maxna
|
|
« ตอบ #75 เมื่อ: 29 กุมภาพันธ์ 2563, 21:02:30 » |
|
ผงเถ้าอังคารปรมจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุน คณะศิษย์สายธรรมอุตฺตโมบารมี ได้รับการแจ้งข่าวสื่อถึงสายธรรมอุตฺตโมบารมี จากลูกหลานตระกูล กอมณี ว่า นายทองพูล กอมณี (พ่อใหญ่ทา) มีความประสงค์มอบผงเถ้าอังคารปรมาจารย์ใหญ์หลวงปู่สำเร็จลุน พระมหาเถระชาวเมืองจำปาศักดิ์ ให้สายธรรมอุตฺตโมบารมีทำการสืบทอดเก็บรักษา ให้คงอยู่เพื่อคนรุ่นหลังได้กราบไหว้ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณเหล่าศิษยานุศิษย์สายธรรมอุตฺตโมบารมี
เดิมหลังจากปรมจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุนมรณภาพ ผงเถ้าอังคารนี้ได้นำมาจากวัดเวินไซ เมืองโพนทอง แขวงนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวปัจจุบัน) พ่อของนายทองพูล กอมณี (พ่อใหญ่ทา) ตอนนั้นท่านอายุ 15 ปี ได้เดินทางข้ามไปยังประเทศลาว เพื่อร่วมงานพิธีฌาปนกิจศพปรมจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุน ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๖๓ หลังจากเสร็จสิ้นงานเก็บพระอัฐิ ท่านได้ปวารณาขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าจะนำเอาผงเถ้าอังคารนี้กลับข้ามไปบูชายังฝั่งประเทศไทย ปัจจุบันผงเถ้าอังคารปรมจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุนก็มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปี
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #76 เมื่อ: 18 มีนาคม 2563, 09:09:51 » |
|
ตะกรุดคลุมกาย รุ่นแรก สร้างปี 2563 จำนวนการจัดสร้าง มี 2 แบบ 1.ตะกรุดถักเชือกแดง 9 ดอก 2.ตะกรุดถักเชือกดำ 299 ดอก มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้บรรจุในตะกรุด 1.ดินดำวานไพรดำ 2.แร่ไพธิ์เงินจากอีนเดีย 3.ปรอทดำ 4.ผงมวลสารของหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ 5.กาฝากไม้มงคล 9 อย่าง 1.กาฝากรักซ้อน 2.กาฝากมะรุม 3.กาฝากมะยม 4.กาฝากมะขาม 5.กาฝากกาหลง 6.กาฝากขนุน 7.กาฝากยอ 8.กาฝากพยุง 9.กาฝากคูณ 6.ผงแก่มขามฟ้าผ่า 7.ผงแก้นงิ้วดำ ตัวผู้ ตัวเมียจากเขมร 8.หน้าผากเสือ.ที่นอนตายโดยธรรมชาติ 9.ผงเงินเมืองผีบังบด 10.ผงช่องระอา 11.งาช้างจากเขมร 12.ผงกระดูกช้างจากบุรีรัมม์ 13.วานสายเสน่ห์ 14.วานสายเหนียว 15.เม็ดต้นมณีโคตร.จากฝั่งลาว 16.หอยพันปีจากบ้านสามแยกเมืองใหม่ 17.ผงพระสมเด็จแท้จากวัดระฆัง 18.ผงกาลาตาเดียว 19.ผงวาน 10,700 ชนิด 20.ผงพระลักษณ์ของหลวงกาหลง 21.คำหมากฤาษีที่ยุในหิน ญาถ่านท่านนั่งเห็นแล้วให้ลูกศิษย์ไปทุบเอา ตะกรุดคลุมกาย ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูสายธรรมอุตฺตโมบารมี ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 ศิษย์แห่งสายปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุน ญาถานเบิ้มได้นำเอายันต์คลุมกายที่ครูธรรมใช้ติดตัวมาเขียน บรรจุด้วยพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือกันมาแต่โบราณ เชื่อว่าสามารถป้องกันอันตรายจากศาสตราวุธ คุณไสย และภูติผีปีศาจ วิธีนำไปใช้ท่านว่า -เมื่อจะสู้เขาให้เอาไว้ข้างหน้า -เมื่อจะหนีเขาให้เอาไว้ข้างหลัง ซึ่งจะทำให้ไล่ไม่ทัน ยิงไม่ออก -เมื่อเข้าหาผู้ใหญ่ให้เอาไว้ข้างขวา -เมื่อเข้าหาผู้หญิงให้เอาไว้ข้างซ้าย (เสน่ห์มหานิยม) -เมื่อจะคลอดบุตรให้อาราธนาแล้วใส่ลงในขันน้ำมนต์ และนำมาลูบหัวลูบหน้า ดื่มกินหรืออาบ จะทำให้คลอดง่าย -เมื่อเดินทางไปไหนให้พก จะช่วยป้องกันอันตราย -เมื่อค้าขายให้อาราธนาทำน้ำมนต์ ประพรมสิ่งของจะขายดี -เมื่อป่วยไข้ให้อาราธนาทำน้ำมนต์รักษาอาการ
เรียกได้ว่าสารพันคุณวิเศษในหนึ่งเดียว ซึ่งก็แล้วแต่ว่าผู้บูชาว่าจะใช้ไปในทางไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้ตั้งตนอยู่ในความดี และใช้ไปทางที่ดีที่ชอบเพื่อคุณประโยชน์อันเป็นอนันต์จะดีที่สุด
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มีนาคม 2563, 09:19:58 โดย maxna »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #77 เมื่อ: 18 มีนาคม 2563, 13:05:34 » |
|
สติกเกอร์ รุ่นที่ 3 แจกงานไหว้ครูธรรม ครั้งที่ 158 ประจำปี 2563 จัดสร้าง 599 แผ่น
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #78 เมื่อ: 18 มีนาคม 2563, 13:24:01 » |
|
เสาหลักสายธรรมอุตฺตโมบารมี
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤศจิกายน 2563, 14:14:15 โดย maxna »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #79 เมื่อ: 12 เมษายน 2563, 19:34:58 » |
|
ของดีธรรมชาติหามา 15 ปี อีกาที่ตายบนกิ่งไม้ เป็นส่วนผสมอาถรรพ์ที่หาได้อยากมากในการปฏิบัติอาคม สร้างวัตถุอาถรรพ์ในวิชา กาปักหลัก วิชาโบราณที่มีการสืบทอดในสายธรรมอุตฺตโมบารมี
โดยมีความเชื่อว่า อีกาที่ตายบนกิ่งไม้ ในขนาดที่บนมาจับกินอาหาร ไม้สามารถออกจากกิ่งไม้ได้ จนสิ้นใจตาย #ตามตำราเชื่อว่าถ้าได้มากิ่งไม้ หรือ ตัวอีกามาทำเครื่องเสน่ห์ค้าขาย เครื่องรางมหาเสน่ห์ สายขาว ทำเสน่ห์ เรียกแฟน เรียกผัวเมียกลับ เสริมดวงชะตาโชคลาภ เสริมให้แฟนรักแฟนหลง ใช้เรียกจิตคนรักกลับคืนมา อีกทั้งเป็นเครื่องรางเสน่ห์เมตตาแก่ผู้คน ค้าขายเงินทองคล่องดี เป็นเครื่องรางของขลังดีทางสร้างเสน่ห์นิยมต่อเพศตรงข้าม บูชาพกติดตัวแคล้วคลาด ค้าขายดี เป็นเมตตามหานิยม อุดมลาภ เดินทางปลอดภัยแคล้วคลาด ป้องกันภูตผี แคล้วคลาดศัตรู บูชาใส่พานหน้าร้านค้า ค้าขายคล่อง เป็นเมตตามหาเสน่ห์ ค้าขายดี ใช้เป็นเมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดดุจพญาวานร
เป็นนกกาที่กระจายพันธุ์เป็นวงกว้างในเอเชีย ปรับตัวได้เก่ง สามารถกินอาหารได้หลากหลาย ทำให้ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ได้ง่าย บางครั้งถูกมองว่าเป็นสัตว์รังควานโดยเฉพาะในเกาะต่าง ๆ มีปากใหญ่
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กรกฎาคม 2563, 18:39:41 โดย maxna »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #80 เมื่อ: 21 เมษายน 2563, 15:29:13 » |
|
เพิ่มเติมศึกษา ประวัติเป็นมา พระสมเด็จดำ เรื่อง พ.ศ.ในการจัดสร้าง ทำไหมถึงเป็นปี 2532 เพราะญาถานเบิ้ม ท่านอุปัชฌาย์ เมื่อพ.ศ.2535 เนื่องจากพระสมเด็จดำ สร้างโดยหลวงปู่ล๋อย สมัยท่านเดินธุดงกับหลวงปู่คูณ ท่านเป็นพระสหายกัน ต่อมาหลวงปู่ล๋อยได้มาจำพรรษาที่วัดบ้านสามแยกเมืองใหม่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ก่อนที่ท่านจะล้มป่วย หลวงปู่ล๋อยได้มอบให้กับท่านอาจารย์สุนทร นำไปเก็บรักษาไว้เพื่อแจกจ่ายญาติธรรม เมื่อหลวงปู่ล๋อย มอบพระสมเด็จดำให้แล้ว ต่อมาลูกหลานหลวงปู่ก็มารับ หลวงปู่ล๋อยกับไปจำพรรษาที่บ้านเกิดจนท่านละสังขาร นับจากนั้นพระสมเด็จดำก็ยังถูกเก็บไว้กับท่านอาจารย์สุนทร จนมาถึงช่วงนี้ญาถานเบิ้มกับจากการเดินธุดงท่านอาจารย์สุนทรจึงได้มอบให้ญาถานเบิ้ม เป็นผู้แจกจ่ายญาติโยมที่มาร่วมบุญที่วัด
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 เมษายน 2563, 15:31:39 โดย maxna »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #81 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2563, 09:55:56 » |
