การรบที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี....3 รุุม 1 ?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
17 เมษายน 2567, 00:55:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การรบที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี....3 รุุม 1  (อ่าน 64059 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
chanatip
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2555, 19:50:37 »

การรบที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี

3 รุุม 1





หลังจากกองทัพเวียดนามเหนือเข้ายึดกรุงไซ่ง่อนได้ในวันที่ ปี ๒๕๑๘ เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ได้รวมเป็นประเทศเดียวกัน ไซ่ง่อนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโฮจิมินห์ ประชาชนชาวเวียดนามใต้จำนวนมาก หนีออกนอกประเทศทางเรือมาที่ประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
หลังจากนั้นปี ๒๕๑๙ กองทัพเขมรแดง ได้นำกำลังบุกยึดกรุงพนมเปญได้ ประชาชนชาวกัมพูชา พากันไชโยโห่ร้องต้อนรับกองกำลังเขมรแดง ซึ่งพากันหวังว่าสงครามจะจบสิ้นกันเสียที แต่หลังจากนั้นไม่นานฝันร้ายของชาวกัมพูชาก็เริ่มขึ้น ทหารเขมรแดงปล่อยข่าวลวงว่าสหรัฐจะเอา บี ๕๒ มาทิ้งระเบิด เพื่อแก้แค้นเขมรแดง ให้ประชาชนทุกคนอพยพออกนอกกรุงพนมเปญโดยด่วน ประชาชนถูกพาออกไปเขตชนบท โดยมีแต่เพียงเสื้อผ้าติดตัวไปเพียงชุดเดียวเท่านั้น จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีรายงานว่าประชาชนชาวกัมพูชาเสียชีวิตหลายล้านคนเนื่องจากนโยบายอันสุดกู่ของผู้นำเขมรแดงในตอนนั้น
มีผู้นำเขมรแดงหลายคนไม่พอใจต่อนโยบายนี้ เพราะมวลชนเริ่มหมดความศรัทธาและเริ่มเกลียดชังเขมรแดง นาย ฮุนเซ็น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเขมรแดง แต่ฝักไผ่เวียดนาม (กองกำลังเขมรแดงได้รับการสนับสนุนจากจีน) จึงได้นำกองกำลังเวียดนามเข้ามาโค่นล้มอำนาจของเขมรแดงลง จนเป็นที่มาของสงครามเวียดนามภาค ๒ ต่อมา ซึ่งกินเวลาถึง ๑๐ ปี ซึ่งเป็นสงครามที่ซ่อนเงื่อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา สนามรบไม่ใช่เวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ แต่เป็นเวียดนามกับกองกำลังเฮงสัมริน และฝ่ายกัมพูชา ซึ่งประกอบด้วย ฝ่ายสีหนุ, ซอน ซาน, และเขมรแดง (เขียว สัมพันธ์) ก่อนหน้านั้นเขมรฝ่ายต่าง ๆ ก็รบกันภายใน เพื่อแย่งชิงอำนาจกันอยู่แล้ว แต่คราวนี้หันหน้ามาร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อขับไล่เวียดนาม
ก่อนที่กองกำลังเวียดนามจะบุกกัมพูชานั้น รายงานข่าวจากหน่วยข่าวกรองของไทยแจ้งว่า ทางตอนใต้ของเวียดนามมีการลำเลียงอาวุธและกระสุนจำนวนมหาศาลทางเรือมาจากต่างประเทศ และมีการเคลื่อนย้ายกองกำลังรถถัง และหน่วยทหารที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดของเวียดนาม ซึ่งตามปกติ จะมีที่ตั้งไกล้ ๆ กรุงฮานอยลงมาทางใต้ด้วย
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้มีการประชุมด่วน ของหน่วยความมั่นคงของไทย และผู้นำทางการทหารระดับสูง เพื่อวิเคราะห์และเตรียมรับสถานการณ์ และนาวาตรี ประสงค์ สุ่นศิริ เลขาธิการความมั่นคงของไทยในสมัยนั้น ได้รายการแจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทางเวียดนามกำลังเตรียมกำลังเข้าบุกกัมพูชาแน่นอน และขอการสนับสนุนด้านอาวุธเพื่อเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ทางสหรัฐกลับวิเคราะห์ว่า การเคลื่อนกำลังดังกล่าวเป็นเพียงการสับเปลี่ยนและเพิ่มเติมกำลังเท่านั้น เพราะหลังจากที่เขมรแดงยึดพนมเปญได้ กองกำลังเขมรแดงได้รุกล้ำและโจมตีชายแดนของเวียดนามด้านที่ติดกับเขมร และทางเวียดนามต้องการโจมตีเขมรแดงตามแนวชายแดนเท่านั้น ไม่น่าจะบุกเข้ามาในกัพพูชา


หลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์ที่ไทยคาดไว้ก็เป็นจริง เดือนมกราคม ๒๕๒๑ เวียดนามส่งเครื่องบินรบแบบเอฟ ๕ ที่ยึดได้จากกองทัพอากาศเวียดนามใต้ เข้าโจมตีทิ้งระเบิดจุดยุทธศาสตร์สำคัญในกัมพูชา ตามด้วยเคลื่อนกำลังรถถังจำนวนมาก บุกเข้ามาที่เมืองสำคัญ ตั้งกองกำลังและยึดไว้ จากนั้นค่อยกระจายจากเมืองนั้นไปเมืองนี้ทีละเมือง ๆ ภายใต้ยุทธการ ?ดอกบัวบาน ? ซึ่งทางไทยวิเคราะห์ว่า ประมาณ ๑๕ วัน เวียดนามจะยึดกัมพุชาได้ทั้งประเทศ การบุกเข้ามาในกัมพูชาในครั้งนี้ใช้กำลังมากถึง ๒๑๕ กองพล ทหารประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ คน และรถถังจำนวนหลายร้อยคัน อีกทั้งส่งกำลังประมาณ ๖๐,๐๐๐ คนประจำการในลาวด้วย ( ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องเรื่อง บ้านร่มเกล้า )



จากเหตุการณ์ครั้งนี้นักวิเคราะห์ทางการทหารของไทยและต่างประเทศวิเคราะห์ว่าการส่งกำลังเข้ายึดกัมพูชานั้นเวียดนามน่าจะใช้กำลังประมาณ ๔ กองพล ก็น่าจะเพียงพอ เพราะยังมีกองกำลังอีกจำนวนหลายหมื่นคนของฝ่ายเฮงสัมรินในกัมพูชา ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนมากกว่ากองกำลังเขมรแดงมาก อีกทั้งยังมีอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ และรถถัง ก็เหนือกว่าทางเขมรแดงมาก ซึ่งทำให้มีการตั้งคำถามว่า เวียดนามกำลังคิดอะไรอยู่ และเป้าหมายนั้น ต้องการแค่กัมพูชาเท่านั้นจริง ๆ หรือ

หลังจากเวียดนามส่งกำลังเข้าควบคุมเมืองสำคัญๆ ของกัมพูชาได้หมด นายพล เทียนวันดุงได้ประกาศที่กรุงฮานอยว่า สามารถเข้ายึดกรุงเทพได้ในเวลา ๒ ชั่วโมง ทำให้หน่วยความมั่นคงของไทยแทบจะนอนไม่หลับ อีกทั้งในช่วงนั้นกองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็ยังเป็นปัญหา และทางการไทยกำลังปราบปรามอย่างหนักอยู่ หากต้องมารับมือกับทางเวียดนามอีก ก็จะเป็นปัญหาหนักขึ้น หลังการประชุมของผู้นำระดับสูงทางการทหารของไทย ได้มีการส่งนายทหารของไทยไปกรุงปักกิ่งในทางลับ เพื่อเจรจากับจีน โดยหัวข้อคือ ให้จีนยุติการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และการซื้อน้ำมันมาสำรอง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้รับการตอบรับจากจีนเป็นอย่างดี จีนหยุดการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มีการปิดสถานีวิทยุของ พคท. อีกทั้งจีนยังขายอาวุธหนักให้ไทยในราคาถูกด้วย ซึ่งมีทั้งปืนใหญ่ รถถัง ยานลำเลียงพลหุ้มเหกราะ และเครื่องยิงหนักแบบต่าง ๆ

