สร้างวัดป่าบ้านแคน
ในปี พ.ศ. พระอาจารย์ภรังสี ได้นิมิตเห็นเจ้าที่ ซึ่งเป็นวิญญาณของพระสงฆ์ มาอาราธนาให้ไปสร้างวัด ท่านมีชื่อว่า หลวงปู่โสม กับหลวงปู่ธรรมบาล พระอาจารย์รังสี จึงได้เดินทางไปสำรวจที่ตามนิมิต เป็นบริเวณ หลังที่ว่าการ กิ่งอำเภอดอนมดแดง เป็นป่าหนาทึบ สมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ จึงพิจารณาเห็นว่า เป็นสถาน ที่เหมาะสมสำหรับสร้างวัด จึงรับคำอาราธนาและได้ไปสร้างวัดป่าบ้าน ที่วัดป่าบ้านแคนนี้ พุทธศาสนิกเริ่มรู้ จักกิตติศัพท์ชื่อเสียงของพระอาจารย์รังสีไปอย่างกว้างขวาง จึงทำให้มีผู้มาประพฤติปฏิบัติธรรม กันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ที่มาปฏิบัติที่นี่เมื่อกลับบ้านไปแล้วก็ จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ ในชีวิตการงาน บาง รายก็เกิดโชคลาภมหาศาล ผู้คนจึงหลั่งไหลมาสู่วัดป่าบ้านแคนอย่างไม่ขาดสาย
นิมิตเห็นปราสาทหินพนมรุ้ง
ที่วัดป่าบ้านแคนนี่เอง ในขณะที่พระอาจารย์ภรังสี ได้เจริญภาวนาอยู่ในคืนหนึ่ง ได้นิมิตเห็นปราสาทหิน ผุดขึ้นมากลางสระน้ำหนองแคน แล้วมีเสียงดังตามมาว่า ?ปราสาทหินพนมรุ้ง? รุ่งเช้ามาจึงได้สอบ ถามญาติโยมว่ามีปราสาทหินพนมรุ้งอยู่ไหน เนื่องจากท่านไม่ทราบมาก่อน พอดีในช่วงนั้นมี พันเอก ประสิทธิ์ สว่างวงศ์ ผู้เป็นลูกศิษย์ได้เดินทางกลับถวายภัตตาหารที่วัด ได้อาสาจะพาเดินทางไปที่ปราสาทหินพนมรุ้ง ที่ จ.บุรีรัมย์ และได้เดินทางมาถึงปราสาทในเวลาบ่าย ๓ โมง และได้เกิดเหตุการณ์ที่ประหลาด คือ เจ้าเมืองพนมรุ้ง ได้เข้าสิงห์ผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งเข้ามากอด แล้วก็เรียกว่า ?ลูกๆๆๆ เจ้าไปเกิดที่ไหน พ่อรอเจ้าอยู่ตั้งนาน? สร้างความตกตะลึงให้กับนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก จากการสอบถามพูดคุยกัน จึงทำให้ได้ ทราบว่า อดีตชาตินั้น พระอาจารย์รังสี ได้เคยเกิดเป็นลูกสาวท้าวศรีสุริยะเทพอินทร อดีตเจ้าเมืองพนมรุ้ง โดย มีชื่อเรียกในสมัยนั้น ว่า เจ้าหญิงพนมรุ้ง เมื่อเดินทางกลับวิญญาณของเจ้าเมือง ปราสาทหินเมืองต่ำก็ได้ ตามมาส่ง เมื่อมาเจออาจารย์น้อย ผู้เป็นน้องชายของพระอาจารย์รังสี เจ้าเมืองปราสาทหิน เมืองต่ำก็เกิดอาการ เช่นเดียวกัน พยายามที่จะสื่อสารให้ได้ทราบว่า อาจารย์น้อยอดีตชาติเคยเป็นลูกของเจ้าเมือง ภพชาติจึงเป็นเรื่อง น่ากลัว สำหรับผู้ประพฤติธรรม ผู้เห็นภัยในการเวียนว่ายตายเกิด จึงควรรีบเร่งปรารภความเพียรกระทำให้แจ้งซึ่ง มรรคผลนิพพาน เพื่อนำตนให้พ้นจากห้วงแห่งวัฏฏะทุกข์นี้
บูรณะวัดหนองยาง
