พระอาจารย์ชาคำแดง นั่งสมาธิอยู่เทิงภูเขาควาย
พระอาจารย์ซาคำแดง สอนวิชาให้พระอาจารย์ซาสุดพระอาจารย์ซาสุดนั้น เกิดที่บ้านดอนส้มโฮง เมืองนาคะบุรี แขวงสีทันดอน (เมืองโขง แขวงสำปาสัก ในปัจจุบัน)
ท่านอาจารย์เล่าให้ผู้เขียนฟังปี 2008 ที่วัดเทพนิมิตธาตุฝุ่น นครหลวงเวียงจัน คราวที่ท่านอาจารย์มาเยี่ยมยามลูกศิษย์
ลูกหาของเพิ่นที่นครหลวงเวียงจันทร์
วันนั้นผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมยามและศึกษาธรรมนำเพิ่น และได้มีโอกาสได้อยู่สองต่อสองและได้ศึกษาธรรมนำเพิ่น
เป็นวันที่ 3 เวลา 10โมงกลางคืน จึงได้ถามประวัติการศึกษาธรรมนำเพิ่น ความจริง เพิ่นก็บ่ายเบี่ยงบ่อยากเว้า
มีแต่บอกว่าบ่เหิงจะฮู้เอง และแล้วผู้เขียนฟังเพิ่นเว้าไปเรื่อยๆ โดยส่วนหลายแล้วเพิ่นจะเว้าแนวทางปฏิบัติธรรมเป็นส่วนใหญ่
ผู้เขียนก็นั่งฟังด้วยความเคารพ ในที่สุดเวลาประมาณ 11 โมงกลางคืน ในการเว้าของเพิ่นก็ได้เข้าสู่ ชีวิตการศึกษาธรรมของเพิ่น
เพิ่นจะกล่าวเถิงพระอาจารย์ซาคำแดงว่า อาจารย์เสมอ ดังนี้
การเริ่มเรียนวิชาวิปัสนากัมมัฎฐานนั้น เป็นวิชาที่ประเสิรฐ และบรรลุธรรมได้ช้าหรือไวแม่นเป็นไปด้วยอำนาจบารมี
และบุพกรรมในชาติอดีตและในชาตินี้ หรือวิสัยของไผของมัน อาจารย์(หมายถึงพระอาจารย์ซาคำแดง) สอนวิชาสมถะ
และวิปัสนาควบคู่กันไป อาจารย์นั้นรู้สึกว่าเพิ่นเป็นผู้ที่ได้สร้างให้ข้าน้อย(หมายถึงอาจารย์ซาสุดเอง) ได้เดินตามเส้นทางแห่ง
วิปัสนากัมมัฏฐาน
อาจารย์ถ่ายทอดวิชาวิปัสนาให้ข้าน้อย แต่ข้าน้อยบ่รู้ว่าข้าน้อยได้วิชา สิ่งที่ข้าน้อยได้ คือความ อิ่มเอิบใจ เช่นนั้น โดยเฉพาะตอน
อยู่ตามถ้ำ ตามป่าที่ภูเขาควายนั้น
ปีนั้น ข้อน้อยได้ขึ้นมาตามหาเพิ่นอยู่เวียงจันทร์ โดยเพิ่นเองบอกให้คนไปรับมาฮอดเวียงจันทร์ พักอยู่ที่วัดพระธาตุหลวงเหนือ
นำสมเด็จสังฆนายก และพระอาจารย์ใหญ่ทองคูณ อนันตสุนธร ตามคำแนะนำของอาจารย์ซา อยู่ได้จนวันเข้าพรรษาก็ยังบ่ทัน
เห็นอาจารย์ ตามหาเพิ่นพักอยู่วัดโพนป่าเป้า (ขณะนั้นพระอาจารย์ซาคำแดงเป็นเจ้าอธิการวันโพนป่าเป้า) ขะน้อยไปหาเพิ่น
อยู่วัดโพนป่าเป้า เขาบอกว่าเพิ่นอยู่วัดโพนทัน ไปนำพาญาติโยมสร้างวัดโพนทัน ข้าน้อยตามไปหาที่วัดโพนทัน เขาบอกว่า
เพิ่นไปที่วัดพระธาตุผฝุ่น ข้าน้อยไปหาที่วัดธาตุฝุ่น เขาบอกว่าเพิ่นไปวัดพระธาตุหลวง การเดินทางแม่นสมัยนั้นแม่นเดินตลอด
