปร่ง ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าที่เราพากันเดินฝ่าความมืดก็ยังไม่มีวี่แววเก้งหรือกวาง จนกระทั่งดึกเลยเที่ยงคืนเล็กน้อยผมจึงคิดจะหาที่พักนอน
?หาที่พักนอนกันเถอะ ไม่ได้อะไรก็ช่าง รุ่งเช้ากลับไปเอาซากหมูตัวนั้นกลับบ้านก็พอ?
ตาสุ่ยกับไอ้ช่วยก็เห็นดีด้วย
เราทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย เนื่องจากเดินทางติดต่อกันหลายชั่วโมง นับแต่เริ่มออกจากบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน
ผมพาพรรคพวกบ่ายหน้าเข้าหาโป่งแหว่ง ซึ่งอยู่ติดกับลำห้วยเล็ก ๆ กลางป่า ผมเคยไปที่นั่น เห็นว่าเป็นที่เหมาะสำหรับพักนอน
เมื่อไปถึง ลำห้วยแห่งนั้น น้ำแห้งขอดไปนานแล้ว ที่โป่งแหว่งเมื่อเอาไฟส่องดูก็เห็นรอยสัตว์ป่าเข้ากินดินโป่งเป็นประจำ ดินโป่งมีลักษณะเป็นจอมปลวกใหญ่เว้าแหว่งลึกเข้าไปประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ พวกบ้านป่าจึงพากันเรียกว่าโป่งแหว่ง คือแหว่งเข้าไปเกือบครึ่งซีก
และที่โป่งแหว่งนี้เอง พวกพรานเก่า ๆ เคยเตือนผมว่า ไม่จำเป็นแล้วอย่าเข้าใกล้ เพราะโป่งนี้มัน ?แรง? ความหมายของคำว่า ?แรง? ก็คือ มันเฮี้ยนมีผีดุนั่นเอง ใครไปซุ่มยิงสัตว์ตรงนี้อาจเป็นอันตรายถึงตายได้ โดยเฉพาะอาจถูกไอ้ลายพาดกลอนลากเอาไปกิน ส่วนมากก็เชื่อกันอย่างนั้น
เท่าที่ผมทราบมา โป่งแห่งนี้ สัตว์เข้ากินดินโป่งมาก แต่ยังไม่เคยมีพรานคนใดยิงสัตว์ได้แม้แต่ตัวเดียว ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ผมเองก็ สงสัยอยู่เหมือนกัน
การที่ผมพาพรรคพวกมุ่งมาที่โป่งแหว่ง ไม่ได้หมายความว่าจะลองดีกับโป่ง ว่ามันแรงอย่างเขาว่าจริงหรือ ผมเพียงแต่เห็นว่าเป็นทำเลเหมาะสำหรับการพักผ่อน เรื่องนี้ใครก็รู้ เพราะตอนกลางวัน เมื่อมีโอกาสผ่านไปทางนั้น เราก็พากันแวะนอนพักผ่อนเสมอ
อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเราโชคดีบางทีอาจจะมีกวางลงมากินดินโป่ง แล้วเราจะได้ยิงบ้าง ก็เท่านั้นเองสำหรับความคิดของผม
เมื่อเราไปถึงโป่งแหว่งเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ เราเลือกเอาลำห้วยตรงข้ามกับโป่งซึ่งเป็นหาดทรายอ่อนนุ่มถูกน้ำพัดไหลมาตกตะกอนตั้งแต่ครั้งฤดูฝน
เราเลืกเอาจุดนี้เป็นที่พัก ด้านหลังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มหมอนทอดไปตามลำห้วยเหมือนกำแพงขวางกั้นป้องกันไอ้ลายเข้ามาถลกหนังหัวได้อย่างดี ด้านหน้าสูงขึ้นไปเล็กน้อยคือโป่งแหว่ง ห่างจากที่เรานั่ง ๆ นอน ๆ กันอยู่ราวสามสิบก้าว
