หลวงปู่ญาท่านโทน ขันติโก วัดบ้านพลับ จ.อุบลราชธานี
"หลวงปู่ญาท่านโทน ขันติโก" พระเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านพลับ จ.อุบลราชธานี ลูกศิษย์ลูกหาต่างเรียกขานนามท่านว่า "พระทองคำแห่งเมืองดอกบัว" ด้วยวัตรปฏิบัติอันงดงามและเรียบง่าย อยู่แบบสันโดษ
ปัจจุบัน หลวงปู่ญาท่านโทน สิริอายุ 86 ปี พรรษา 65 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านพลับ ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
หลวงปู่ญาท่านโทน เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2467 ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ที่บ้านพับ ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายมาและนางคำ เผ่าพันธุ์
ใน วัยเด็กได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล ประจำตำบล จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2487 ณ วัดบ้านก่อ ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี โดยมี พระครูศรีสุตาภรณ์ วัดคูขาด เป็นพระอุปัชฌาย์, ญาท่านกรรมฐานแพง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และญาท่านทน วัดคูขาด เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับฉายา "ขันติโก"
หลวงปู่ญาท่านโทน ขันติโก วัดบ้านพลับ จ.อุบลราชธานี
ท่าน ได้จำพรรษาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดบ้านก่อ ในยุคนั้นชื่อเสียงของญาท่านกรรมฐานแพง พระกรรมวาจาจารย์ของท่านโด่งดังไปทั่วอีสานในฐานะพระเกจิผู้เรืองวิทยาคม จึงขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิทยาคม โดยญาท่านกรรมฐานแพง เมตตาถ่ายทอดวิทยาคมให้จนหมดสิ้น ซึ่งญาท่านกรรมฐานแพง เป็นอาจารย์ของญาท่านสวน วัดนาอุดมด้วย
จากนั้นญาท่านโทน ได้ไปเรียนวิชาจาก "ญาท่านอินทร์" เจ้าตำรับประคำสายดำ ได้ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อเคน เรวโต
ด้วยวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอ ต้นเสมอปลาย และเป็นศิษย์ของญาท่านกรรมฐานแพง ทำให้ชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนในวงกว้าง
ญาท่าน โทน มีอุปนิสัยเงียบๆ ไม่ค่อยพูด คราวที่ท่านพูด จะได้รับคำเรียกขานจากชาวบ้านว่า "วาจาสิทธิ์" เป็นดังปากท่านปรารภทุกคราวไป
วัตรปฏิบัติของญาท่านโทน ช่วงหลังเทศกาลออกพรรษาทุกปี จะออกเดินธุดงควัตรไปตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งในภาคอีสาน โดยเฉพาะแถบเทือกเขาภูพาน สมัยนั้นป่าอุดมสมบูรณ์มาก บางครั้งเผชิญสัตว์ร้าย แต่ท่านหาหวั่นไหวไม่ เนื่องจากมีพลังจิตที่กล้าแข็งมาก ท่านได้แผ่เมตตาจิตให้สัตว์เหล่านั้น ไม่เข้ามาทำร้ายแต่อย่างใด
ญาท่านโทน ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเถระรูปหนึ่งที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ ในแต่ละวันจะมีญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมา กราบนมัสการหลวงปู่อย่างล้นหลาม
สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาค ท่านได้นำไปพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดแห่งนี้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอุโบสถ กุฏิ ศาลาการเปรียญ ทำให้วัดบ้านพลับ แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังนำพระภิกษุ-สามเณร และญาติโยมร่วมกันปรับปรุงภายในบริเวณวัดให้มีความร่มรื่นสวยงามด้วยการปลูก ต้นไม้ สร้างความสงบวิเวกเหมาะสมในการปฏิบัติธรรมยิ่งนัก
ญาท่าน โทนได้ถ่ายทอดหลักธรรมง่ายๆ แก่ชาวบ้านให้ยึดถือปฏิบัติ คือ การรักษาศีล 5 เนื่องจากปุถุชนคนธรรมดายังมีกิเลสอยู่ขอให้รักษาศีล 5 ให้ได้ก็พอชีวิตจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองแน่นอน
ด้วยนิสัยที่มี ความเมตตา พูดน้อย ถ่อมตนไม่หยิ่งด้วยเกียรติ ไม่ทะเยอทะยานในลาภยศสรรเสริญ เคร่งครัดในสิกขาวินัย ยินดีในสิ่งที่ได้ใช้ในสิ่งที่มี ยินดีและพอใจตามมีตามได้ ชอบการสงเคราะห์ช่วยเหลือ เกี่ยวกับการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม
จึงเป็นพระผู้ใหญ่ของ จังหวัดที่ได้รับการยกย่องจากพระสงฆ์ด้วยกัน และชาวพุทธทั้งหลาย
ขอขอบคุณ
http://www.xn--22cej4gzaby6cyaq5dzf9dj.com/2010/02/blog-post_8254.html