ในช่วงที่ได้สร้างวัดป่าบ้านแคนนี่เอง พระอาจารย์ภรังสี ได้ไปบูรณะวัดหนองยาง ต.ไร่น้อย อ. เมือง จ.อุบลราชธานี ได้จัดสร้างปรับปรุงเสนาสนะวัตถุให้มีความเหมาะสมสำหรับรองรับพระภิกษุสามเณรได้ ที่วัดหนอง ยาง นี่เอง พระอาจารย์รังสี ได้ถูกลองดี ด้วยการใช้ไสยศาสตร์ บางคืนก็นิมิตเห็นตะกรุดดอกใหญ่ลอยเข้ามาในตัว และอีกสารพัดรูปแบบ เนื่องจากช่วงนั้นท่านกำลังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จึงถูกลองดี แต่ทุกอย่างก็ไม่ สามารถจะกระทำอันตราย ท่านได้ ต่างก็พ่ายแพ้ไปด้วยอำนาจแห่งธรรม
พบพระคัมภีร์มหาศักดานุภาพของหลวงปู่ใหญ่มหาโมคคัลลานะทางนิมิต
ในช่วงที่จำพรรษาอยู่บ้านดินดำนี่เอง เป็นเหตุการณ์ที่นำพาพระอาจารย์รังสี ได้พบกับหลวงปู่ใหญ่มหา โมคคัลลานะครั้งที่ ๒ ในคืนวันหนึ่งขณะที่นั่งเจริญสมาธิภาวนา ได้นิมิตเห็นพระภิกษุชรา รูปหนึ่งไปเรียกให้ไปหา พระอาจารย์จึงไม่รู้ว่าพระภิกษุรูปนี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน จึงได้ให้ เทพขุนมาลัย ผู้เป็นลูกศิษย์ของ ท่านนำพาไปหา ภิกษุรูปดังกล่าว เทพขุนมาลัยจึงนำพาพระอาจารย์ไปพบกับ หลวงปู่บุญมาก ฐิตปญฺโญ ที่ภูมะโรง ซึ่งเป็น สถานที่เดียวกันที่พระอาจารย์เคยไปมาในสมัยที่อยู่ว่าป่าบ้านเค็ง หลวงปู่บุญมาก จึงสอบถามว่า ? เธอเป็น ลูกศิษย์ของใคร ทำไมถึงมาที่นี่ได้? พระอาจารย์กราบเรียนว่า ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สาย จากนั้นหลวง ปู่บุญมากจึงพาท่านเดินไปดูพระคัมภีร์ ที่มีชื่อเรียกว่า มหาศักดานุภาพ เป็นคัมภีร์ที่หลวงปู่ใหญ่มหาโมค คัลลานะ ได้เขียนจารึกใส่แผ่นทองคำไว้ มีทั้งหมด ๑๒ แผ่น เมื่อเขียนเสร็จแล้วไม่สามารถที่จะเก็บไว้ในที่ไหนได้ ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ โลกมนุษย์ เนื่องจากพระคัมภีร์นี้มีอานุภาพมาก จึงได้อัญเชิญไปเก็บรักษาไว้ที่เมืองบาดาล โดยมีพญานาคนามว่า ศรีสุทโธ เป็นผู้ดูแลรักษา ผู้ที่ได้คัมภีร์นี้ก็จะได้ตามวาสนาบุญบารมีของตน ในอดีต ก็เคยมีพระภิกษุผู้ได้เรียนคัมภีร์นี้หลาย ๆ รูป เช่น หลวงปู่สมเด็จลุน หลวงปู่คำคะนิง หลวงพ่อคูณ เป็นต้น ใน ขณะที่พระอาจารย์รังสีเดินดูพระคัมภีร์นั้น ได้ไปพบกับหลวงปู่คำคะนิง ถูกอำนาจพระคัมภีร์ครอบงำไว้ ไม่สามารถ จะไปไหนได้ สาเหตุเนื่องจากท่านเองประสงค์จะเรียนพระคัมภีร์นี้ให้ครบทุก ๑๒ แผ่น พระอาจารย์รังสีจึง ได้ให้อุบายแก่หลวงปู่คำคะนิงว่า ?