|
พระผงหลวงปู่ทวดมณีโคตร รุ่นแรก สร้างปี 62 วัตถุมงคลที่แจกในวัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี แจกในงานปริวาสกรรม ปี 2562
จำนวนการจัดสร้าง ร่วม 227 องค์ มี 3 แบบ
แบบที่ 1 พระผงหลวงปู่ทวดมณีโคตร รุ่นแรก พิเศษ จำนวน 9 องค์ แบบที่ 2 พระผงหลวงปู่ทวดมณีโคตร รุ่นแรก พิเศษฝังคตข้าว จำนวน 59 องค์ แบบที่ 3 พระผงหลวงปู่ทวดมณีโคตร รุ่นแรก แจกทาน จำนวน 159 องค์
วัตถุประสงค์การจัดสร้าง เพื่อแจกในงานปริวาสกรรม ปี 2562 ในวัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
มวลสารหลักที่นำมาบรรจุในตะกรุดหนังเสือพญาสมิง 1.ผงไม้มณีโคตร (ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น) 2.ขี้เหล็กไหลจากถ้ำสกลนครนำมาบดเป็นผง ผงมวลสารของหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ 3.กาฝากไม้มงคล 9 อย่าง 1.กาฝากรักซ้อน 2.กาฝากมะรุม 3.กาฝากมะยม 4.กาฝากมะขาม 5.กาฝากกาหลง 6.กาฝากขนุน 7.กาฝากยอ 8.กาฝากพยุง 9.กาฝากคูณ 4.ผงแก่มขามฟ้าผ่า 5.ผงแก้นงิ้วดำ ตัวผู้ ตัวเมียจากเขมร 6.ผงเงินเมืองผีบังบด 7.ผงช่องระอา 8.งาช้างจากเขมร 9.ผงกระดูกช้างจากบุรีรัมม์ 10.วานสายเสน่ห์ 11.วานสายเหนียว 12.เม็ดต้นมณีโคตร.จากฝั่งลาว บดเป็นผง 13.หอยพันปีจากบ้านสามแยกเมืองใหม่ 14.ผงพระสมเด็จแท้จากวัดระฆัง 15.ผงกาลาตาเดียว 16.ผงวาน108 17.ผงพระลักษณ์ของหลวงกาหลง 18.คำหมากฤาษีที่ยุในหิน ญาถ่านท่านนั่งเห็นแล้วให้ลูกศิษย์ไปทุบเอา
คาถาหลวงปู่ทวดเปิดโลก(นะโม ๓ จบ)
“นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา”(สวด ๓ จบ)
การบูชาหลวงปู่ทวด
ให้บูชาท่านด้วย ธูปแขก ๙ ดอก มะลิขาว ๙ ดอก ตั้งนะโม ๓ จบ หรือจะบูชาท่านในกรณีที่ไม่มีเครื่องบูชาได้ด้วยการระลึกถึงท่าน และสวดพระคาถาเช่นกัน เพราะสำคัญที่ใจ มีจิตบูชาท่าน สำคัญที่สุด โดยมีไตรสรณคม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะสูงสุด
การใช้คาถาบทนี้ คือ ให้สวดภาวนาพระคาถา ก่อนขึ้นรถ ลงเรือ ติดต่อค้าขาย จักเกิดสิริมงคล โชคลาภมากมาย ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ท่านว่าให้หมั่นสวด เจริญภาวนา พระคาถา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดนี้เถิด จักบังเกิดสิ่งอัศจรรย์แก่ตนเองและครอบครัว ขณะเดียวกันยังมีคติความเชื่อด้วยว่าพุทธคุณคาถานั้น หากท่องเป็นประจำจะคุ้มครองให้เราแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ เช่นเดียวกับการแขวนพระหลวงปู่ทวด มีพุทธคุณด้านแคล้วคลาด ป้องกันภัย คงกระพัน เน้นด้านการทำมาหากินคนรัก เจ้านายเมตตา
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #82 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2563, 11:06:40 » |
|
พระสมเด็จแดงเจ็ดชั้น รุ่นแรก ยุคต้น ปี2553 ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี วัตถุมงคลที่แจกในวัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี
พระสมเด็จเนื้อแดงฐานเจ็ดชั้นองค์เอกชั้นครู จำนวนการจัดสร้าง 29 องค์ พระอาจารย์เบิ้ม อุตฺตโม วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานีท่านสืบสายธรรมจากสายบรมครูปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สมเด็จลุน ญาท่านแสง อานันโท สายพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จากประวัติการจัดสร้างพระสมเด็จเจ็ดชั้นองค์เอกชั้นครูเนื้อสีแดงนี้ ท่านได้รวบรวมมวลสารมงคลต่างๆจากครูบาอาจารย์ต่างๆและจากสหธรรมมิกของท่านมาผสมผสานมวลสารเข้าด้วยกัน ที่ทางสามแพ่งวัดนาหว้าอ.เขมราฐ พระชุดนี้ท่านจัดสร้าง 29 องค์ ในช่วงปลายปี พ.ศ 2553 และท่านได้ให้คณะศิษย์ผู้ที่ติดตามท่านทำการกดพิมพ์พระลงบล๊อคกดด้วยมือทีล่ะองค์ ส่วนผู้ที่ได้พระจะได้รับจากมือท่านและจะมีก็เฉพาะคณะศิษยานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดติดตามท่านเท่านั้นที่ได้รับ คือพระที่วัดนาหว้าและวัดหนองผือ อ.เขมราฐเท่านั้น อีกส่วนก็มีแต่ทหารที่อยู่เขื่อนภูมิพลได้รับ ชาวบ้านอยู่บ้านม่วงได้บ่กี่คน
มวลสารหลักๆที่ใช้จัดสร้าง 1.ดินโป่งแดงจากอินเดียใต้โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดพุทธคยา(ท่านได้จากสหธรรมมิกท่านประมาณหนึ่งกำมือ) 2.เกศา ญาท่านเบิ้ม อุตฺตโม 3.สีผึ้งหลวงพ่อวัดพิชโสภาราม อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี 4.สีผึ้งหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี 5.แร่เหล็กไหลในถ้ำภูพนมดีที่แตกกระจายตัว อ.เขมราฐ 6.มวลสารมงคลจากครูบาอาจารย์อีกหลายท่านซึ่งท่านก็จำได้ไม่ครบทุกองค์
วิธีบูชา พระสมเด็จแดงเจ็ดชั้น เพื่อให้เกิดพุทธคุณสูงสุด ควรปฏิบัติดังนี้
- อานุภาพพระสมเด็จแดงเจ็ดชั้น ผู้ที่มีจิตใจที่ดี บริสุทธิ์ผ่องใส จะได้รับอานุภาพที่ดี 1. บูชาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในกิจการงาน และความผาสุขของชีวิตผู้มีติดตัวไว้ จะทำให้เกิดโภคทรัพย์ ในสุจริตวิถี
2. คุ้มครองป้องกันภัยอันตราย ให้แคล้วคลาดจากภัย ทั้งหลายทั้งปวง เฉพาะในผู้ที่เป็นสุจริตชนผู้ทำมาหากินด้วยแรงกาย แรงสติปัญญา ในทำนองครองธรรม ในทางตรงกันข้าม พวกมิจฉาชีพดำรง ชีวิตด้วยความเดือดร้อนของบ้านเมืองและประชาชน ตลอดจนถึงการขัดต่อศีลธรรม อันดีงามแม้มีพระสมเด็จไว้ครอบครอง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องผ่านมือ ก็จะไม่พบความสุข หาความเจริญที่ยั่งยืนให้แก่ชีวิตได้ยาก
- วิธีอาราธนา พระสมเด็จแดงเจ็ดชั้น ตั้งนะโม 3 จบ ระลึกถึง เจ้าประคุณพระสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆษิตาราม หากสวดคาถาชินบัญชร บทเต็มได้ ควรสวด 1 จบ หรือหากมีเวลาน้อย ให้สวดบทย่อ 10 จบ มีดังนี้ " ชินะปัญชะระปะริตัง มังรักขะตุสัพพะทา " ก่อนที่จะนำ พระสมเด็จติดตัวไป ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ท่องคาถาแสดงความเคารพต่อองค์พระสมเด็จ เมื่อยกสร้อยขึ้นจะคล้องคอ องค์พระอยู่ในอุ้มมือ พนมมือแล้วท่องคาถา อาราธนาดังต่อไปนี้
" โอมมะศรี มะศรี พรหมรังสี นามะเตโช มหาสมโณ มหาปัญโญมหาลาโภ มหายะโส สัพพะโสตถี ภะวันตุเม "
- เมื่อจบแล้ว ให้ท่องคาถา ขอโชคลาภ ว่า "ปุตตะกาโม ละเภปุตตัง ธนะกาโม ละเภธะนัง อัตถิ กาเย กายะยายะ เทวานัง ปิยะยัง สุตวา"
- เมื่อคล้องคอแล้ว ท่องคาถา คุ้มครองชีวิต ให้แคล้วคลาดปลอดภัยว่า " อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ มรณังสุขัง อรหังสุคโต นะโมพุทธายะ "
หากทำได้เช่นนี้ทุกวัน ชีวิตท่านจะเกิดมงคล จักพบแต่ความสุขความเจริญ และนิรันตรายทั้งปวง
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #83 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2563, 12:37:45 » |
|
ลูกอมไพรดำ ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่กล้าท้าพิสูจน์ของจริงในตำนานที่มีอยู่ในโลก ดินไพรดำที่อยู่ในความดูแลของสายธรรมอุตฺตโมบารมี
ลูกอมไพรดำ จัดสร้างขึ้นเพื่อให้ศิษย์ผู้เป็นครูธรรมสายธรรมอุตฺตโมบารมี ได้นำติดตัวเพื่อปกป้องดูแลคุ้มกายเวลาปฏิบัติศีลปฏิบัติธรรม
จำนวนการจัดสร้าง 99 เม็ด วัตถุมงคลที่รวมอยู่ในลูกอมไพรดำ 1.เม็ดประคำ ญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม ที่ทำมาจากไม้มงคล 2.ปรอทดิบ ที่ได้จากการดักจากธรรมชาติ บรรจุใน 3.ดินไพรดำ 4.ช่องหมูป่า