แต่ไทยก็ต้องทำสัญญาลับกับจีนหลายๆ เรื่อง เพื่อตอบแทนจีน เช่น ไทยต้องสนับสนุนกองกำลังเขมรแดง ไทยต้องร่วมมือกับจีนเพื่อต่อต้านเวียดนามซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโซเวียต ( ในตอนนั้นจีนกับโซเวียตแตกคอกันทางแนวคิด ต่างฝ่ายก็โจมตีกันว่าเป็นคอมมิวนิสต์จอมปลอม ?? จีนก็คอมมิวนิสต์ โซเวียตก็คอมมิวนิสต์ จีนบอกว่าจีนเป็นคอมมิวนิสต์ที่แท้จริง และสมบูรณ์แบบ)


จากนั้นไม่นาน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ เป็นเวลา ๑ ปี หลังจากเวียดนามบุกกัมพูชา กองทัพจีนได้เคลื่อนกำลังพลหลายแสนคนบุกเข้ามาเวียดนามทางตอนเหนือทางเมืองกวานสี ( บางรายงานแจ้งว่าในวันที่กองทัพจีนเคลื่อนกำลังบุกเวียดนามนั้น พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้รับเกียรติให้ร่วมดูเหตุการณ์นั้นด้วย และยังมีรายการว่า พลเอกชวลิต เป็นผู้ลั่นกระสุนปืนใหญ่นัดแรก ยิงใส่เวียดนามด้วย เวียดนามต้องใช้กำลังทหารทั้งประเทศมารับมือจีน ทำให้เวียดนามต้องย้ายกองกำลังบางส่วนออกจากกัมพูชา ซึ่งเป็นกองพลที่ดีที่สุดของเวียดนามด้วย เพื่อรับมือกับจีน จีนประกาศที่สหรัฐอเมริกาก่อนจะบุกเวียดนามว่า จีนจะสร้างบทเรียนให้กับเวียดนามอย่างสาสม ที่บุกเข้าไปในกัมพูชา และยังประกาศว่าเวียดนามเนรคุณจีน เพราะการที่เวียดนามรบชนะฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟู ได้ ก็เพราะได้รับการสนับสนุนอาวุธจากจีน และในสงครามเวียดนามก็ได้รับการสนับสนุนจากจีนด้วย กับอีกข้อหนึ่งก็คือเวียดนามได้ปฏิบัติไม่เหมาะสมต่อชาวเวียดนามเชื้อสายจีน มีการทำร้ายต่อชาวเวียดนามเชื้อสายจีนด้วย จนกลายเป็นที่มาของคำว่า ?สงครามสั่งสอน?

หลังจากที่เวียดนามยึดกัมพูชาได้ ชาวเวียดนามจำนวนหลายแสนคน อพยพเข้ามาประเทศไทย มีการตั้งค่ายผู้อพยพขึ้นเป็นไซต์ต่าง ๆ ซึ่งประชาชนกัมพูชาจะรวมกันตามกลุ่มที่จงรักภักดีตามผู้นำของตน เช่น กลุ่มของเขมรแดง กลุ่มของสีหนุ ในค่ายผู้อพยพเหล่านี้ ได้มีการคัดเลือกประชาชน เอามาฝึกอาวุธมาตั้งค่ายฝึกลึกเข้ามาในเขตไทย และส่งเข้าไปรบกับเวียดนามในกัพูชาอีกต่อหนึ่ง ภายใต้การสนับสนุนจาก สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส จีนและไทย ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่กองทัพเวียดนามเริ่มเคลื่อนกำลังรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย และตั้งกองกำลังตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อต้องการควบคุมแนวชายแดนไทยไว้ทั้งหมด และตัดการส่งกำลังบำรุงของเขมรฝ่ายต่อต้านจากไทย จนเป็นที่มาของ สมรภูมิช่องบก ที่จะกล่าวต่อไป