ผมปลดไฟฉายและเข็มขัดกล่องถ่านออกจากเอวเอาวางไว้ข้าง ๆ ตัว ตาสุ่ยไปหักกิ่งไม้มาปูให้ผมนอน ไอ้ช่วยถือปืนระวังภัย
เป็นกฏธรรมดาของการนอนป่าใครคนหนึ่งจะต้องเป็นผู้ระวังภัย เราไม่ทราบว่าอันตรายจะเกิดขึ้นกับเราเวลาไหน อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทจะต้องเคารพกฏเกณฑ์ของป่า ถ้าพูดถึงหลักการไปนอนในป่า ทำเช่นนั้นผิดมากไม่ปลอดภัยสำหรับเราเลย แต่ถ้าจะขัดห้างนอนก็เป็นการลำบากเพราะดึกมากแล้ว แต่เราก็ไม่ประมาท ต้องจัดให้ใครคนใดคนหนึ่งเฝ้ายาม จะนอนหลับหมดทุกคนไม่ได้เป็นอันขาด
ผมถอดมีดเหน็บออกจากฝักปักไว้กับพื้นทรายใกล้ ๆ กับตัว เมื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้หยิบง่าย ๆ ส่วนปืนพิงไว้กับขอนไม้ขนาดใหญ่บนหัวนอน เพื่อจะคว้าได้ง่าย ๆ เช่นกัน
ส่วนเป้สนามที่ใส่ผ้าห่มและของใช้บางอย่าง เป็นของกระจุกกระจิกหลายอย่างกลายเป็นหมอนอย่างดี แล้วผมก็เอนตัวลงนอน
ตาสุ่ยนั่งยามผลัดแรก ส่วนไอ้ช่วยจะให้อยู่ผลัดหลัง ไอ้ช่วยก็หาที่นอนไม่ไกลจากผมนัก
ผมนอนหงายบนพื้นทราย ข้างล่างมีกิ่งไม้ใบไม้ปูนอน เหยียดตัวตรงในท่าสบายที่สุด มองดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าความเมื่อยล้าผ่อนคลายลงผมทำใจให้สบายพักผ่อนเต็มที่ ไม่กังวลสิ่งรอบข้าง ลมดึกพัดโชยมาไม่ขาดสาย มีความสงัดวังเวงของป่า ไม่ช้าผมก็ผล็อยหลับ
ผมมาตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ผมรีบยันกายขึ้นมือคว้าหาปืนเป็นอันดับแรก กระชากลูกเลื่อนพร้อมที่จะเหนี่ยวไก พอเสียงปืนสงบลงผมก็ถามตาสุ่ย ?อะไร??
?ผมเห็นเงาตะคุ่ม ๆ เข้ามาที่โป่งนึกว่าก็ต้องเป็นกวางแน่ ๆ ผมว่าจะเอาไฟฉายส่องดูก็กลัวมันจะตื่นเลยกดเข้าไปหนึ่งนัด?
?ทำไมตาสุ่ยไม่ปลุกฉัน? ผมตำหนิ
?ผมเห็นนายกำลังหลับสบายก็ไม่อยากปลุก และคิดว่าระยะขนาดนี้ยิงไม่พลาดแน่?
ผมกดสวิทช์ไฟส่องดูก็พบแต่ความว่างเปล่า
แต่เสียงนั้นได้ยินชัดเจนและมีน้ำหนัก กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะเสียงฝีเท้านั่นเอง ผมยังมองไม่เห็นอะไรแม้จะเปิดไฟฉายส่องไปรอบ ๆ บริเวณโป่งเป็นพงรกมีไม้ยืนต้นประเภทไม้เบญจพรรณขึ้นหนาทึบ
ผมรีบดับไฟฉาย ตอนนั้นไม่ได้สังเกตด้วยว่าอยู่เหนือลมหรือใต้ลม ฟัง ๆ ดูเจ้าของเสียงไม่ตื่นเต้นกับเสียงของเราเลย เพราะเสียงเดินของมันไม่มีทีท่ารีรอ หรือหวาดระแวงอะไร คงก้าวเป็นจังหวะตรงมาเรื่อย ๆ เราทั้งสามคอยเงี่ยหูฟัง ไอ้ช่วยกระซิบถามเบา ๆ
?กวางใช่ไหม??