ยอดแร่คือ เหล็กไหล ยอดว่านคือ ไพรดำ ยอดไม้คือ ไม้มณีโคตร
#สรุปง่าย..คือความเหนียวที่อยู่ในดินไพรดำ คือ น้ำมันที่ผ่านเวลามาเป็นร้อยปี ดินไพรดำจึงมาความศักดิ์สิทธิ์ในตัว
...ดินไพลดำจะมีคุณสมบัติทางฤทธิ์ ว่ากันว่าดินไพลดำจะเด่นในด้านชักนำเงินทองมาให้ผู้ครอบครองได้โดยง่าย ด้วยศาสตร์มนต์ดำเน้นการพนันขันต่อ เล่นแร่แปรธาตุ เช่น นำเอาดินไพลดำไปเล่นพนัน หรือนำเอาดินไพลดำไปทำพิธีทำให้เงินที่เราใช้ไปแล้วกลับมาหาเราเช่นเดิม เป็นต้น ยังเด่นเรื่องอยู่ยงคงกระพัน กล่าวกันถ้าใช้คู่กับเหล็กไหลจะทำให้คนผู้นั้นฟันแทงไม่เข้า
#ดินไพลดำจะมีลักษณะดำ เหนียว แต่เมื่อจับจะไม่ติดมือ ฤทธิ์อำนาจที่มีอยู่ในตัวมีคุณสมบัติ คงทนเหมือนเหล็กไหล มีคุณวิเศษ เลิศล้ำ
#ความหายากของ “ดินไพลดำ” นั้นเล่ากันว่า ต่อให้ถึงไปเจอในป่าลึก ก็ไม่สามารถขุดออกมาได้ เพราะดินรอบโคนต้นนั้นจะมีสีดำแข็งเป็นหิน เนื้อดินเหมือนผงเหล็กดำสนิท โบราณกล่าวว่า “ว่านไพลดำ” เป็นที่สุดของบรรดาว่านกายสิทธิ์ เพราะสมัยก่อนคนเราอยู่กับป่ากับเขา อยู่กับการรบราฆ่าฟันรบทัพจับศึกอยู่บ่อยครั้ง จึงนิยมพกชิ้นส่วนของว่านไพลดำ ดินไพรดำ วัตถุมงคลที่ทำจากว่านไพลดำ
และที่สุดของว่านไพลดำ คือการสักน้ำมันไพลดำเข้าตัว เพราะเน้นเรื่องความอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียว เน้นใช้ว่านในการป้องกันตัวเอง
#เรื่องดินดำไพรดำ ผู้ครอบครอง บรมครูสายธรรมอุตตโมบารมี ตำราเขียนไว้อย่างชัดเจนในลักษณะ ต้น ดิน หัว ราก ใบ ไพรดำ คือ วานที่มีชีวิตทิพย์ ชีวิตทิพย์ คือ มีวิญญาณ หายไปที่ไหนก็ได้ วิญญาณในที่นี้คือ เทวาขั้นสูงที่มีตบะหลายพันปีที่ยุสร้างบารมีในไพรดำเมื่อมีตบะ ถึงพันปีไพรดำ จะกลายเป็นหิน หรือแร่เหล็ก #จุดนี้ละ ที่เขาเรียกว่า เหล็กไหลไพรดำ ส่วนที่เป็นต้นว่านไพรดำ คือ เทวาที่เข้าไปบำเพ็ญตบะ ตอนจะหายตัวไปบำเพ็ญที่อื่น ก่อนที่จะไป จะมีต้นใหม่มาแทน หรือเรียกในคำเข้าใจว่า ต้นลูกวานไพรดำ เพราะต้นแม่จะดำทั้งต้น ในบริเวณที่ต้นไพรดำอยู่ เนื้อดินจะดำในรัศมี 2 เมตร แต่รัศมีที่อยู่ใกล้ต้นวานไพรดำ ประมาณ 12 นิ้ว ในบริเวณนั้นพื้นดิน จะดำเหนี่ยวเหมือนน้ำมันยางมะตอย ใช้มือจับจะรู้สึกเหนียวมือ แต่ไม่ติดมือ มีลักษณะเงางามเป็นเอกลักษณะ
ในส่วนนี้ คือ...ต้นวานไพรดำขับน้ำมันในตัวออกมาโดยตามธรรมชาติในส่วนนี้จึงมีความเชื่อว่า มีฤทธิ์ 108 อย่าง เทียบเท่าของหายากเท่ากับเหล็กไหลเพราะ กว่าจะทำให้ดินนั้นเกิดความเหนียวต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี และบริเวณที่จะพอได้ต้องอยู่ในป่าลึก น้อยคนที่เข้าไปได้
นอกเหนือจากนี้แล้วจะเข้าใกล้ต้นว่านได้ยากเพราะว่านจะมีญาณเทพคุ้มครองท่านอยู่ในรัศมี 1-2 เมตร มีฤทธิ์ที่รุณแรงมากอาจทำให้หมดสติ หรือเกิดอาการปวดไปทั้งตัวโดยหาสาเหตุไม่เจอ ถ้าจะใกล้ก็ต้องเป็นคนที่ถูกเลือกไว้ได้แค่วันที่กู้ว่าถือเป็นวันทีอันตรายน้อย จะมีแต่ผู้ครอบครองเท่านั้นที่จะสามารถ จับต้องได้ในวันนั่น หลังจากกู้ขึ้นมาแล้วชิ้นส่วนต่างของว่านต้องผ่านพิธีกรรมอีกหลายอย่างจึงจะสามารถใช้การได้ และมีประโยชมหาศาล ไพรดำ คือ วานที่มีชีวิตทิพย์ ชีวิตทิพย์ คือ มีวิญญาณ หายไปที่ไหนก็ได้ วิญญาณในที่นี้คือ เทวาขั้นสูงที่มีตบะหลายพันปีที่ยุสร้างบารมีในไพรดำเมื่อมีตบะ ถึงพันปีไพรดำ จะกลายเป็นหิน หรือแร่เหล็ก #จุดนี้ละ ที่เขาเรียกว่า เหล็กไหลไพรดำ ส่วนที่เป็นต้นว่านไพรดำ คือ เทวาที่เข้าไปบำเพ็ญตบะ ตอนจะหายตัวไปบำเพ็ญที่อื่น ก่อนที่จะไป จะมีต้นใหม่มาแทน หรือเรียกในคำเข้าใจว่า ต้นลูกวานไพรดำ เพราะต้นแม่จะดำทั้งต้น ในบริเวณที่ต้นไพรดำอยู่ เนื้อดินจะดำในรัศมี 2 เมตร แต่รัศมีที่อยู่ใกล้ต้นวานไพรดำ ประมาณ 12 นิ้ว ในบริเวณนั้นพื้นดิน จะดำเหนี่ยวเหมือนน้ำมันยางมะตอย ใช้มือจับจะรู้สึกเหนียวมือ แต่ไม่ติดมือ มีลักษณะเงางามเป็นเอกลักษณะ
ในส่วนนี้ คือ...ต้นวานไพรดำขับน้ำมันในตัวออกมาโดยตามธรรมชาติในส่วนนี้จึงมีความเชื่อว่า มีฤทธิ์ 108 อย่าง เทียบเท่าของหายากเท่ากับเหล็กไหลเพราะ กว่าจะทำให้ดินนั้นเกิดความเหนียวต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี และบริเวณที่จะพอได้ต้องอยู่ในป่าลึก น้อยคนที่เข้าไปได้
นอกเหนือจากนี้แล้วจะเข้าใกล้ต้นว่านได้ยากเพราะว่านจะมีญาณเทพคุ้มครองท่านอยู่ในรัศมี 1-2 เมตร มีฤทธิ์ที่รุณแรงมากอาจทำให้หมดสติ หรือเกิดอาการปวดไปทั้งตัวโดยหาสาเหตุไม่เจอ ถ้าจะใกล้ก็ต้องเป็นคนที่ถูกเลือกไว้ได้แค่วันที่กู้ว่าถือเป็นวันทีอันตรายน้อย จะมีแต่ผู้ครอบครองเท่านั้นที่จะสามารถ จับต้องได้ในวันนั่น หลังจากกู้ขึ้นมาแล้วชิ้นส่วนต่างของว่านต้องผ่านพิธีกรรมอีกหลายอย่างจึงจะสามารถใช้การได้ และมีประโยชมหาศาล
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #84 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2563, 08:01:09 » |
|
ปี 2563 คือ พิธีไหว้ครูธรรมใหญ่ ครั้งที่ 158 โดยญาถานเบิ้ม อุตฺตโม ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี วัดวังม่วง ต.หนองสิม อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี พูดได้เลยว่า เป็นที่เดียวในภาคอีสาน และเป็นสายต้นกอ ที่มีอายุการสืบทอดที่ชัดเจน ยาวนาน จึงเป็นความภูมิใจของลูกหลานชาวเขมราฐอย่างผม ที่มีความชอบในพระเวทย์คาถาอาคมโบราณ ยิ่งเป็นสายปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุนด้วยแล้ว ผมยิ่งคิดว่าตัวผมเองมีบุญที่ยังได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการสืบทอดวิชาไม่ให้สูญหาย
ประวัติความเป็นมา ความเป็นมาพิธีกรรมไหว้ครูธรรมใหญ่สายอุตฺตมะอุตฺตโม ในทุกปีจะมีการทำพิธีกรรมไหว้ผีไท้หรือผีเชื่อสาย พร้อมกับพิธีไหว้ครูธรรมใหญ่ที่ต้องจัดขึ้นทุกปี หลวงปู่เล่าว่า หลวงปู่สำเร็จต้นบอกกับท่านว่า พิธีกรรมไหว้ครูธรรมใหญ่เท่าที่ท่านจำได้ว่า น่าจะเริ่มมีการจัดในสมัยที่หลวงพ่ออุตตมะ วัดสิงหาร จ.อุบลราชธานี ก่อนท่านมรณะ 15 ปี ก็จะอยู่ในช่วงปี พ.ศ.2405 เพราะท่านจำได้ว่าตรงกับวันสำคัญ คือ วันพระราชสมภพ เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน) ซึ่งเป็นองค์สุดท้ายแห่งนครเชียงใหม่ พ.ศ.2405 จะอยู่ในช่วงนี้ ปีนั้นจะตรงกับวัน อาทิตย์ ที่ 2 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2405 ขึ้น ๓ ค่ำเดือนสาม(๓) ปีระกา เพราะตามตำราที่สืบทอดต่อกันมา พิธีกรรมไหว้ครูธรรมใหญ่ ต้องจัดขึ้นให้ตรงกับ ขึ้น 3 คำ่ เดือนสาม ของทุกปี นับจากนั้นมาจึงเริ่มมีการทำพิธีไหว้ครูธรรมใหญ่อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันปี 2563 เมื่อคำนวนดูแล้วก็ได้จำนวน 158 ครั้ง ในการทำพิธีกรรมไหว้ครูธรรมใหญ่
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #85 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2563, 11:32:30 » |
|
อีกหนึ่งสายที่สืบทอดจากทางสายพม่า คือ #สายยาแดง จากบรมครูครูบาอาจารย์อุ่นตาริน ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 แห่งบูรพาจารย์สายปรมาจารย์หลวงปู่สำเร็จลุน วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