การที่เวียดนามรุกล้ำเข้ามาในเขตไทยบริเวณช่องบกนั้น เนื่องมาจากทางการเวียดนามต้องการควบคุมชายแดนไทยในดานนี้ไว้ให้ได้อย่างเด็ดขาด เพื่อตัดการสนับสนุนและส่งกำลังบำรุงต่อเขมรแดง ซึ่งครอบครองบริเวณนั้นอยู่ แต่เนื่องจากทางด้านกัมพูชานั้นเป็นที่ราบลุ่ม จึงรุกล้ำเข้ามาเขตแดนไทยประมาณ ๕ กม. มีการตั้งฐานและยึดเนินสำคัญ ๆ ไว้ ดัดแปลงและปรับปรุงตั้งรับการโจมตีเป็นอย่างดี บังเกอร์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีระบบเครื่องปั่นไฟ ตั้งปืนต่อสู้อากาศยาน และจรวดต่อสู้อากาศยาน อีกทั้งรายล้อมด้วยฐานปืนใหญ่ที่พร้อมให้การยิงสนับสนุนตั้งไว้ในลาวและกัมพูชา เพื่อรับมือกับไทยอย่างเต็มที่ บริเวณช่องบกนี้เป็นเขตพรมแดนต่อกันของ ๓ ประเทศคือ ไทย ลาว และกัมพูชา และมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า สามเหลี่ยมมรกต บนเขาพระวิหารทางเวียดนามได้ใช้เป็นคลังอาวุธ หากใครได้มีโอกาสขึ้นไปบนปราสาทเข้าพระวิหาร จะสังเกตุว่ามีปูนซิเมนต์ปิดยาไว้ ตามปราสาทหลายแห่ง เพื่อป้องกันน้ำรั่ว ซึ่งเป็นผลงานของทหารเวียดนาม





ช่องบก ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี. เป็นพื้นที่ชายแดนซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกัน ๓ ประเทศ คือ ไทย,ลาว,กัมพูชา มีทิวเขาพนมดงรัก กั้นเป็นแนวเขตแดน มีเส้นทางติดต่อเดินข้ามไปมาหากันได้ ลักษณะภูมิประเทศเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน มีป่าทึบยากแก่การตรวจการณ์ ทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ ใช้เป็นแหล่งซ่อนพราง และกำบังเป็นอย่างดี

ปี พ.ศ.๒๕๒๙ กองกำลังสุรนารี ได้ใช้กำลังเข้าผลักดันและขับไล่กองกำลังต่างชาติ ตามแผนยุทธการ ดี-๘ เนื่องจากภูมิประเทศเป็นเขาสูงชันป่ารกทึบ มีทุ่นระเบิด กับระเบิดในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทำให้ฝ่ายไทยประสบความยากลำบากในการเคลื่อนที่ และการดำเนินกลยุทธ์ ฝ่ายไทยสามารถผลักดันฝ่ายเวียดนามให้ถอนตัวออกจากที่มั่นบนเนินดังกล่าว แต่ฝ่ายเวียดนามยังคงควบคุม และยึดพื้นที่บริเวณเนิน ๕๐๐,๔๐๘,๓๘๒ และ ๓๙๖ อยู่