?กูก็ว่าอย่างนั้น? ตาสุ่ยตอบเบาเช่นกัน
จริงอย่างตาสุ่ยว่า อีกสักครู่เจ้าของเสียงก็มาปรากฏตัวให้เห็นทางด้านหนึ่งของโป่ง เป็นกวางตัวผู้ขนาดใหญ่ ผมมองฝ่าความมืดออกไปเห็นกวางพอตะคุ่ม ผมสั่งทุกคน ?อย่าเพิ่งยิง ใจเย็น ๆ?
อันที่จริงผมควรจะเตรียมยิงได้ทันเหตุการณ ์แต่เพราะคิดขึ้นได้ถึงคำแนะนำของพรานเก่า ๆ ที่เคยบอกว่า ?โป่งนี้มันแรง? ทำให้ผมลังเล อีกอย่างหนึ่งปืนตาสุ่ยยิงออกไปหนึ่งนัดเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่เห็นโดนสัตว์สักตัว
ที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทั้ง ๆ ที่มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดกวางตัวนี้มันจะเดินดุ่มเข้ามาทำไม ทั้ง ๆ ที่สัตว์มีกีบประเภทนี้มีสัญชาตญาณระวังภัยสูง กว่าจะลงกินน้ำหรือดินโป่งแต่ละครั้ง มันจะหยุดรอดูเหตุการณ์วนเวียนดูลาดเลาเสียก่อนเมื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตรายจึงจะลงกิน
ดังนั้น ผมจึงรอดูท่าทีว่ามันจะยังไงกันแน่ ผมคาดไฟฉายติดไว้กับหน้าผากช้า ๆ หยิบเอากล่องแบตเตอรี่จากถ่านไฟฉายที่ติดกับเข็มขัดมาคาดเอว เสร็จแล้วหยิบปืนลูกซองห้านัดคู่มือมากระชับไว้มั่น ทุกอย่างผมทำโดยไม่รีบร้อน
กวางตัวนั้นลงกินดินโป่งเสียงดังถนัดหู เพราะห่างจากที่เรานั่งอยู่ไม่กี่วา ผมตัดสินใจกดสวิทช์ไฟฉาย ในชั่วพริบตานั้นเอง จะเป็นกวางหรืออะไรกันแน่ก็ได้เห็นกันบัดนี้แหละ
ผมกราดไฟฉายไปรอบ ๆ ดินโป่งแล้วไปหยุดนิ่งตรงวัตถุเคลื่อนไหว ที่นั่น! กวางตัวใหญ่กำลังก้มหน้าและเล็มกินดินโป่งอยู่ พอกระทบแสงไฟฉาย มันสะบัดหน้าขึ้นมอง จ้องแสงไฟเขม็งดวงตาลุกวาวก่อนที่จะเอี้ยวตัวหลบ
ผมรีบดับสวิทช์ไฟฉายอย่างฉับพลัน ขออย่างเดียวอย่าให้มันตื่นแสงไฟเมื่อกี้นี้เลย เสียงมันลุยดงหญ้าห่างออกไป เสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั้นไม่แสดงว่าตื่นตกใจแล้วเตลิดหนีแม้แต่น้อย มันเดินสม่ำเสมอเหมือนเมื่อตอนขามา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขอให้มันเดินไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ผมภาวนาในใจ ขอให้มันเดินห่างออกไปจากโป่งแห่งนี้ที่เชื่อกันว่า ?ผีแรง? จะอยู่ที่ไหนก็ตาม นอกจากโป่งแห่งนี้ ผมจะตามไปยิง โอกาสของเรายังมี
ผมชวนพรรคพวกให้ลุกตาม กำกับไอ้ช่วยกับตาสุ่ยไม่ให้ยิงจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากผม เรารีบออกจากหาดทรายที่ท้องห้วย บุกป่าตามเสียงมันไป ซึ่งมันคงจะเดินตามด่านสัตว์อันคดเคี้ยว จนกระทั่งไปถึงเชิงเขา
ตอนนั้น ความเหนื่อยและความง่วงนอนไม่มีเหลืออยู่สักนิด จิตใจของผมจดจ่ออยู่ที่กวางใหญ่ตัวนั้นเพียงจุดเดียว ถ้าล้มมันได้เขาของมันคงจะขายได้ราคางาม
ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ทันได้สังเกตว่า กวางตัวนั้นเขามันหด ไม่ยาวเหมือนกวางทั่ว ๆ ไป และเขาหดอันนี้แหละทำให้ปืนยิงไม่เข้า แม้ว่าผมกับตาสุ่ยและไอ้ช่วยจะตามล่ามันตลอดคืน กว่าจะรู้ว่ามันเป็นกวางเขาหด มันก็ได้สร้างบทเรียนให้เราทั้งสามผู้ตามล่า ยากที่จะมีวันลืมพื้นที่ที่เราพากันเดินบุกมานี้ เป็นป่าที่เราเคยลุยมาเสียจนทั่วหลายครั้งหลายหน ทั้งกลางวันและกลางคืน จนเกือบจะพูดได้ว่าให้หลับตาเดินก็ไม่หลงทาง
ผมรู้ว่ากวางตัวนั้นมันมุ่งหน้าไปทางไหน จึงพาตาสุ่ยกับไอ้ช่วยหาทางลัดเพื่อไปสกัดมัน ก่อนที่มันจะไปจนถึงเชิงเขา
บริเวณดังกล่าวเหมาะที่สุด สำหรับดักซุ่มยิง เพราะพื้นที่มีต้นไม้ห่าง ๆ เป็นระยะสลับกันไป ผมกับพรรคพวกไปถึงบริเวณนั้นในราวยี่สิบนาทีต่อมา
ที่นั่นมีกอไผ่ป่าขึ้นอยู่โดดเดี่ยวริมทางผ่าน ตรงนี้แหละเรายึดเป็นที่ซุ่มยิง ผมพยายามผ่อนลมหายใจเพราะความเหนื่อย เราทั้งสามต้องเดินทางมาอย่างรีบร้อนชนิดแข่งกับเวลา กลัวว่ามันจะเลยไปก่อน
เหงื่อซึมเต็มใบหน้าและลำตัว ต้องใช้ชายผ้าขาวม้าเช็ดตามใบหน้าและอุ้งมือ บัดนี้เราพร้อมแล้วที่จะส่งกระสุนไปเด็ดชีพมัน เพราะอยู่ห่างโป่งที่ว่าผีแรงออกมาแล้ว ไม่ต้องกังวลสิ่งใด
อีกประมาณสิบนาทีต่อมา เสียงฝีเท้าลุยพงหญ้าแห้งก็แว่วเข้ามาเสียงฝีเท้านั้นย่ำเข้ามาทุกขณะ แสดงว่ากวางตัวที่เรารอคอยอยู่กำลังเดินมาตามที่ผมคาดคะเนไว้ไม่มีผิด
ขณะนี้ความมืดครอบคลุมไปทั่ว มองไปทางไหนก็พบแต่ความมืดประกอบกับมีทิวเขาเป็นฉากกำบังขวางอยู่ จึงทำให้มองออกไปไม่เห็นอะไรเลย นอกจากใช้ประสาทหูคอยจับสำเนียงการเคลื่อนไหวแต่เพียงอย่างเดียว
ท่ามกลางความมืด เสียงฝีเท้ากวางตัวนั้นหยุดชะงัก คงประมาณยี่สิบเมตร มันคงจะรีรอด้วยความหวาดระแวงตามสัญชาตญาณของมัน
ผมภาวนาขออย่าให้มันเปลี่ยนทางเดิน เพราะอันที่จริงระยะแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับปืนสามกระบอกของเรา ปืนที่กระชับอยู่ในมือของแต่ละคน
แต่บริเวณที่กวางตัวนั้นหยุดยืนมีพุ่มข่อยบังอยู่ ต้นข่อยสลับซับซ้อนสูงเลยหัวเราเล็กน้อย ถ้าผมเปิดไฟเดี๋ยวนั้นก็จะเห็นเป้าไม่ชัด เพราะมีสิ่งกำบัง ถ้ามันตื่นหลบไปเสียก่อนก็เป็นอันว่าเลิกกัน เรื่องยิงไล่หลังนั้นอย่าได้คิดดีกว่า
ขณะที่ผมใจระทึกอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีก มันกำลังบ่ายหน้าตรงมาหาเรา โดยไม่ระแวงว่าความตายกำลังรอมันอยู่ข้างหน้า ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามา ระยะทางหดสั้นเข้าทุกที จนกระทั่งมันหลุดออกมาจากดงข่อย และอยู่ห่างจากพวกเราไม่เกินสิบเมตร ผมกระซิบบอกให้ทุกคนเตรียมตัวบอกว่า ?พอฉันเปิดไฟก็ยิงเลย ไม่ต้องรอ?