ให้หลวงปู่กำหนดจิตปล่อยวาง ? ท่านปฏิบัติตามจึงหลุดพ้นจาก อำนาจพระ คัมภีร์ เข้าสู้แดนนิพพานต่อไป จากนั้นพระอาจารย์รังสีจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขอเรียนพระคัมภีร์ จึงได้มีแผ่น หนึ่งเป็นทองคำ ซึ่งเป็นแผ่นที่ ๑๒ ว่าด้วยเรื่องศักดานุภาพ(เกี่ยวกับเรื่องฤทธิ์) แล้วนำกลับขึ้นมาสู่โลกมนุษย์ ที่วัดป่าบ้านดินดำ เมื่ออัญเชิญเมื่อเข้าสู่เขตวัดอากาศเกิดแปรปรวน ฝนตกฟ้าร้องอย่างหนัก เกิดฟ้าฝ่า เมื่อเห็น ดั่งนี้พระอาจารย์รังสีจึงทราบว่า เป็นอานุภาพของพระคัมภีร์ ไม่สามารถจะอยู่บนโลกมนุษย์ จึงได้อธิษฐาน ให้พระคัมภีร์เสด็จกลับสู่เมืองบาดาลตามเดิม หลังจากจากที่อยู่ที่วัดป่าได้เพียง ๑๐ นาที พอพระคัมภีร์เสด็จ กลับอากาศก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สร้างวัดป่าบ้านคำบอน
พระอาจารย์ภรังสี ได้เดินทางกลับสู่บ้านเกิด เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕ แล้วได้มาสร้างวัดป่าคำบอนขึ้น เนื่อง จากท่านนิมิตว่าเหาะมาลงข้าง ๆ หนองบอน ซึ่งเป็นหนองน้ำอยู่ด้านทางทิศเหนือของหมู่บ้านเป็นประจำ จึง ได้มา สำรวจสถานที่ และมีโยมผู้ศรัทธาได้ถวายที่สร้างวัด คือ คุณสุดใจ วรรณประภา ถวายที่ ๑ ไร่ และคุณหนูการ ภวพรหม ถวายจำนวน ๓ ไร่ จึงได้สร้างวัดป่าคำบอนขึ้นและได้พักจำพรรษที่วัดป่าคำบอน ต่อมาได้ขยายเนื้อที่ประมาณ ๗๐ ไร่
ในช่วงที่มาสร้างวัดป่าคำบอนนี้ พระอาจารย์รังสียังได้เมตตา ไปบูรณะวัดทุ่งเงิน ต.นาจะหลาย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี อีกวัดหนึ่ง โดยได้ส่งพระลูกศิษย์ไปดูแล และพัฒนาให้มีความเจริญตามความ เหมาะสม ในช่วงเข้าพรรษาปี ๒๕๓๕ ซึ่งเป็นปีที่ท่านมีอายุครบ ๑๐ พรรษาหลวงปู่ใหญ่มหาโมคคัลลานะ จึงได้ เสด็จ มาอยู่กับพระอาจารย์รังสี ตามที่ได้บอกไว้ในครั้งที่ไปเจอหลวงปู่ใหญ่ครั้งแรกที่เมืองบาดาล เมื่อหลวงปู่ ใหญ่ เสด็จมา จึงได้มีการสนทนาสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ถึงความเป็นมา ความผูกพันกันมาตั้งแต่สมัยครั้งพุทธ กาล ปัญหาหนึ่งที่พระอาจารย์รังสีสงสัยมากก็คือ หลวงปู่ใหญ่นิพพานไปแล้ว ทำไมถึงมาปรากฏให้ได้เห็นอีก ภาษิต ที่ว่า นิพฺพานํ ปรมํ สุญฺญํ นิพพานสูญอย่างยิ่ง เมื่อนิพพานไปแล้วทำไมยังมาปรากฏอีก ไม่ได้ สูญไป หรือ หลวงปู่ใหญ่ได้เมตตาตอบว่า ?คำว่า สูญ นั้นหมายถึงกิเลสต่างหากที่สูญไป ส่วนสภาวะบุญบารมี นั้นยังอยู่ไม่ได้สูญหายไปไหน ยังอยู่คุ้มครองดูแลพระศาสนาอยู่ ถ้าสูญไปเลย จะมีอะไรคุ้มครอง พระศาสนา ใครปฏิบัติถึงก็สามารถสัมผัสบุญบารมีนั้นได้? พระอาจารย์ภรังสีจึงได้รับความกระจ่าง ได้ยอมรับ นับถือหลวงปู่ใหญ่เป็นครูบาอาจารย์ ภายหลังได้มีการวาดภาพของท่าน สร้างเหรียญ และแกะสลัก รูปเหมือนของท่านขึ้นมา ประกาศเกียรติคุณเชิดชูบูชา จนทำให้พุทธศาสนิกชนได้รู้จักหลวงปู่ใหญ่ไปอย่าง