เมื่อ ธ.ค.๒๕๒๙ กองกำลังสุรนารี ได้กำหนดแผนยุทธการ ดี-๙ ใช้กำลังเข้าตีเพื่อผลักดัน และทำลายฝ่ายตรงข้าม ที่ยังยึดพื้นที่อยู่ โดยใช้กำลังจาก กรมทหารราบที่ ๑๖ (กองพันทหารราบที่ ๑๖๒) ปฏิบัติการเข้าตีในห้วง ม.ค.-ก.พ.๒๕๓๐ ถึง ๓ ครั้ง สามารถยึดที่หมาย เนิน ๓๙๖ ได้ ต่อมาได้จัดกำลังเพิ่มเติมจาก กรมทหารราบที่ ๖ (กองพันทหารราบที่ ๖๐๓) วันที่ ๒๕ มี.ค.๒๕๓๐ ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติการโดยใช้กำลัง กองพันทหารราบที่ ๑๖๒ กองพันทหารราบที่ ๖๐๓ และกองกำลังทหารพราน เข้าตีต่อที่หมาย เนิน ๔๐๘ และเนิน ๓๘๒ รวมทั้งใช้กำลังจาก ร้อยลาดตระเวณระยะไกล กองกำลังสุรนารี จัดกำลังเป็นชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก ทำการโจมตีที่หมาย หลังเนิน ๔๐๘ ของฝ่ายเวียดนาม ฝ่ายไทยสามารถตีที่หมายได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถรักษาที่หมายได้ เนื่องจากถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง อย่างหนาแน่น จึงต้องถอนตัวออกจากที่หมาย

วันที่ ๑ เม.ย.๒๕๓๐ กองทัพภาคที่ ๒ ได้จัดตั้งที่บัญชาการทางยุทธวิธีขึ้น เพื่อควบคุม และอำนวยการยุทธ ออกแผนยุทธการเผด็จศึก สั่งใช้กำลังส่วนต่าง ๆ จากกองทัพภาคที่ ๒ ประกอบด้วย ๕ กองพันทหารราบ, ๑ ร้อยลาดตระเวณระยะไกล, ๒๗ ร้อยทหารพราน., ๑ ร้อยรถถัง สนับสนุนด้วย ปืนใหญ่ และกำลังทางอากาศ กองพลทหารราบที่ ๖ ได้รับคำสั่งให้จัดกำลังเพิ่มเติม จากกรมทหารราบที่ ๖ และกรมทหารราบที่ ๒๓ วันที่ ๑๔ เม.ย.๒๕๓๐ กำลังฝ่ายไทยใช้กำลังทุกส่วนทำการเข้าตีที่หมาย เนิน ๕๖๕,๔๐๘,๕๐๐,๓๘๒ และ ๓๗๖ โดยพร้อมกัน ในขั้นต้นฝ่ายไทยสามารถเข้าที่หมายเนินต่างๆ โดยได้รับการต้านทานอย่างเบาบาง ต่อมาฝ่ายเวียดนาม ได้ทำการตีโต้ตอบ ระดมยิงด้วย ปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และ ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ใช้กำลังเข้าตีเป็นละลอก และต่อเนื่อง ฝ่ายไทยซึ่งมีเวลาจำกัดในการดัดแปลงที่มั่น ขาดความหนุนเนื่อง ในการส่งกำลัง เส้นทางยากลำบาก ไม่สามารถต้านทานได้ จึงทำการถอนกำลังออกจากที่หมายเนินต่าง ๆ

ภายหลังจากการเข้าตีในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้พัฒนาแนวความคิดทางยุทธวิธี ในการเข้าสู่ที่หมาย ด้วยการใช้กำลังในลักษณะชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก เคลื่อนที่แทรกซึมเข้าหลายทิศทาง ทำการ ลาดตระเวณซุ่มโจมตี เจาะเส้นทางเข้าหาที่มั่น และริดรอนกำลังฝ่ายตรงข้ามให้อ่อนกำลังลง ห้วง พ.ค.-มิ.ย.๒๕๓๐ ฝ่ายไทยได้ใช้กำลังเป็นชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก ทำการเข้าตีต่อที่หมาย เนินต่าง ๆ ในลักษณะการยุทธแบบป้อมค่าย สามารถยึดฐานที่มั่น ฝ่ายเวียดนามได้บางส่วน ขุดคูติดต่อเจาะเข้าหาฐานที่มั่น กดดันฝ่ายเวียดนามอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งฝ่ายเวียดนามได้ถอนกำลัง ออกจากที่หมายเนินต่างๆ และแนวเขตประเทศไทย ในปลายปี พ.ศ.๒๕๓๐

การปฏิบัติการรบที่ช่องบก ตั้งแต่ ม.ค.๒๕๒๘-ธ.ค.๒๕๓๐ ฝ่ายไทยได้สูญเสีย กำลังพล เสียชีวิต ๑๐๙ นาย บาดเจ็บ ๖๖๔ นาย


สถานการณ์ในช่วงแรกของการรบ เวียดนามเป็นฝ่ายได้เปรียบ การรุกของฝ่ายไทยทำได้อย่างจำกัดและยากลำบากเพราะเป็นป่าทึบ และเวียดนามได้วางกับระเบิดไว้จำนวนมาก นอกจากนั้นแหล่งน้ำบริเวณดังกล่าวยังถูกเวียดนามใส่สารพิษลงไป ซึ่งสารตัวนี้จะมีฤทธิ์ถึง ๓ ปี ถึงแม้น้ำจะแห้งไปแล้วก็ตาม ซึ่ได้มีการส่งตัวอย่างน้ำไปให้กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ทำการตรวจสอบและผลยืนยันว่าน้ำทุกแหล่งที่ส่งมามีสารพิษเจือปน ปัญหาหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับทางไทยเป็นอย่างมาก็คือเรื่องกับระเบิด ซึ่งเป็นชนิดใหม่ มีขนาดเล็ก ไม่ต้องใช้การฝังแบบปกติ แต่เป็นลูกเล็ก ๆ ซึ่งทางเวียดนามจะส่งกองกำลังแทรกซึมเข้ามาเป็นชุดเล็ก ๆ นำระเบิดมาวางตามแนวป่า และพงหญ้า และถอนกำลังออกไปอย่างรวดเร็ว ระบิดแบบนี้ไม่ทำให้ถึงตาย แต่ทำให้ทหารที่เหยียบขาขาดไปเกือบถึงหัวเข่า ซึ่งทหารที่บาดเจ็บส่วนมาก เนื่องมาจากกับระเบิด

จากรายงานของทหารบางหน่วยแจ้งมาว่าทางเวียดนามมีความสามารถในการรบกวนการติดต่อสื่อสารและเลียนเสียงระบบการสื่อสารของไทย ทันทีที่ทหารไทยติดต่อสั่งการกันทางวิทยุ ทหารเวียดนามจะยิงปืนใหญ่ใส่แหล่งกำลังเนิดเสียงทันที ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างลำบาก ซึ่งระบบนี้ เวียดนามน่าจะได้มาจากโซเวียต ทำให้ทางไทยปรับกลยุทธใหม่ ให้การติดต่อสื่อสารเป็นความลับมากขึ้น และลดการใช้วิทยุสื่อสารลง