มีแต่ตามกับตามบ่มีวันเจอ ในขณะที่ไปตามหาแต่ละวัดนั้น ใช้เวลา3วัน แต่ละคืนใน3วันนั้น ฝันเห็นอาจารย์สอนวิชานั่งวิปัสนา
กัมมัฎฐานตามเข้าอารมออกอารมกัมมัฎฐาน บอดวิธีเข้าฌานและวิธีอฐิษฐานเข้ากัมมัฎฐาน ในฝันก็ยังมีความุ่งมั่นในยามฝัน
แต่ยามกลางวันที่ตามหาอาจารย์นั้นแม่นใจออก เพราะไปที่วัดใด๋ก็บ่เห็น นึกแล้วนึกอีกว่าสิกลับเมือ (หมายถึงกลับสีทันดอน)
คืนที่4ในความฝันเห็นอาจารย์มาบอกให้ข้าน้อยไปวัดโสกป่าหลวง ไปไหว้พระอาจารย์ใหญ่มหาปาน อนันโท เพราะเขา
จะเข้าคองกัมมัฎฐานในมื้ออื่นให้เข้าปฏิบัติกัมมัฎฐานกับพระอาจารย์ใหญ่ ตื่นเซ้าก็ไปวัดโสกป่าหลวง ไปไหว้
พระอาจารย์ใหญ่มหาปาน อนันโท เพิ่นก็บอกว่าอาจารย์เจ้าได้มาฝากไว้กับอาตมาแล้ววานนี้
(เป็นเรื่องแปลกในใจขั้นแรกที่มาเวียงจันทร์ ยังบ่ทันพบหน้าอาจารย์ซ้ำแต่ทุกอย่างคล้ายกับเป็นชีวิตจริง)
วันเข้าพรรษาก็ได้เข้าพรรษาที่วัดโสกป่าหลวง และวันหลังมาก็อธิษฐานจิตเข้าคองวิปัสนานำคณะพระสงฆ์สามเณร
หลายองค์ ในกลางพรรษานั้นจึงเห็นอาจารย์ (อาจารย์ซาคำแดง) ได้มาสอนวิปัสนาในสำนัก เพิ่นสอนแบบรวม
คือสอนให้พระสงฆ์สามเณร ที่เข้าคองกัมมัฎฐาน ส่วนหลายเพิ่นจะมา วันอื่นๆจะมีพระวิปัสนาจารย์หลายองค์
อยู่จำพรรษาและเข้าคองวิปัสนาอยู่วัดโสกป่าหลวงจนออกพรรษาแล้ว อาจารย์ได้พาข้าน้อยมาวัดโพนป่าเป้า
ได้3วันก็ได้พาข้าน้อยไปวัดพระธาตุหลวงเหนืออยู่นำพระอาจารย์คูณ อนันตสุนธร บอกว่าให้อยู่นี้ก่อน
- กะอยู่นั้น เพิ่นให้พักที่มหากุฏิ วัดพระธาตุหลวงเหนือ อยู่ที่นั้นจนเป็นเดือน วันนั้นเห็นรถGMCมายังวัดธาตุหลวง
อาจารย์เดินลงจากรถ หย่างขึ้นมายังที่ห้องข้าน้อยอยู่ บอกให้เตรียมตัวสิพาไป ให้ไปรอที่รถ คำว่าสิพาไปบ่ฮู้จัก
สิพาไปไส จึงเตรียมตัวทุกอย่างมีบาตร กรด เพิ่นบอกแล้วเพิ่นกะไปยังห้องสมเด็จพระสังฆนายก
และพระอาจารย์ทองคูณ อนันตสุนธร เหิงเติบอาจารย์ก็ลงมา ขึ้นรถแล้วรถก็ออก เดินทางไปยังเดิ่นบินวัดไตย
สนามบินทหาร มีเจ้านายหลายคนอยู่ที่นั้น ได้เวลาก็ขึ้นเฮือบิน เฮือบินได้ทะยานขึ้นจากสนามบินทหาร
ไปทางทิศตะวันออกเหลียวหลังมาเห็นน้ำงึมบ่พอคราวยนต์ก็ลงอยู่จอมภูรู้ว่าแม่นภูเขาควาย มีค่ายทหารอยู่นั้น