สายยาแดง...... สายยาแดงยาครูสายสุวรรณภูมิ ยาเสต่อกี ยาเสต่อ ยาเซด่อ ยาสัจจะ ยาปรมัติ ยาปฐมัง ยาสัจจามิน ยาสุ่ยหยิ่นจ่อ สรุปง่ายๆ ก็คือยาตัวเดียวกันมาจากที่เดียวกันคือสายสุ่ยหยิ่นจ่อแต่เรียกชื่อต่างกันตามความเข้าใจของแต่ละคนตามเหตุผลการตลาดของคน นับประสาอะไรกับชื่อยาที่จะเรียกต่างกันแม้แต่ประวัติของพ่อครูพม่าในสายสุ่ยหยิ่นจ่อมันยังแต่งเติมโกหกตอแหลกันได้เลย เอาอ่านและจำกันไว้นะต่อไปใครก็จะมาหลอกไม่ได้
ประวัติและความเป็นมาของพ่อครูสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อที่ถูกต้องอย่างแท้จริง (สายยาพม่า)จากพ่อครูยวญ เจ้าสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อฝังไทย
1.พ่อครูสย่าเอ ท่านเกิดในเศวตฉัตรแห่งราชวงศ์พม่า ตอนท่านเกิดมาที่ฝ่ามือขวามีเครื่องหมายสวัสดิกะและมีเม็ดยาสัจจะมาด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าท่านต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดเป็นแน่แท้ และต่อไปในภายภาคหน้าท่านต้องได้สืบทอดราชวงศ์เป็นที่แน่นอน จึงทำให้พระราชโอรสและพระสนมองค์อื่นๆ กลัวว่าต่อไปพระราชโอรสองค์นี้จะเป็นภัยแกตน จึงทำการติดสินบนกับโหรหลวงให้ใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นกาลกิณิและเป็นภัยต่อราชสำนักให้ขับไล่ออกไปเสีย กษัตริย์พม่าหลงเชื่อในคำพูดของโหรหลวงจึงทำการเนรเทศท่านเสียแต่พระสนมเอกไม่วางใจจึงติดสินบนกับผู้ที่นำพ่อครูสย่าไปทิ้ง ให้นำไปประหารชีวิตด้วยการถ่วงน้ำแทนร้อนถึงพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่องต้องเหาะมาช่วยท่านและนำท่านไปฝึกวิชาต่างๆ จนสำเร็จ จึงถือว่าพ่อครูสย่าเอเป็นพ่อครูองค์แรกในสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อ(สายยาพม่า) ซึ่งพ่อครูสย่าเอนั้นท่านมีหลายชื่อคือ สย่าเอ สย่ามิน สัจจะมิน สัจจะยามิน สัจจามิน โปต่อเอ โป๊ะต่อเอ ภูต่อเอ โป๊ะโต๊ะสัจจะมิน โป๊ะโต๊ะสัจจามิน และอีกหลายๆ ชื่อ
2.พ่อครูสย่าปิ้ว ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครสย่าเอไปไหนมาไหนพร้อมกับพ่อครูสย่าเอตลอด เมื่อพ่อครูทั้งสองไปด้วยกันและเวลาหยุดพักจะมีฉัตร 5-7 ชั้น คอยบังร่มเงาให้เป็นอัศจรรย์นัก ซึ่งในสมัยนั้นชาวบ้านจะศรัทธาผู้วิเศษกันมากจนพากันมาหาและขอของดีกับพ่อครูทั้งสองเป็นอันมาก จนพ่อครูสย่าเอท่านเกิดความเบื่อหน่ายท่านจึงหักฉัตรทิ้งและมอบยาสัจจะพร้อมดอกมณฑาทิพย์ให้พ่อครูสย่าปิ้วเพื่อทำยาวิเศษส่วนตัวท่านก็ได้กลับไปหาพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่อง เมื่อพ่อครูสย่าเอท่านไปแล้ว พ่อครูสย่าปิ้วก็ได้รวบรวมของทั้งหมดแบกใส่บ่าเพื่อหาผู้ที่มีบุญญาบารมีมาเพื่ิอที่จะทำยาวิเศษเป็นเวลาหลายร้อยปีในที่สุดท่านก็พบผู้ที่จะทำยาได้
3.พ่อครูสย่าปุ้ย ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าปิ้วและเป็นพ่อครูที่ทำยาวิเศษเป็นคนแรกในสายสายพม่า(สุ่ยหยิ่นจ่อ) เมื่อท่านทำยาวิเศษเสร็จแล้วก็ได้ไปอาราธนาอัญเชิญพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่อง พ่อครูโป๊ะมินข่อง พ่อครูสย่าเอ พ่อครูสย่าปิ้วตลอดจนผู้ที่มีบูญญาบารมี มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ทั้งพระ ฤาษี ผู้ถือศีล ฆราวาสทั่วทั้งพม่าให้มาปลุกเสกยาวิเศษและวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจนสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ได้เอาตัวยาวิเศษเหล่านั้นไปบรรจุตามพระเจดีย์ต่างๆ ทั่วพม่า หลังจากนั้นท่านก็ได้ทำการเปิดสำนักสายยาพม่า(สุ่ยหยิ่นจ่อ) ขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ
4.พ่อครูสย่าห่าน ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าปุ้ยไปคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อครูสย่าปุ้ยอยู่หลายปีทั้งหุงหาข้าวปลาอาหาร ปัดกวาดถูบ้านถูเรือน หาบน้ำ ผ่าฟื้น เพื่อหวังได้เรียนวิชาแต่พ่อครูสย่าปุ้ยก็ไม่สอนท่านสักที ไปสอนแต่คนอื่นจนท่านน้อยเนื้อต่ำใจคิดไปต่างๆนานา อีกอย่างท่านก็จากบ้านเรื่อนที่อยู่อาศัยและภรรยามาเป็นเวลานานจนเกิดความคิดถึงท่านก็ได้ไปลาพ่อครูสย่าปุ้ยเพื่อกลับไปเยื่อนภรรยาที่บ้าน เมื่อท่านกลับไปหาภรรยาท่านแล้ว ปรึกษากับภรรยาแล้วท่านก็ได้รวบรวมทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองของมีค่าทั้งหมดในบ้านของท่านแล้วนำมามอบให้พ่อครูสย่าปุ้ย เมื่อพ่อครูสย่าปุ้ยท่านรับของมีค่าเหล่านั้นแล้วท่านก็เริ่มทำการสอนวิชาความรู้ที่มีทั้งหมดให้กับพ่อครูสย่าห่านจนสำเร็จแล้วท่านก็เรียกพ่อครูสย่าห่านมาหาเพื่อมอบข้าวของมีค่าทั้งหมดคืนให้พ่อครูสย่าห่าน พ่อครูสย่าปุ้ยท่านบอกว่าท่านทดสอบและดูพ่อครูสย่าห่านมานานจนท่านไว้ใจและสอนวิชาให้จนหมดสิ้นโดยไม่ปิดบังหลังจากนั้นท่านก็ไปอยู่พ่อครูสย่าเอ ให้พ่อครูสย่าห่านเป็นเจ้าสำนักสืบต่อมา
5.พ่อครูอะเพจี่อู่เมี้ยะขิ่น ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าห่านและเป็นเจ้าสำนักสืบต่อมาที่กรุงย่างกุ้งประเทศพม่า ท่านเป็นผู้ที่เผยแพร่วิชาของสำนักจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
เมื่อได้ทราบประวัติของพ่อครูทั้ง 5 คนไปแล้ว ขอย้ำน่ะครับว่าพ่อครูสายสุ่ยหยิ่นจ่อมีแค่ 5 คนเท่านั้น ที่นี้จะพูดถึงว่ายาสัจจะทั้ง 9 ขั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้ารักษาดังนี้คือ
ขั้นที่ 1.พ่อครูเฝ้ารักษาทั้งหมด
ขั้นที่ 2.พระอินทร์เฝ้ารักษา
ขั้นที่ 3.พระเจ้า 4 พระองค์และองค์เทพทั้ง 4 เฝ้ารักษา
ขั้นที่ 4. โป๊ะต่อเอเฝ้ารักษา
ขั้นที่ 5. พญางาสู่เฝ้ารักษา
ขั้นที่ 6.พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เฝ้ารักษา
ขั้นที่ 7. คุณพระเจ้า 9 พระองค์เฝ้ารักษา
ขั้นที่ 8.พระอินทร์เฝ้ารักษา
ขั้นที่ 9.องค์เทพอะฉิ๋งอูอ๋อปาเต๊ะเฝ้ารักษา
มือซ้าย ใช้ไล่พิษต่างๆ เช่นพิษตะขาบ แมงป่อง หมาบ้า ผดผื่น ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก มะเร็งไข่ปลา
มือขวา ใช้ไล่วิญญาณ คุณผีคุณคน คุณเสน่ห์ยาแฝด ล้างอาถรรพณ์เมฆหมอกมนต์ดำ ทำลายวิชาอาคมต่างๆ ได้
ไหล่ซ้าย กลางวัน ร้อน
ไหล่ขวา กลางคืน เย็น
เวลาที่เรารักษาคนต่างๆ เราสามารถเรียกกองทหารเอกของพ่อครูสย่าเอมาใช้งานได้ เรียกแผนกค้อน มีด หอก ดาบ ขวาน ธนู หน้าไม้ ไฟบรรลัยกัลป์ น้ำกรด ช้าง ม้า ครุฑ นาค มาช่วยเราได้
การใช้ยาสัจจะแก้อาถรรพ์ต่างๆในสถานที่อยู่อาศัย สามารถแก้ได้โดย
1.การหว่านทราย
2.การหว่านข้าวสาร
ทรายและข้าวสารต้องผ่านการเสกจากครูบาอาจารย์ในสายเท่านั้น
สำหรับผู้ที่สักยาสัจจะ 5 ขั้น 9 ขั้น เรียบร้อยแล้วนั้นจะมีคุณประโยชน์ดังนี้คือ
1.เมตตา 2.รวย 3.คงข่าม 4.อำนาจ 5.ดิน 6.อายุ7.อาหาร 8.ทิศ 9.ยาแดง
ผู้หญิงสักได้แค่ 5 ขั้น ผู้ชายสักได้ 9 ขั้น การสักยาสัจจะมีข้อห้ามคือ 1.ห้ามผิดลูกผิดเมียโดยเด็ดขาด ข้อนี้ถ้าใครผิดไปแล้วไม่สามารถจะมาสักใหม่ได้ เพราะถึงสักไปก็ไม่มีประโยชน์ 2.ห้ามกินเนื้อวัวเนื้อควาย 3.ห้ามกินเหล้า