ผมกลั้นใจเปิดสวิทช์ไฟฉายขึ้น ไฟฉายส่องสัตว์พุ่งเป็นลำแสงยาวสว่างโร่ แสงไฟพุ่งเข้าจับร่างเปรียวอย่างเหมาะเจาะ กวางตัวนั้นหยุดชะงัก
มันยืนเบิ่งมองแสงจ้า ซึ่งพุ่งสวนเข้าหาอย่างกะทันหัน บนซอกขาหน้าตรงหัวใจเด่นชัดอยู่ท่ามกลางแสงไฟ เพียงสอง-สามวินาทเสียงปืนทั้งสามกระบอกก็คำรามขึ้น ราวกับนัดกันไว้
พอเสียงปืนสงบลง แทนที่จะเห็นกวางทรุดฮวบอยู่กับที่ กวางที่เห็นชัดเจนอยู่ท่ามกลางแสงไฟกลับเบนหน้าเหยาะย่างเข้าข้างทาง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่มันอะไรกัน! เราทั้งสามต่างพิศวง ไม่น่าจะเป็นไปได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าอัศจรรย์
เรามัวแต่มุ่งจะยิงกวางตัวนั้นให้ได้ จนลืมดูเขาที่บนหัวของมัน ต่อมาจึงรู้ว่ามันเป็นกวางเขาหด เขาของมันมีอานุภาพป้องกันกระสุนปืนได้
เราทั้งสามต่างตกตะลึงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่น่าจะยิงพลาดระยะไม่ถึงสิบเมตร แล้วก็ปืนตั้งสามกระบอก น่าจะถูกเข้าสักนัด ระยะแค่นี้เท่าที่เคยยิง อย่าว่าแต่กวางเลย ต่อให้กระต่ายหรืออีเห็นก็ยิงไม่พลาด เป็นไปได้อย่างไร?
ไอ้ช่วยด่าตัวเอง
?ไอ้ห่า แค่นี้ก็ยิงไม่ถูก? มันก็หมายความว่าด่าผมและตาสุ่ยด้วย แต่พวกเราไม่ถือสา มันจริงอย่างไอ้ช่วยว่า ?แค่นี้ก็ยิงไม่ถูก?
หรือจะเป็นกวางเจ้าป่าที่มีอำนาจลึกลับคุ้มครอง ลูกปืนทำอะไรมันไม่ได้
เสียงฝีเท้าของกวางตัวนั้นลุยหญ้ามุ่งหน้าสู่ตีนเขาไปเรื่อย ๆ ดูทีท่าของมันไม่ได้เร่งร้อนหรือตื่นเต้นตกใจกับเสียงปืน ที่พวกเราประเคนเข้าใส่ทั้งสามกระบอกเมื่อสักครู่
เราตามเสียงฝีเท้าโดยไม่ยอมใช้ไฟฉาย หลายครั้งที่เราสะดุดรากไม้ที่โผล่ขึ้นเหนือดินและเหยียบลงลงไปในหลุมบ่อเล็ก ๆ ที่มีน้ำขัง บางครั้งก็เซถลาแทบล้มเพราะลื่น
และบางคราวต้องแหวกพงรก เพื่อหาทางลัดอ้อมไปสกัดหน้ามันไว้ให้ทัน บางครั้งก็ดูทุลักทุเล เสียงฝีเท้านำหน้าเราไปนั้นมันดังถนัดหูราวกับว่าไอ้กวางตัวนั้นจงใจจะเย้ยหยันเราอยู่ในตัว
เพราะมันไม่ได้ทิ้งระยะห่างออกไป แต่หากทอดระยะห่างสม่ำเสมอ คล้ายกับว่าล่อให้พวกเราตามไปเรื่อย ๆ จากชายป่าสู่ทุ่งราบ เสียงฝีเท้าของกวางเดินนำหน้าเราขึ้นสู่ที่ลาดตีนเขา เดินไปเรื่อย ๆ ตามธรรมชาติของสัตว์มีเขาระเกะระกะเช่นกวางทั่ว ๆ ไปมันจะต้องหลีกเลี่ยงเดินเข้าดงที่รกทึบ ซึ่งมีเถาวัลย์พันเกี่ยวระโยงระยาง เขาของมันจะต้องเกี่ยวพันกับต้นไม้และเถาวัลย์