กว้างขวาง เป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งพระพุทธศาสนาซึ่งไม่เคยมีภิกษุรูปใดทำมาก่อนเลยจากการที่ หลวงปู่ใหญ่ได้เสด็จมาอยู่กับพระอาจารย์ภรังสี จึงได้มีการคัดลอกพระคัมภีร์ศักดานุภาพ จากแผ่นทองคำใส่แผ่น ทองเหลือง ปัจจุบันนี้ได้เก็บรักษาไว้ที่วัดป่าบ้านคำบอน โดยเทพขุนมาลัยได้เป็นผู้อัญเชิญพระคัมภีร์ขึ้นมา จากเมืองบาดาล และได้คัดลอก เมื่อคัดลอกเสร็จฟ้าผ่าลงมาถูกตาของเทพมาลัย จนตาบอด พระอาจารย์รังสี จึงเอา แผ่นทองเหลืองที่คัดลอกพระคัมภีร์แช่น้ำเอาให้เทพมาลัยดื่มตาจึงกลับปกติ เมื่อคัดลอกแล้วจึงได้ศึกษา เล่าเรียน ท่องบ่นสาธยาย จนจบ จึงทำให้ท่าน เป็นผู้ครอบครองคัมภีร์มหาศักดานุภาพ อันเป็นพระยาธรรมของ พระพุทธเจ้า เป็นลูกศิษย์ของปู่ใหญ่อย่างบริบูรณ์ จากนั้นมาหลวงปู่ใหญ่ได้นำพระสารีริกธาตุ ของท่านที่เก็บ รักษาไว้ที่ประเทศอินเดีย มามอบให้ เพื่อบูชาสักการะอันเป็นเสมือนหนึ่งตัวแทนของท่าน อัฐิธาตุของครูบาอาจารย์
ก็เสด็จมาที่วัดป่าบ้านคำบอน อย่างไม่ขาดสาย นอกจากนั้นยังมีลูกแก้ว พระพุทธรูปต่าง ๆ เสด็จมา อย่าง น่าอัศจรรย์
หลวงพ่อภรังสีกับการศึกษาพระปริยัติธรรม
หลวงพ่อภรังสี นอกจากจะมีความรู้ความสามารถในทางปฏิบัติธรรมกรรมฐานแล้ว ด้านการศึกษาพระปริยัติ ธรรมท่านก็ไม่ได้ทอดทิ้ง สามารถสอบผ่านธรรมสนามหลวง ตามหลักสูตรการศึกษาของคณะสงฆ์ ดังนี้
พ.ศ. ๒๕๒๔ สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดศรีพรม อ.นาจะหลวย
พ.ศ. ๒๕๒๕ สอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนวัดมณีวนาราม อ.เมือง
พ.ศ. ๒๕๒๗ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดมณีวนาราม อ.เมือง
พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ประจำสำนักเรียนวัดกุดลาด
ต. กุดลาด อ. เมือง จ.อุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดภูพลานสูง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.suriyathat.net/readarticle.php?article_id=9 วัตถุมงคลในครอบครองของผมครับ
จตุคาม รุ่น ยอดมหาทรัพย์ วัดภูพลานสูง
ด้านหลังครับ
Thanks: ฝากรูปฮือฮาจตุคามฯรุ่นยอดมหาทรัพย์วัดภูพลานสูง จ.อุบลราชธานี คุ้มชีวิตฟ้าผ่าไม่เป็นอะไร
อ่านประสบการณ์ได้ที่นี้ครับ
http://news.thaieasyjob.com/crime/show_news-4551-4.htmlส่วนวัตถุมงคล รุ่น อื่นๆ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.suriyathat.net/readarticle.php?article_id=39ขอบคุณคุณ TaeUbon มากครับ ที่มาช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติม เเละขอบคุณพี่น้องๆที่มาโพสทักทายกัน