พระอาจารย์บอกว่าให้อยู่นี้เด้อ แล้วสิไปรับดอกมีทหารประมาณกองร้อยหนึ่งอยู่ที่นั้น ส่วนพระอาจารย์ไปเว้า
กับท่านนายพล ฉันเพลแล้วทั้งนายพลพร้อมคณะก็กลับไป
-เมื่อไปอยู่จอมภูเขาควาย ที่ถ้ำแห่งหนึ่งไกลจากค่ายทหารประมาณ 1 หลักกิโล ก็ได้ปฏิบัติธรรมตามหน้าที่
และที่เคยทำมาโดยมีทหารอุปถัมถ์อาหาร วันละ 1 คาบอยู่ได้ 1 เดือนก็เลยลาทหารออกเดินทางไปเรื่อยๆ
พักตามถ้ำต่างๆ บางวันก็ได้ฉันเข้า บางวันก็บ่ได้ฉันเข้า ได้แต่อธิฐานจิต บิณฑบาตรไปตามป่าดง
แล้วได้เอาน้ำล้างบาตรฉันน้ำล้างบาตรนั้นก็อิ่มคือฉันเข้า กลางวันเดินทางแหน่ปฏิบัติธรรมแหน่ 4-5วัน จึงได้พบบ้านคน
ชาวบ้านก็ได้เอาเข้าแห้งเป็นก้อนเท่าหัวโป้มือถวาย อันนี้กะเป็นเรื่องแปลกอีกเหมือนกับชาวบ้านรู้ไว้ล่วงหน้า
ว่าเฮาจะมาที่นี่จึงได้เฮ็ดข้าวเหนียวเป็นก้อนๆไว้ถวาย การเดินทางไปตามป่าพบอุปสรรค และสิ่งต่างๆนาๆ เวลาฉันข้าว
ก็เอาข้าวก้อนนั้นมาอมก็อิ่ม เวลาเช้าก็บิณฑบาตร อธิษฐาน ตามตั้นไม้ต้นตอก ก็อิ่มไป ทั้งเดินทาง ทั้งปฏิบัตธรรมไป
พร้อมเห็นว่ามีความสุขจิตใจกล้าแข็ง และมีสมาธิ ก็ทำเป็นกัมมัฎฐานไปตลอด จากเดือน3จนฮอดเดือน8เพ็งก็อธิษฐาน
เข้าพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่ง หลังจากเดือน 11 เพ็งแล้วก็เดือนทางไปฮอดบ้านหนึ่งในแขวงบอริคำ พอไปตกบ้านนั้น
ก้าวหย่างขาเข้าบ้านก็เห็นรถ แลนโรเวอร์ แล่นเข้ามา อยู่ในรถแม่นอาจารย์(หมายถึงพระอาจารย์ซาคำแดง)
อาจารย์ซาสุดบอกว่า อันนี้กะเป็นเรื่องอัศจรรย์อีก เหมือนกับเพิ่นรู้ว่าเฮาจะมาที่นี่ เพิ่นก็ไปหาเฮาที่บ้านนั้นโลด
-เมื่อขึ้นรถแล้ว เพิ่นก็พาเฮาไปยังค่ายทหาร แล้วก็พาขึ้นยนต์ บอกว่ากลับเวียงจันทร์ แต่แล้วยนต์ก็กลายเวียงจันทร์
ไปลงวังเวียง ให้ไปอยู่วัดหนึ่งที่นั้น (ชื่อวัดผู้เขียนลืมแล้ว จะสืบหามาใส่ให้สมบูรณ์ในโอกาสต่อไป เพิ่นก็บอกว่า
จะให้ไปอยู่วัดนี้ในกลางพรรษานี้ ที่วัดนี้อาจารย์ได้อยู่นำ 3วัน แต่ละวันอาจารย์ได้สอนกัมมัฎฐานหลายอย่าง)
จนฮอดวันที่ 3 ยนต์ก็มารับ อาจารย์กลับเวียงจันทร์
ยังมีต่อ จะเว้าเถิงการเดินทางวิปัสนาของพระอาจารย์ซาสุด จากเวียงจันทร์เถิงภูแหลม สายเซลำเพา ไปทดสอบ
วิปัสนาที่ภูสาระแพดินเขมร ไปจนฮอดวันที่พระอาจารย์ซาสุดลาสึก ในปี 1976 ที่วัดดอนส้มโฮง
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป