เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองดินดำ หมู่ที่ 1 ตำบลขี้เหล็ก อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี
สถานะเดิม
ชื่อ นายมาย โคดทะเสน เกิดวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2445
ตำบลหนองแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
หลวงปู่อ้วน โสภโณ เจ้าอาวาสวัดบ้านโนนค้อ ตำบลโนนค้อ อำเภอกันทรารมณ์ จังหวัดศรีสะเกษ
เป็นพระอุปัชฌา
เมื่อบรรพชาอุปสมบทแล้วได้ศึกษาธรรมกับหลวางปู่อ้วน โสภโณ อยู่นานหลายพรรษาพอสมควรต่อมาจึงได้กราบลาหลวงปู่อ้วน แล้วไปจาริกธุดงค์และจำพรรษาอยู่ตามชายแดนประเทศไทย ประเทศเขมร และ
ประเทศลาว ประมาณ 15 พรรษา ในช่วงที่หลวงปู่มายจาริกธุดงค์อยู่นั้นท่านได้นิมิตฝันเห็นญาติพี่น้องที่เคยมีอุปการะคุณจึงได้หยุดการจาริกธุดงค์เดินทางมาเยี่ยมญาติพี่น้องที่อำเภอทุ่งศรีอุดม จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อชาวบ้านโนนจันทร์ ตำบลทุ่งเทิง อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี รู้ข่าวว่าหลวงปู่มายมาเยี่ยมญาติพี่น้องจึงได้มานิมนต์ หลวงปู่มายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านโนนจันทร์หลวงปู่มายจำพรรษาอยู่ที่นั้นประมาณ 5 พรรษาต่อมาชาวบ้านในเขตตำบลทุ่งเทิงได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งหมู่บ้านหนองดินดำ ตำบลขี้เหล็ก อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้ไปนิมนต์หลวงปู่มายมาสร้างวัดอยู่ที่บ้านหนองดินดำและจำพรรษาอยู่ที่นั้นสถานที่ที่ไปตั้งหมู่บ้านและตั้งวัดนั้นเป็นป่าใหญ่และห่างไกลความเจริญมากบางครั้งชาวบ้านก็ถูกพวกโจร ภูตผี ปีศาจ เบียดเบียนอยู่เป็นประจำบางคนก็ถูกไสยศาสตร์ทำให้เกิดการเจ็บป่วยโดยไม้รู้สาเหตุจึงนำไปรักษาที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่หายจึงได้นำคนป่วยกับมาบ้านและหายาสมุนไพรรักษาคนป่วยก็ยังไม้หายจากอาการเจ็บป่วยญาติพี่น้องหมดทางที่จะรักษาจึงได้นำคนป่วยนั้นไปหาหลวงปู่มายที่วัดให้หลวงปู่มายรดน้ำและทำฝ้ายผูกแขนให้เผื่อหายจากการป่วยได้ตามความเชื่อของชาวบ้านหลวงปู่มายท่านก็รดน้ำและทำฝ้ายผูกแขนให้อยู่มาไม่นานนักคนป่วยก็คอยๆดีขึ้นจนหายจากการเจ็บป่วยอย่างไม่น่าเชื่อและยังมีเด็กอีกหลายคนอยู่ๆก็ร้องไห้ไม่หยุดโดยไม่รู้สาเหตุโบราณท่านถือว่าภูตผี ปีศาจ เบียดเบียนพ่อแม่จึงนำไปหาหลวงปู่มายที่วัดหลวงปู่มายท่านก็เป่าศีรษะให้เด็กนั้นก็หยุดร้องไห้ทันตาเห็นอย่างไม่น่าเชื่ออีกแต่เหตุการณ์อย่างนั้นก็ได้ประจักษ์แก่สายตาคนเป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้นมาถึงปีพ.ศ. 2540 ศิษยานุศิษย์และชาวบ้านที่มีศรัทธาในองค์หลวงปู่มายจึงได้ขอให้
หลวงปู่มายจัดทำวัตถุมงคลเพื่อที่จะได้นำไปไว้สักการะบูชาและเอาไว้เป็นที่ระลึกแต่หลวงปู่มายท่านก็ไม่ทำและไม่อนุญาตให้ทำวัตถุมงคลแต่งอย่างใดท่านบอกว่าเมื่อถึงเวลาทำก็จะได้ทำอยู่นั้นและจะรีบร้อนไปไหน
อยู่ต่อมาอีกถึงปี พ.ศ. 2550 ศิษยานุศิษย์และชาวบ้านเห็นว่าหลวงปู่มายท่านมีอายุมากแล้วจึงพากันจัดงานสรงน้ำขอพรจากหลวงปู่มาย และบวชพระ บวชชีพราหมณ์ ปฏิบัติธรรม นิมนต์พระสงฆ์ที่มีอายุกาลพรรษา
มาเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเป็นการเพิ่มสมภารให้หลวงปู่มายและขอให้ท่านจัดทำวัตถุมงคลเพื่อที่จะให้ศิษยานุศิษย์อุบาสกอุบาสิกาที่มาร่วมทำบุญในวันงานเอาไว้สักการะบูชาหรือเอาไว้เป็นที่ระลึกหลวงปู่มายท่านก็เห็นว่าท่านก็มีอายุมากแล้วควรที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลไว้ให้ศิษยานุศิษย์เอาไว้บูชาหรือเอาไว้เป็นที่ระลึกดังนั้นท่านจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคล คือ(เหรียญยันต์ห้า รุ่นที่ 1 - ตะกรุด รุ่นที่ 1) และอธิฐานจิตปลุกเสกด้วยตัวเอง
ความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในวันสรงน้ำขอพร
ในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2550 เวลา 12.00 น. เป็นเวลาสรงน้ำขอพรหลวงปู่มายในวันนั้นมีศิษยานุศิษย์อุบาสกอุบาสิกาเป็นจำนวนมากมาร่วมสรงน้ำขอพรพอถึงเวลาสรงน้ำขอพรหนึ่งในศิษย์ของหลวงปู่มายผู้เป็นประธานเริ่มสรงน้ำขอพรเวลานั้นเป็นเวลาที่แสงแดดกำลังร้อนแรงมากๆอยู่ๆก็มีก้อนเมฆบางๆมาบดบังแสงแดงและมีละอองฝนบางๆคล้ายหมอกในยามเช้าโปรยปรายตกลงมาในเวลานั้นพระอาทิตย์ก็ทรงกลดจนกระทั้งศิษยานุศิษย์อุบาสกอุบาสิกาสรงน้ำขอพรเสร็จสิ้นไปแล้วก้อนเมฆบางๆที่มาบดบังแสงแดงและละอองฝนบางๆคล้ายหมอกในยามเช้าที่โปรยปรายตกลงมาพระอาทิตย์ที่ทรงกรตอยู่นั้นก็คอยๆจางคลายไปแสงแดดก็กลับร้อนตามปกติของฤดูร้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นสร้างความอัศจรรย์ให้แก่ผู้คนที่มาร่วมงานเป็นอย่างมากพอพิธีสรงน้ำขอพรเสร็จแล้วหลวงปู่มายท่านก็ได้ให้เหรียญยันต์ห้า รุ่น ที่ 1 และตะกรุด รุ่นที่ 1 แก่ศิษยานุศิษย์อุบาสกอุบาสิกาผู้ที่มาร่วมงานสรงน้ำขอพรในครั้งนั้นเอาไว้เป็นที่สักการะบูชาและเป็นที่ระลึก
ประสบการณ์จากเหรียญยันต์ห้า รุ่นที่ 1 และตระกรุด รุ่นที่ 1
หลังจากวันสรงน้ำขอพรหลวงปู่มาย จนฺทสีโล เสร็จสิ้นไปแล้วต่อมาไม่นานนักคนที่ได้เหรียญยันต์ห้า รุ่นที่ 1และตะกรุด รุ่นที่ 1 ของหลวงปู่มายไปไว้บูชาหรือห้อยคอแล้วก็ได้รับประสบการณ์จากเหรียญยันต์ห้า รุ่นที่ 1 และตะกรุด รุ่นที่ 1 ตั้งหลายคนตัวอย่างเช่นคุณสำเร็จ มาลาอินทร์ อยู่ที่พัทยากลางวันหนึ่งคุณสำเร็จ มาลาอินทร์ ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับหลานอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลที่พัทยากลางพอขากลับมาถึงสี่แยกรถก็ติดไฟแดงในขณะที่จอดรถจักรยานยนต์อยู่นั้นก็มีรถยนต์วิ่งมาชนที่ท้ายรถจักรยานยนต์ทำให้คุณสำเร็จ มาลาอินทร์ กระเด็นไปคนละทิศละทางกับหลานพอคุณสำเร็จ มาลาอินทร์ได้สติก็วิ่งไปอุ้มหลานขึ้นมาด้วยความตกใจและความเป็นห่วงจึงได้ถามหลานไปว่าหนูเป็นอะไรไหมเจ็บตรงไหนบ่างหลานบอกว่าหนูไม่ได้เจ็บตรงไหนเลยเพราะมีหลวงปู่มารับหนูไว้คุณสำเร็จ มาลาอินทร์ ก็มองหาตามบริเวณนั้นแต่ก็ไม่เห็นหลวงปู่อย่างที่หลานบอกจึงได้มาดูที่ตัวเองก็ไม่มีบาดแผลหรือบาดเจ็บที่ไหนเหมือนกันกับหลานจึงนึกเห็นเหรียญยันต์ห้า รุ่นที่ 1 และตะกรุด รุ่นที่ 1 ของหลวงปู่มายที่ตัวเองห้อยคออยู่แล้วจึงนึกต่อไปว่าอาจจะเป็นเพราะอานุภาพแห่งเหรียญและตะกรุดหลวงปู่มายเราและหลานจึงไม่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ได้รับประสบการณ์จากเหรียญยันต์ห้า รุ่น ที่1 และตะกรุด รุ่นที่ 1