ผู้ที่ได้สักยาสัจจะไปแล้วนั้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตามขอให้รักษาไว้ให้ดีเพราะสามารถช่วยและแก้ไขให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ หลักสำคัญในการสักยาสัจจะคือให้หมั่นเติมยาบ่อยๆ จากครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือและควรจะไปไหว้ครูทุกครั้งที่แม่สอด สายยาสัจจะดูง่ายๆ ครับ ผู้ที่จะสักหรือแต้มยาให้เรานั้นต้องประกอบไปด้วยตำราการสักที่ถูกต้อง ชุดเข็มสัก แยกถอดได้ 4 ชิ้นครับ(บางคนก็ทำเข็มเองแล้วไปให้พ่อครูมอบอำนาจให้ก็ได้ครับ) ชุดยาสัก เสต่อ หางแดง สะมาดยันต์คุม 9 ขั้น สะมาดยันต์ต่างๆ จำไว้ว่าผู้หญิงสักได้ 5 ขั้น ผู้ชายสักได้ 9 ขั้น จะสักที่เดียวครบเลยหรือสักที่ล่ะกี่ขั้นก็ได้ ถ้าใครสักครบ 5 ขั้น 9 ขั้นแล้ว ต่อไปก็ให้เติมยาแต้มยาบ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #86 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2563, 11:33:08 » |
|
ช้องหมูป่าธรรมชาติ ของทนสิทธิ์ที่ใช้สืบทอดสายธรรมอุตฺตโมบารมี ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 แห่งบูรพาจารย์สายปรมาจารย์หลวงปู่สำเร็จลุน วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
ช้องหมูป่า ของทนสิทธิ์ที่หายากชนิดหนึ่ง ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ในสมัยโบราณพวกขุนโจรชื่อดังมากมาย มักมีติดกายอยู่เสมอ
ทำให้คงกระพัน มหาอุด แม้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ไม่สามารถจะทำอันตรายหรือปราบปรามได้ แต่ในปัจจุบัน ช้องหมูป่านับว่าหายากขึ้นทุกวัน
จะมีของปลอมระบาดแพร่หลาย จึงต้องพึงระวังเป็นอย่างยิ่ง
ช้องหมูป่า
มีความเชื่อของที่มาแตกต่างกันออกไป บ้างเชื่อว่า ช้องหมูป่า เป็นเส้นขนพิเศษของหมูป่า ที่ขึ้นอยู่บริเวณตัวของหมูป่า โดยเฉพาะที่บริเวณหัว หรือระหว่างคิ้วของมัน มีความยาวเป็นพิเศษนักไสยศาสตร์เชื่อกันว่าเป็นของขลังชนิดหนึ่ง ที่มีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพันมหาอุด ส่วนอีกกลุ่มเชื่อว่า ช้องหมูป่าคือขนที่ยาวเป็นพิเศษของหมูป่า โดยเฉพาะหมูโทน ซึ่งหมายถึงหมูตัวผู้ที่ชอบหากินอยู่ตัวเดียว อย่างทระนง มันจะมีขนเหนือสันหลังขึ้นมาถึงโหนกคอ ยาวเป็นพิเศษ เหมือนหางเปียย้อยลงมาตรงหน้าผาก ยาวจนถึงปากของมัน หมูป่าจะคาบช้องของมันเอาไว้ตลอดเวลา โดยพันเอาไว้กับเขี้ยวด้านหนึ่ง
เชื่อกันว่าช้องหมูป่าแบบนี้มีความคงกระพันมหาอุด คุ้มครองทั้งหมูที่เป็นเจ้าของช้อง และคนที่มีช้องของหมูป่าไว้ครอบครอง ส่วนความเชื่อของกลุ่มหลังสุดนี้พิสดารน่าสนใจมาก....
เชื่อกันว่าช้องหมูป่า เป็นขนที่ขึ้นอยู่บริเวณลูกอัณฑะของหมูป่าหรืออาจเรียกว่า ขนเพชรหมูป่า ก็น่าจะได้ จัดเป็นขนลักษณะพิเศษเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วหมูป่าโทนที่ชอบออกหากินตัวเดียวไม่เกรงกลัวใคร จะใช้ปากและฟันเลียและกัดขนชองมันมาไว้ในปาก ตวัดและเคี้ยวด้วยน้ำลาย จนขนรวมตัวกันเป็นวงหรือขมวดกลมๆ หรือวงแหวน หมูจะรักษาขนนี้ไว้ในปากตลอดเวลา ไม่ว่าจะกินอะไรมันก็จะซ่อนไว้ในปากได้ อย่างประหลาด หมูป่าตัวนั้นจะมีความอยู่ยงคงกระพันเป็นมหาอุดตลอดเวลาที่มันมีขนนั้น อยู่ในปาก ลูกกระสุนปืนนายพรานจะไม่สามารถทำอะไรมันได้
ดังนั้นพรานป่า นักล่าทางไสยศาสตร์ จึงต้องคอยติดตามหมูตัวที่ต้องการไป คอยจนมันกินน้ำ ตอนกินน้ำนี่เอง ที่หมูป่าจะคายขน หรือช้องหมูป่าออกมาวางไว้บนโขดหินบ้าง บนขอนไม้บ้าง เพื่อให้มันได้กินน้ำอย่างสะดวก พอมันคายช้องหมูป่าออกมาแล้ว นายพรานก็จะยิงหมูตัวนั้นได้ แล้วจึงค่อยไปเก็บเอาช้องหมูป่าเอามาเป็นเครื่องรางของขลังติดตัวกัน เชื่อกันว่าจะทำให้ปืนยิงไม่ออก หรือยิงไม่เข้า แต่ต้องพกติดตัวไว้ตลอด ห่างแค่คืบ แค่ศอกก็จะไม่สามารถคุ้มครองป้องกันได้
|
.
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #87 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2563, 10:38:24 » |
|
หัวเชื้อน้ำมันสักไพรดำ (ของในตำนานเล่าขานที่หาได้ยากมาก) ของสืบญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 แห่งบูรพาจารย์สายปรมาจารย์หลวงปู่สำเร็จลุน วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
ซึ่งญาถานเบิ้มได้อัญเชิญน้ำมันสักไพรดำอันศักดิ์สิทธิ์มอบให้คณะครูธรรมจารหรือสักลงในกายสังขารทั้ง 9 จุด อันเป็นคุณวิเศษของพระพุทธเจ้าทั้ง 9 ประการ มีพุทธคุณดังนี้
จุดที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจบารมีเหนือคนอื่น จุดที่ 2 เป็นผู้มีชัยชนะเหนือผู้อื่นแข่งกับใครก็ต้องชนะ จุดที่ 3 เป็นผู้ที่เทวดาและมนุษย์เมตตารักใคร่ ไม่จืดจาง จุดที่ 4 เป็นผู้มีโภคทรัพย์ เงินทองไหลมาทั้ง 10 ทิศ จุดที่ 5 ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน จุดที่ 6 แคล้วคลาด ปลอดภัย จากอันตรายทั้งปวง จุดที่ 7 เป็นผู้มีความสุข ความเจริญ ตลอดเวลา จุดที่ 8 สมปรารถนาในทุกสิ่ง สำเร็จดังใจคิด จุดที่ 9 คงกระพัน มหาอุตม์ สยบอาวุธทั้งปวง
น้ำมันสักไพรดำนี้เป็นน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของเหล่านักรบและชายชาตรีในสมัยโบราณ มีสรรพานุภาพทางด้านคุ้มครองป้องกันภัยจากอันตรายและอุบัติเหตุเภทภัยทั่วทั้งสิบทิศ ป้องกันอันตรายจากธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมทั้งกันคุณไสย์การกระทำย่ำยีต่าง ๆ
เป็นมหาอำนาจคุมคนคุมสัตว์บ่าวไพร่บริวารทั้งปวงให้เคารพเกรงขามแก่ตัวเรา เป็นทั้งแคล้วคลาดเพชรหลบ เพชรหลีก คงกระพันชาตรี คงเนื้อ คงหนัง คงกระดูก
ปัดเป่าเสนียดจัญไรสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย อุบาทว์ต่าง ๆ ให้ออกไปไกลตัว ตามตำรับตำราโบราณกล่าวว่าเป็นน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่สามารถคุ้มครองผู้อื่นที่อยู่ร่วมกับเราได้อีกด้วย
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 พฤษภาคม 2563, 10:54:20 โดย maxna »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #88 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2563, 18:54:16 » |
|
ไม้เท้ามณีโครต อีกหนึ่งอย่างเป็นสิ่งสืบทอด ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งคอนพะเพ็ง หนึ่งเดียวในโลก หรือ ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น
ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 แห่งบูรพาจารย์สายปรมาจารย์หลวงปู่สำเร็จลุน วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
สายธรรมอุตฺตโมบารมี อยู่จังหวัดอุบลราชธานี พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ส่วนมากอยู่ทางคอนพะเพ็ง สปป.ลาว ไม้เท้าที่สร้างในชุดเดียวกัน มี 3 ไม้เท้า 2 ชิ้นอยู่ในสายธรรม ชิ้นที่ 3 อยู่กับพระสังฆราช สปป.ลาว
“น้ำตกคอนพะเพ็ง” เป็นน้ำตกเลื่องชื่อของแขวงจำปาสัก สปป.ลาว แม้จะเรียกว่าน้ำตก แต่จริงๆ แล้วคอนพะเพ็งเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำโขง โดยคำว่า “คอน” ในภาษาลาว หมายถึง “แก่ง” นั่นเอง โดยคอนพะเพ็งถือเป็นคอนหรือแก่งขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในแม่น้ำโขง ส่วน “พะเพ็ง” นั้นหมายถึง “พระจันทร์วันเพ็ญ”
แก่งบริเวณคอนพะเพ็งเป็นแก่งขนาดใหญ่ ความสูงของแก่งกว่า 10 เมตร ทำให้สายน้ำโขงที่ไหลบ่ามาในบริเวณนี้เชี่ยวกรากดุดัน ยิ่งเมื่อสายน้ำกระโจนลงสู่แก่งหินเบื้องล่างอย่างรุนแรงเกิดเป็นน้ำตกอันยิ่งใหญ่ตระการตา จนได้ชื่อว่าเป็น “ไนแองการ่าแห่งเอเชีย”
นอกจากความสวยงามอลังการแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่อยู่คู่น้ำตกคอนพะเพ็ง คือ “ต้นมณีโคตร” หรือมะนีโคด ในภาษาลาว เป็นต้นไม้เก่าแก่สันนิษฐานว่ามีอายุหลายร้อยปีหรืออาจถึงพันปี ขึ้นอยู่บนแก่งหินกลางแม่น้ำโขง ชาวลาวนับถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และเชื่อว่ามีต้นเดียวในโลก ตามตำนานเรียกว่าเป็น “ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใครคนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตายก็กลับฟื้นขึ้นมาได้
แกนของกิ่งต้นมณีโคตรหากตัดดูจะเห็นเป็น 3 สี คือสีนวลเหมือนไข่ไก่เหลืองอ่อนๆ สีม่วง และสีชมพู เป็นที่มาของชื่อมณีโคตร
มณีโคตรต้นนี้ มองด้านหนึ่งคล้ายเขาควาย มี 3 กิ่งหลักๆ กิ่งหนึ่งหันไปฝั่งลาว ชาวลาวเชื่อว่าใครได้กินผล (หมาก) ที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น กิ่งหนึ่งหันไปทางเขมร เชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกกิ่งหนึ่งหันไปทางฝั่งไทย เชื่อว่าใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้ จะหนุ่มขึ้น เยาว์วัยขึ้น บ้างก็ว่าไม่ว่ากินจากกิ่งไหนก็จะมีกำลังวังชาเหนือมนุษย์ และบ้างก็เชื่อว่าปลายกิ่งทั้งสามที่ชี้ไปทางกัมพูชา ไทยและลาว หมายถึงว่าทั้งสามประเทศจะเจริญเป็นมรกตแห่งอินโดจีน แต่ก็ยังไม่เคยมีใครได้กินผลจากกิ่งใดเลย เพราะสายน้ำเชี่ยวกรากทำให้ไม่เคยมีใครเข้าไปถึงต้นมณีโคตรต้นนี้ ยกเว้นนกกระยางขาวและอีกาที่มักจะบินไปเกาะอยู่เต็มต้นมณีโคตรทุกๆ วันพระ
นอกจากยังเชื่อกันว่า กิ่งของต้นมณีโคตรเมื่อนำไปฝนกับน้ำแล้วดื่มก็จะรักษาได้สารพัดโรค ทั้งอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคตับ โรคเบาหวาน โรคที่หมอรักษาไม่ไหวแล้ว พอได้กิ่งมาฝนน้ำดื่มไปสักอาทิตย์หนึ่งก็หายจากโรค แม้แต่ฝรั่งเศสในสมัยที่ยังปกครองลาวเคยพยายามส่ง ฮ.(เฮลิคอปเตอร์) เข้าไปบินใกล้ๆ เพราะดูถูกในความเชื่อของคนลาว แต่ ฮ. ก็ต้องตกลงอย่างไม่รู้สาเหตุ ด้วยความเชื่อว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการสร้างศาลไว้ให้คนบูชาไว้ที่ฝั่งบริเวณใกล้ๆ กับน้ำตก
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 พฤษภาคม 2563, 19:11:11 โดย maxna »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
maxna
|
|
« ตอบ #89 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2563, 12:08:12 » |
|
ตะกรุดโทนสุริยะนวภาสายกษัตริย์ และตะกรุดแคล้วคลาดนวภา
ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ศิษย์แห่งบูรพาจารย์สายปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุน
วัตถุประสงค์การจัดสร้าง เพื่อรวบรวมสมทบทุน ร่วมมหากุศลเป็นเจ้าภาพลูกนิมิตเอกร่วมกัน
ประวัติการจัดสร้าง 1.ตะกรุดโทนสุริยะนวภาสายกษัตริย์ สร้าง 108 ดอก 2.ตะกรุดแคล้วคลาดนวภา สร้าง 999 ดอก ขนาดความกว้าง 9 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 9 มม.
เหตุที่คณะครูธรรมสายธรรมอุตฺตโมบารมี จัดสร้างตะกรุดโทนสุริยะนวภาสายกษัตริย์ และตะกรุดแคล้วคลาดนวภาเนื่องจากความเชื่อไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลังไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ความเชื่อเรื่องของขลัง ว่าจะช่วยการทำงาน โชคลาภ มีความนับถือเลื่อมใส แต่เนื่องจากสภาพสังคมที่มีการแข่งขันสูง ผู้คนต้องพัฒนาตัวเอง ดิ้นรนเอาตัวรอด ทำให้บางครั้งการแสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อช่วยปลอบประโลมจากการใช้ชีวิต หรือเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตของผู้คนอย่างเลี่ยงไม่ได้ พระเครื่อง ของขลังไทย ซึ่งมีชื่อเสียงในแง่การให้คุณ ให้โชค
ตะกรุดโทนสุริยะนวภาสายกษัตริย์ และตะกรุดแคล้วคลาดนวภา วัตถุมงคลของญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ศิษย์แห่งบูรพาจารย์สายปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุน เริ่มก่อเกิดประสบการณ์ดีๆต่างๆนานา เข้ามาหาแก่ผู้ที่มีไว้ใช้บูชา ไม่ว่าจะเป็น “เหรียญรุ่นแรก หรือตะกรุดพญาเสือสมิง” ที่เกิดประสบการณ์นิรันตราย ปกปักป้องกันภัยได้สารพัด ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายให้หายสิ้น ทหารใต้นิยมมาเช่าทำบุญเป็นอย่างมาก ต่างมาเล่าว่าเกิดเหตุการณ์แคล้วคลาดปลอดภัย อย่างชนิดที่ว่า “ แขวนไว้ไม่ตายโหง ” กันเลยทีเดียว อีกทั้ง “สีผึ่งครูธรรม ” ที่ท่านสร้างไว้ได้อย่างเข้มขลัง บังเกิดแต่มหาเสน่ห์ ใครพบเห็นก็เมตตา เป็นที่นิยมชมชอบของเพศตรงข้ามที่ให้ผลชะงัดนัก หลายๆท่านคงเคยทราบประวัติของ “ญาถานเบิ้ม อุตฺตโม” มาบ้างแล้ว ท่านเป็นศิษย์เอกผู้สืบทอดเวทย์วิทยาคม ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 แห่งศิษย์แห่งบูรพาจารย์สายปรมาจารย์ใหญ่ ได้รับสรรพเวทย์วิทยาคมมาอย่างหมดจด รู้แจ้งแห่งกระบวนความตามที่ได้รับสั่งสอนมา และท่านได้ร่ำเรียนสรรพความรู้มาจากหลวงปู่อีกหลายท่าน จึงเป็นที่เคารพนับถือ และมีศรัทธา ให้ปกครองเป็นเจ้าอาวาสวัดวังม่วง ตะกรุดโทนสุริยะนวภา และตะกรุดแคล้วคลาดนวภาที่สุดแห่งตะกรุดกำบังไพร ปกป้องกำบังตน ขจัดหมู่คนพาล ปัดศัตรูหมู่มารให้หายสิ้น มีฤทธิ์หยุดปืน และเด่นทางแคล้วคลาดที่บอกว่าหยุดปืนนี่มีเรื่องเล่า ศิษย์ทหารสายใต้ตะกรุดนี้ไปตะเวนชายแดนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งประสบการณ์แคล้วคลาด หยุดปืนไม่ให้ลั่นลูกไม่ออก ตะกรุดนี้ปลุกเสกเอาไว้หลายคาบ ทั้งพิธีเสาร์ห้า พิธีสุริยุปราคา ลงเสกเอาไว้หลายปฐมบท เสกหมดสรรพวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา และยังบรรจุมวลสารศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็น ว่านวิเศษต่างอันมีฤทธิ์ ของกายสิทธิ์ทั้งปวง เช่น คต เขี้ยว เขา นอ งา กะลา แร่ธาตุ แก้วอาถรรพ์ จึงส่งอานุภาพใช้ปกปักรักษา คุ้มครองป้องกันภัย ปัดเป่าสิ่งเลวร้ายได้ทั้งปวง ท่านยังเสกวิชาหนุนดวงลงไปด้วย จึงทำให้ช่วยพยุงดวงชะตาของผู้ที่มีไว้บูชาให้สูงขึ้น ไม่ทำให้ตกต่ำย่ำแย่ไปกว่าเดิม สารพัดกัน สารพัดแก้ดีนักแล
มวลสารหลัก
วาน 108 1.ไก่แดง ให้ผลทางเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยมชั้นยอด 2.มหาลาภ ให้ผลทางโชคลาภเป็นสิริมงคลดีนัก 3.สี่ทิศ ให้ผลทางโชคลาภทำการสิ่งใดจะประสบความสำเร็จทุกประการ 4.เทพประชุมพร ว่านทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ช่วยให้ค้าขายเจริญรุ่งเรือง 5.เทพประสิทธิ์ เป็นสิริมงคลดีนัก 6.ขมิ้นขาว เด่นทางด้านเมตตา 7.นางคำ คุณวิเศษทางด้านเสน่ห์มหานิยม ใช้ได้นานาประการ 8.สาวหลง ว่านที่ทรงคุณค่าทางด้านเมตตามหานิยมอย่างสูงสุด 9.ทิพยเตร เด่นเรื่องเมตตามหานิยม 10.มหาอุดม เป็นว่านมหานิยมสูงมาก เป็นที่รักใคร่ 11.ดินสอฤาษี สรรพคุณทางด้านมหานิยมยังอยู่ในระดับเยี่ยม 12.ไพลดำ แคล้วคลาดปลอดภัย 13.ดอกทองตัวผู้ เป็นว่านในทางมหาเสน่ห์เป็นพระยาเทครัว 14.ดอกทองตัวเมีย เป็นว่านในทางมหาเสน่ห์ เมตามหานิยมอย่างแรงอีกชนิดหนึ่ง 15.กุมารทอง ให้ผลทางโชคลาภ 16.พะตะบะ กันอัปมงคลต่างๆแคล้วคลาดปลอดภัย 17.ทรหด เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด 18.