แต่ปรากฏว่ากวางตัวนี้ ไม่มีอุปสรรคกับการบุกป่า คิด ๆ ก็น่าพิศวงว่าเขาของมันไม่เกะกะหรืออย่างไร
ตาสุ่ยหยุดคิดนิดหนึ่งเพื่อกำหนดทิศทาง เมื่อแน่ใจแล้วก็บ่ายหน้าตรงไปยังจุดนั้น พยายามไม่ให้เกิดเสียงยิ่งใกล้เข้าไปเราก็ได้ยินเสียงกัดทึ้งยอดไม้ดังชัดเจน
มันคงกำลังเพลิดเพลินกับการและเล็มใบอ่อน ของต้นไม้ตรงนั้นหรือมันกำลังท้าทายให้เราเข้าไปใกล้ก็ยากที่จะเดาใจมันถูก
แต่ที่แน่ ๆ ก็คือมันไม่ยอมหนี ทั้ง ๆ ที่ผมและเพื่อนเคลื่อนตัวเข้าไปจนห่างจากจุดที่ได้ยินเสียงราวเจ็ด-แปด เมตร โดยมีพุ่มไม้เตี้ย ๆ เป็นฉากกำบัง
?ทุกคนเตรียมพร้อม? ผมกระซิบเบา ๆ ท่ามกลางความมืด ปืนทั้งสามกระบอกประทับไว้ที่ไหล่ในท่าเตรียมยิง วินาทีนั้นผมก็เปิดสวิทช์ไฟฉาย
สิ่งที่เห็นอยู่ในแสงไฟก็คือ พุ่มไม้ใบหนาขวางหน้าเราอยู่ เราสามคนเคลื่อนไหวเล็กน้อย พร้อมกับวาดปืนตามแสงไฟที่เบนเข้าหาตัวกวาง
ลำไฟฉายพุ่งเข้าจับเต็มหน้ากวางตัวนั้นพอดี มันเบิ่งมองแสงไฟนิ่งอยู่กับที่หูลู่แนบไปข้างหลัง
แต่ให้ตายเถอะ เราทั้งสามมองเห็นถนัด กวางผีตัวนี้ไม่มีเขาเลยเขาของมันมีเพียงตูม ๆ อยู่บนหัวทั้งสองข้าง นี่มันอะไรกันเราไม่ได้เสียเวลาคิด จุดตายที่เฉียบขาดที่สุดก็คือ เล็งให้ตรงหัวใจ ไหล่ของผมไหวเยือกเมื่อนิ้วชี้มือขวาน้าวไกปืน กระสุนยิงรัวออกไปทั้งชุด เสียงดังจนแสบแก้วหู ตาสุ่ยกับไอ้ช่วยก็ยิงคนละนัดเช่นกัน
พอเสียงปืนสงบลง กวางตัวนั้นมันเบิ่งมองพวกเรา มันสะบัดหัวสอง-สามครั้งแล้วก็เดินหายแวบเข้าไปในป่าตรงพุ่มไม้ทึบ หูผมไม่ฝาดเลยได้ยินเสียงกวางตัวนั้นเอาเท้าตะกุยดิน ก่อนมันจะเดินออกจากที่นั่นไป
ผมเผ่นพรวดออกไปก่อนเพื่อน ใช้ไฟฉายส่องสัตว์ส่องดูจนทั่วก็ไม่พบมัน เสียงฝีเท้าก็พลอยเงียบหายไปราวกับปลิดทิ้ง
เราได้พิสูจน์ถึงสองครั้งสองคราวแล้ว ไม่มีรอยเลือดแม้สักหยด
มันเป็นกวางเขาหด เขาของมันมีอานุภาพป้องกันกระสุนปืน...
ท้องฟ้าเริ่มสาง แสงเงินแสงทองกำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า เราพากันหาทางกลับมาเอาซากหมูป่าที่ยิงไว้เมื่อคืนนี้