หลังจากนั้นต่อมาถึงปี พ.ศ. 2553 หลวงปู่มาย จนฺทสีโล พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์ได้ดำเนินการสร้างศาลาอุโบสถขึ้นเพื่อที่จะถวายเป็นพุทธบูชาไว้ในพระพุทธศาสนาและเพื่อใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญบุญหลวงปู่มายจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคล สมปรารถนา รุ่นที่ 1 และอธิฐานจิตปลุกเสกเพื่อที่จะให้ศิษยานุศิษย์อุบาสกอุบาสิกาที่มาร่วมสร้างศาลาอุโบสถไว้เป็นที่ระลึกและให้เช่าบูชามีศิษยานุศิษย์อุบาสกอุบาสิกาได้เช่าบูชาและร่วมทำบุญสร้างศาลาอุโบสถไปมากแล้วบางคนก็ได้รับประสบการณ์อย่างไม่น่าเชื่อบางคนได้วัตถุมงคล สมปรารถนา รุ่นที่ 1 ไปไว้บูชาหรือห้อยคอแล้วก็ฝันเห็นหวยจึงไปชื้อแล้วถูกหวยได้ตั้งหลายแสนบาทบางคนตั้งความปรารถนาในหน้าที่การงานหรือการค้าขายก็ทำสำเร็จตามความปรารถนาไว้
ปาฏิหาริย์มีจริง
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมาหลวงปู่มาย จนฺทสีโล ท่านได้ป่วยหนักด้วยโรคชราภาพ ศิษยานุศิษย์จึงได้นำท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ที่จังหวัดอุบลราชธานี หมอบอกว่าท่านชราภาพมากแล้วจะรักษาก็ไม่มีทางดีขึ้นดังนั้นแล้วศิษยานุศิษย์จึงได้นำหลวงปู่มายกับมาที่วัดบ้านหนองดินดำ ตำบลขี้เหล็ก อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี แล้วผัดเปลี่ยนช่วยกันเฝ้าอุปัฐากแต่ท่านฉันอาหารและน้ำไม่ได้จึงเอาซายริ่งดูดเอาน้ำสะอาดแล้วฉีดลงที่ปากท่านท่านก็กลืนน้ำลงคอไปไม่ได้ต่างคนต่างก็หมดปัญญาที่จะรักษาหลวงปู่ให้หายจากการป่วยได้ในช่วงที่ท่านป่วยอยู่นั้นพระอาจารย์ไพลิน สมจิตฺโต หนึ่งในศิษย์ของหลวงปู่มายที่เป็นเพศบรรพชิตได้นึกขึ้นมาว่าหลวงปู่มายท่านป่วยหนักขนาดนี้และฉันอะไรไม่ได้เลยท่านคงจะอยู่ไม่ได้นานเราควรที่จะพาศิษยานุศิษย์และญาติโยมทำพิธีขอขมาโทษและขออาราธนานิมนต์ให้ท่านอยู่ต่อไปอีกเผื่อท่านมีบุญยังเหลืออยู่บ่างท่านอาจจะหายจากการป่วยในครั้งนี้จึงได้ให้ญาติโยมแต่งขันห้าขันแปดและขันอาราธนานิมนต์มาให้แล้วจึงได้นำพาศิษยานุศิษย์และญาติโยมกล่าวขอขมาโทษและขออาราธนานิมนต์ให้หลวงปู่มายท่านอยู่ต่อไปอีกหลังจากนั้นมาพอถึงรุ่งเช้าของวันใหม่ศิษยานุศิษย์ที่เฝ้าหลวงปู่มายอยู่นั้นเห็นว่าท่านไม้ได้ฉันอาหารและน้ำมาเป็นเดือนแล้วจึงลองเอาซายริ่งดูดเอาน้ำที่สะอาดแล้วฉีดลงที่ปากของท่านอีกครั้งหนึ่งในครั้งนี้ท่านกลับกลืนน้ำลงไปได้จึงลองต้มเอาน้ำข้าวและใช้ซายริ่งดูดเอาน้ำข้าวแล้วฉีดลงที่ปากของท่านอีกท่านก็กลืนน้ำข้าวลงไปได้อีกจึงได้ทำอยู่อย่างนั้นประมาณสองถึงสามสัปดาห์ต่อจากนั้นมาอาการป่วยของท่านก็คอยๆดีขึ้นเรื่อยๆจนหายจากการป่วยในครั้นนั้นแล้วกลับมาเป็นปกติจนถึงทุกวันนี้
www.watbannongdindum.com