กระแจะจันทร์หงสา ด้านเมตตามหาเสน่ห์ 19.เปราะหอม เป็นว่านทางเสน่ห์มหานิยมทางชู้สาว และช่วยให้ค้าขายดี 20.ไก่ขัน ใช้ในทางเสน่ห์เลห์กลดีหนักหนา 21.เพชรน้อย เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด 22.เพชรน้อยแดง เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด 23.ดอกทองกระเจา เป็นเสน่ห์ทางด้านชู้สาว และช่วยให้ค้าขายดี 24.นางพญาหงส์ทอง เป็นว่านทางเมตตามหานิยม เจรจาสิ่งใดจะเป็นที่พอใจ 25.นางพญาหงส์เงิน เป็นว่านทางเมตตามหานิยม เจรจาสิ่งใดจะเป็นที่พอใจ 26.กลิ้งกลางดง เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด 27.พระฉิม เป็นมงคล เสริมสิริมงคล และขจัดความชั่วร้ายทำให้แคล้วคลาด 28.หอมดำ จัดเป็นว่าน 108 ที่ใช้ในการผสมสร้างพระผงคงกระพันชาตรี อีกทั้งยังมีเมตตามหานิยมใคร 29.แม่ทองใบ มีอานุภาพบันดาลให้ประสบโชคลาภ ความร่มเย็นเป็นสุข 30.ไชยมงคล ความเป็นมงคล เป็นว่านทรงอำนาจช่วยคุ้มครองป้องกันภัย 31.สลักไกร เสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรีอีกด้วย 32.สบู่หยวก เสน่ห์เมตตามหานิยม 33.ดอกทองโยนี (เขียด) เป็นว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม ทำให้ค้าขายดี 34.พญาลิ้นงู แคล้วคลาด 35.มหาบัว เป็นว่านสิริมงคลชั้นสูงต้นหนึ่ง 36.พญาจงอาง คงกระพันแคล้วคลาด 37.เทพรำลึก เสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นยอด 38.เงินไหลมา มีอานุภาพเรียกเงินทองให้เข้ามาสู่เคหะสถานบ้านเรือน 39.พญาว่าน แคล้วคลาด 40.ขมิ้นขาวปัดตลอด โชคลาภความเจริญ ความมีเมตตามหานิยม และความร่มเย็นเป็นสุขมั่งคั่ง 41.นะหน้าทอง ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ให้ผลดีางการค้า 42.มหาจักรพรรดิ เหมือนมีกำแพงแก้วป้องกันภัยบังเกิดความเจริญรุ่งเรืองเป็นเนืองนิตย์ 43.หนุมานยกทัพ เป็นเมตตามหานิยมและกันทางคุณไสยาศาสตร์ 44.หอมแดง จัดเป็นว่าน 108 ชนิดที่ใช้ในการผสมเพื่อสร้างพระผงในสมัยก่อน 45.เศรษฐีเรือนนอก อานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง 46.เศรษฐีเรือนใน อานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง 47.เศรษฐีเรือนกลาง อานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง 48.แสนนางล้อม เป็นว่านที่มีสิริมงคลและป้องกันอัคคีภัย 49.ขุนแผนสะกดทัพ อานุภาพ ทางเสน่ห์เมตตานิยม 50.เศรษฐีน้ำเต้าทอง เด่นทางเมตตา โชคลาภ 51.ว่านมหามงคล เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม เสริมบารมี 52.เฒ่าหนังแห้ง คงกระพันแคล้วคลาด 53.ไก่กุ๊ก อานุภาพ ทางเสน่ห์เมตตานิยม 54.เสน่ห์จันทร์ดำ จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น 55.เสน่ห์จันทร์เขียว จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น 56.เสน่ห์จันทร์ขาว จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น 57.เสน่ห์จันทร์แดง จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น 58.กวักนางพญามหาเศรษฐี อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล 59.กวักนางพญาใหญ่ อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล 60.กวักพุทธเจ้าหลวง อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล 61.มหาโชค บันดาลทางโชคลาภโดยตรงและเป็นสิริมงคลแก่บ้านเรือน 62.พัดแม่ชี อานุภาพสูงทางด้านปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ป้องกันอำนาจคุณไสย 63.นางคุ้ม คุ้มกันภยันตรายต่างๆ 64.มหาปราบ ดีทางฤทธิ์และอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน ป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ 65.ถุงเงินถุงทอง มีอานุภาพทางด้านโภคทรัพย์ ประดุจถุงเงินถุงทอง 66.ขอทอง เด่นเรื่อง เมตตา มหานิยม 67.หนุมานนั่งแท่น ทางคงกระพันชาตรี 68.ไก่ดำ อำนาจและบารมี อีกทั้งให้คุณทางด้านการค้าขาย 69.กำบัง ป้องกันสรรพภัยจากผู้ปองร้ายด้วยวิทยาคุณต่างๆ 70.เทพรำพึง เป็นเอกทางด้านเมตตามหานิยม เป็นสิริมงคล 71.เสน่หา เป็นว่านมงคลมหานิยม 72.เต่านำโชค เป็นว่านทางเมตตา 73.นางล้อม เป็นว่านมหามงคล ป้องกันสรรพสัตว์ทั้งปวง 74.กล่อมนางนอน ว่านที่มากด้วยเมตตามหานิยม มีอานุภาพสามารถทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มได้ 75.ขมิ้นขาวเสน่ห์ ดีทางด้านเมตตามหานิยม ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม 76.เทพรัญจวน ให้ในทางเมตตามหานิยม เป็นที่รัก เมตตาต่อผู้พบเห็น 77.มหานิยม ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม 78.จูงนาง เป็นว่านทางด้านเสนห์ เมตตามหานิยม 79.เสน่ห์จันทร์หอม เป็นว่านมหาเสน่ห์ช่วยให้ค้าขายดีขึ้นดุจเทน้ำเทท่า 80.พัดโบก เป็นว่านมหามงคลสูงพร้อมด้วยเมตตา มหานิยม 81.เถาว์วัลย์หลง ดีทางเจรจาพาที เป็นที่เมตตามหานิยม 82.มหากวัก อานุภาพสิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้าและเจริญก้าวหน้า 83.พุทธกวัก ว่านนี้ดีทางเมตตาและทางการค้า 84.สบู่เลือด ดีทางด้านคงกระพันชาตรี โบราณนิยมมาสร้างพระ 85.แมงมุม เด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล 86.พระเจ้า5พระองค์ ในทางแคล้วคลาดอันตรายอุบัติเหตุต่างๆ 87.ธรณีสาร ความเป็นมงคลอานุภาพสิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้า 88.สิบแสน เป็นว่านทางเมตตามหานิยม ทำให้ประสบโชคลาภ 89.กวักโพธิ์เงิน ว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม นำโชคนำลาภ 90.เสน่ห์ขุนแผน เป็นเมตตามหานิยมรักใคร่และความเจริญรุ่งเรือง 91.เศรษฐีพญาบดินทร์ ทางเมตตามหานิยมสูงทั้งนำโชค 92.กวักทองคำ ว่านสิริมงคล ว่านแห่งโชคลาภ 93.ห้าร้อยนาง ใช้ในทางเมตตามหานิยม 94.สาลิกา มีอานุภาพทางเมตตามหานิยม 95.ดอกทองเขมร เป็นว่านในทางมหาเสน่ห์ เมตามหานิยมอย่างแรงอีกชนิดหนึ่ง 96.ช้างผสมโขลง เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม 97.กำแพงเงิน เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม แก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก 98.มหาเมฆ เป็นว่านนิยมมาตั้งแต่โบราณ ดีทางคลกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ 99.ไพลปลุกเสก อานุภาพเกิดลาภผล ความอุดมสมบูรณ์พูนสุขเจริญรุ่งเรือง 100.จ่าว่าน เป็นว่านอานุภาพสูงให้ทรงด้วยอานุภาพ ป้องกันเสนียดจัญไร 101.จังงัง เป็นเมตตามหานิยม เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่ศัตรูหมู่มารทำให้ไม่กล้าคิดร้าย 102.กวักเงินกวักทอง ว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม นำโชคนำลาภเงินทอง 103.เพชรกลับดำ เด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล ไปที่ใดปราศจากอันตราย 104.วาสนาทางลาย เด่นทางโชคลาภวาสนา เจริญด้วยความสมบูรณ์พูนสุข 105.เศรษฐีขอดทรัพย์ ใช้ในทางลาภเป็นเมตตามหานิยม 106.ทองคำ ใช้ในทางโชคลาภเงินทอง 107.ปราบสมุทร สรรพคุณทางคงกระพันชาตรี 108.เศรษฐีนางกวัก ช่วยกวักทรัพย์ กวักลาภ กวักผู้คน ลูกค้าให้ไปมาหาสู่มิได้ขาด
มวลสารหลัก มีมวลสารหลัก 23 ชนิด ดังนี้ 1.เม็ดผงกฤติยาคม หรือผงวิเศษ ที่ญาถานเบิ้มปลุกเสก 2.ผงดอกไม้แห้ง 3.ผงขี้ธูป ก้านธูป 4.ผงดินสอพองหรือแป้งกระแจะ 5.ผงใบลานดิบ 6.ใบลานสุก 7.ผงผงสบู่เลือด 8.เม็ดผงน้ำตาเทียนไขบด เทียนแหลืองบด 9.ผงพระสมเด็จหัก 10.ผงพระเนื้อดินเก่า 11.เม็ดเกสรบัวแดง 12.เม็ดเกสรบัวหลวง 13.ผงวานไพรดำ พ่อสัมฤทธิ์ 14.แร่ดาวตก แร่สะเก็ดดาว หรือกากยายักษ์ 15.วานช่วงระอา 16.ข้าวสุกตากแห้ง 17.เกศาญาถ่านเบิ้ม วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี 18.เศษจีวรญาถ่านเบิ้ม วัดวังม่วง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี 19.ดินโป่งเหลือง 20.ดินโป่งแดง 21.ดินโป่งเขียว 22.ว่านเสน่ห์ค้าขาย และไม้มงคลต่างๆ 23.เกสร ๑๐๘ 24.ดินอุดรูหนู ดินอุดรูปู
มวลสารหลัก 1.ต้นมณีโคตร ถือว่าเป็นต้นไม้วิเศษ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งคอนพะเพ็ง หนึ่งเดียวในโลก หรือ ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น สันนิษฐานว่ามีอายุหลายร้อยปีหรืออาจถึงพันปี ขึ้นอยู่บนแก่งหินกลางแม่น้ำโขง ชาวลาวนับถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และเชื่อว่ามีต้นเดียวในโลก ตามตำนานเรียกว่าเป็น “ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใครคนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตายก็กลับฟื้นขึ้นมาได้
2.เครือร้อย หรือ เครือฮ้อยปลา ลักษณะ คล้ายไม้เลื้อย สรรพคุณ เด่นทางคงกระพันชาตรี และใช้ทาง ค้าขาย เป็นต้นไม้ที่ใช้ เสี่ยงโชคลาภ นำไปบดผสมรวมเป็นสีผึ้งใช้อธิษฐาน
3.ว่านไพรดำ ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของว่านวิเศษต่างอันมีฤทธิ์ เป็นราชาของว่านทั้งปวง เป็นต้นว่านวิเศษที่เป็นต้นกำเนิดเหล็กไหล เพราะมักเจออยู่ร่วมกันและจะขาดจากกันไม่ได้ ทั้งยังเป็นแหล่งก่อเกิดของกายสิทธิ์ทั้งปวง เช่น คต เขี้ยว เขา นอ งา กะลา แร่ธาตุ เป๊ก แหย่ง แสง แก้วอาถรรพ์ เพราะของวิเศษเหล่านี้ล้วนต้องมาเสพเอาไอจากไพรดำไปเป็นพลังกายสิทธิ์ทั้งสิ้น เป็นมหาอำนาจคุมคนคุมสัตว์บ่าวไพร่บริวารทั้งปวงให้เคารพเกรงขามแก่ตัวเรา เป็นทั้งแคล้วคลาดเพชรหลบ เพชรหลีก คงกระพันชาตรี คงเนื้อ คงหนัง คงกระดูก ปัดเป่าเสนียดจัญไรสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย อุบาทว์ต่าง ๆ ให้ออกไปไกลตัว ตามตำรับตำราโบราณกล่าวว่าเป็นน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่สามารถคุ้มครองผู้อื่นที่อยู่ร่วมกับเราได้อีกด้วย
4.เครือร้อยปลา หรือ เครือฮ้อยปลา ลักษณะ คล้ายไม้เลื้อย สรรพคุณ เด่นทางคงกระพันชาตรี และใช้ทาง ค้าขาย เป็นต้นไม้ที่ใช้ เสี่ยงโชคลาภ นำไปบดผสมรวมเป็นสีผึ้งใช้อธิษฐาน ยามเวลาใช้
5.เขากวางคุด อานุภาพของเขากวางคุดนั้นดีวิเศษรอบตัวตั้งแต่มหาอุด คงกระพัน เมตตา มหาอำนาจ ราชศักดิ์ โชคลาภ เจริญรุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุข ป้องกันภัยทั้งหลายทั้งปวง แต่ก็ให้ระมัดระวังกันไว้สักหน่อยเพราะของปลอมระบาดมานานนม โดนกันมานักต่อนักแล้วล่ะจะบอกให้
6.ช้อหมูป่าเป็นเส้นขนพิเศษของหมูป่า ที่ขึ้นอยู่บริเวณตัวของหมูป่าโดยเฉพาะที่บริเวณหัว หรือระหว่างคิ้วของมัน มีความยาวเป็นพิเศษ หรือบางตำราเชื่อว่าคือขนที่ยาวเป็นพิเศษของหมูป่า โดยหมูป่าจะนำขนนี้อมไว้ในปากหรือพันไว้ที่เขี้ยวตลอดเวลา มีฤทธิ์อำนาจ : ด้านป้องกันเภทภัย มหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด
7.เขี้ยวหมูตัน ให้คนเกรงขาม เสริมบารมี อำนาจวาสนาเครื่องรางประเภทที่นิยมมาตั้งแต่โบราณแล้ว นั้นคงหนีไม่พ้นพวกเขี้ยว พวกงา โดยเฉพาะเขี้ยวเสือกลวง เขี้ยวหมูตัน เป็นที่เสาะแสวงหาของนักสะสมเครื่องรางเป็นอย่างยิ่ง เขี้ยวหมูตัน คงกระพันและเป็นมหาอุด เขี้ยวหมูเป็นเครื่องรางให้ผลทางอำนาจ และป้องกันสรรพอันตรายจากเขี้ยวงาของสัตว์ร้าย
8.กะลามหาอุด สำหรับกะลาไม่มีตา หรือกะลามหาอุด เป็นกะลาที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ จะไม่มีตาและไม่มีปากเลย จะอุดทึบไปหมด ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากผู้ใดมีครอบครองหรือมีไว้บูชาถือเป็นของดีมีคุณวิเศษในตัวแรงกว่ากะลาตาเดียวหลายเท่า กะลามหาอุด จะหาพบได้ยาก คนโบราณถือเป็นของดีมีคุณวิเศษหลายอย่าง เช่น มหาอุด เรื่องของการป้องกันไฟไหม้ และให้โชค
9.กะลาตาเดียว อานุภาพของกะลาตาเดียว คือ เป็นของที่ใช้หาทรัพย์ ได้คล่องตัวมากขึ้นยิ่งขึ้นไป ไม่มีคำว่าอดอยาก หรือ ขาดแคลน เป็นเมตตา มหานิยมของคนทั่วไป คงกะพันชาตรี เป็นมหาอุตต์ป้องกัน คุณไสยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ประกอบอาชีพต่างๆ หรือรับราชการมีผลดี ใช้รักษาโรค เป็นโชคลาภ
10.ไผ่ตัน ความเชื่อ ว่ากันว่า “ไผ่ตัน” หรือ “ไผ่ด้ามขวาน” เป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง หากลำต้นของ “ไผ่ตัน” หรือ “ไผ่ด้ามขวาน” ลำไหนไม่มีรูกลวงหรือตันโดยธรรมชาติ ผู้มีคาถาอาคมในยุคสมัยก่อนจะนำไปใช้ทำเป็นเครื่องรางของขลังด้านมหาอุด คงกระพันชาตรีแคล้วคลาดเมตตามหานิยมทำให้มีโชคลาภดีมาก
11.หวายลูกนิมิตเอก” ของมงคลที่เปี่ยมไปด้วยอานุภาพหลายประการทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุตม์ กันคุณไสย กันผีสางได้ดีเยี่ยม เพราะมากไปด้วยพลังบุญจากการประกอบกรรมบุญกุศลของสาธุชน และผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
12.ปรอทดำน้ำหนึ่ง อานุภาพสำหรับการป้องกัน แคล้วคลาดจากภัยอันตราย เด่นด้านคงกระพัน อำพรางกาย ป้องกันอันตราย แคล้วคลาด พุทธคุณของปรอทสำเร็จ ปรอท เป็นโลหะเหลว คือธาตุกายสิทธิ์ที่ใกล้เคียงกับ เหล็กไหล จริงๆแล้ว ปรอท ก็คือ ไหลประเภทหนึ่ง ปรอท เป็นของอาถรรพ์มีชีวิต จิตวิญญาณ สามารถ ลื่นไหลเคลื่อนย้ายตัวเองได้ เมื่อหุงปรอทเป็นรูปได้สำเร็จแล้ว ปรอท จะมีอานุภาพมากมายมหาศาลสุดเหลือคณานับ อาหารของปรอทคือของเน่าเสียเวลา จะจับปรอท ก็ให้เอาของเน่า
13.งาช้างกระเด็น เชื่อว่ามีไว้บูชาเทวดาจะเมตตา รัก แต่ต้องไม่พูดโกหก ไม่ผิดศีล ส่วน “เขี้ยวเสือ” มีเรื่องของคุณไสย อำนาจ บารมี จะทำอะไรก็สำเร็จโดยง่าย แคล้วคลาดปลอดภัย
13.แก่นขามโปร่งฟ้าฟ้าผ่าตายพรายจัดเป็นเครื่องรางของขลังประเภทไม้ทนสิทธิ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องป้องกันและขับไล่สิ่งชั่วร้ายอาถรรพ์ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็น คุณไสย์ มนต์ดำ วิญญาณชั่วร้าย ภูตผี สัตว์ดุร้าย แม้กระทั่งผู้มีจิตคิดร้ายได้สารพัด ทั้งช่วยเรียกทรัพย์ดึงดูดสิ่งดีๆนำพาแต่ความสุขความโชคดีและโชคลาภเข้ามาในชีวิต "ผลักสิ่งร้ายให้สิ่งดี" เป็นวัตถุมงคลไม้หายากที่ควรค่าน่าเก็บสะสมเด่นมากในด้านอำนาจบารมีช่วยเพิ่มพลังอำนาจให้ผู้คนเกรงขามตามชื่อที่เชื่อถือกันมาแต่ครั้งโบราณ
อานุภาพ-พุทธคุณด้านต่างๆ คุ้มครองป้องกัน จากภูตผีปีศาจวิญญาณอาถรรพ์หรือสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น มีพุทธาคมไสยเวทย์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายมนต์ดำ คุณไสย ได้สารพัด! อำนาจบารมี โชคลาภเงินทอง ยังมีพุทธาคมช่วยเรื่องดึงดูดเงินทองโชคลาภ ดึงดูดแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต
|
.
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พฤษภาคม 2563, 12:12:55 โดย maxna »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|