ทางเวียดนามยังรุกกลับด้วยการส่งกำลังเข้าตีฐานทหารไทยอย่างหนัก โดยใช้ฐานปืนใหญ่ในลาวและกัมพูชายิงสนับสนุน ซึ่งทำให้การรบที่ช่องบกนี้มีความรุนแรงมาก กำลังส่วนต่าง ๆ จากกองทัพภาคที่ ๒ ของไทยถูกส่งเข้ามาในพื้นที่สู้รบอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนด้วยกองกำลังทหารพรานจากค่ายปักธงชัย และหน่วยรบพิเศษจากลพบุรี ถูกส่งเข้าไปในลาวและกัมพูชา เพื่อค้นหาฐานที่ตั้งปืนใหญ่ และทำลายระบบการส่งกำลังบำรุง ในช่วงแรกของการรบฝ่ายไทยเสียเปรียบในการรบมาก แนวคิดการรบแบบเดิม ๆ ที่ทุ่มกำลังทหารจำนวนมาก การยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ และเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ข้าศึก ไม่ได้ผล เพราะทางฝ่ายเวียดนามมีการตั้งรับอย่างดี และโต้ตอบกลับอย่างหนัก ถึงแม้ทางไทยจะสามารถตีฐานของเวียดนามแตก แต่ก็ไม่สามารถที่จะยึดฐานได้ ทำให้แนวคิดการรบแบบป้อมค่าย ที่เคยใช้ได้ผลจากการรบที่เขาค้อ ถูกนำมาใช้กับการรบที่ช่องบก โดยฝ่ายไทยใช้การวางกำลังและระบบส่งกำลังสนับสนุนในแนวหลังให้มั่นคง และต่อเนื่อง จากนั้นใช้ทหารพราน ลาดตระเวณซุ่มโจมตีและแทรกซึมเข้าหาฐานข้าศึกอย่างช้าๆ โดยขุดบังเกอร์เข้าเกาะติดข้าศึกรวมถึงการซุ่มโจมตีฝ่ายเวียดนาม จากวีดีโอที่ทหารไทยบันทึกไว้ในการเข้าตีฐานของทหารเวียดนามแห่งหนึ่งนั้น ซึ่งมีทหารเวียดนามประมาณ 1 กองพันครอบครองอยู่และเป็นทหารภูเขา ทหารพรานจะขุดบังเกอร์รุกเข้าหาฐานทหารเวียดนามอย่างต่อเนื่องและไม่ยิงปะทะโดยไม่จำเป็น เมื่อเข้าไกล้ในระดับหนึ่งจะหยุด แล้วส่งกำลังและอาวุธเข้ามา ตรึงกำลังแบบเผชิญหน้าไว้ แบบมองเห็นหน้ากันได้เลย ทำให้ฝ่ายเวียดนามสับสนและพะว้าพะวง เพราะไม่ทราบว่าทหารไทยจะเอายังไง อีกทั้งยังอยู่ในระยะไกล้ฐาน ยากต่อการยิงปืนใหญ่ การเกาะติดฐานของทหารไทยโดยไม่เข้าโจมตี ทำให้ฝ่ายเวียดนามกดดันเป็นอย่างมาก ทางไทยได้ตั้งฐานปืนใหญ่สนับสนุนการเข้าตีซึ่งได้รับการพรางเป็นอย่างดี และปืนใหญ่สำหรับการยิงถล่มตอบกลับฐานปืนใหญ่ของเวียดนาม เมื่อทางไทยพร้อม กลางดึก ได้ส่งยิงปืนใหญ่และเครื่องบินรบแบบเอฟ ๕ เอฟ เข้าทิ้งระเบิดอย่างหนัก และได้เข้าตีฐานในตอนไกล้รุ่งเช้า การสู้รบเป็นไปอย่างหนักหน่วง ฐานของทหารเวียดนามในเขตลาวถูกทางไทยตรวจพบ และถูกระดมยิงปืนใหญ่ถล่มอย่างหนัก ทำให้ฐานปืนใหญ่ของเวียดนามและคลังกระสุนถูกถล่มราบทั้งฐาน เปลวไฟจากการระเบิดของคลังกระสุนของเวียดนาม มองเห็นได้จากระยะไกล ซึ่งการยิงถล่มครั้งนี้ทางไทยใช้เครื่อง แอล ๑๙ ในการลาดตระเวณและรายงานการยิง ซึ่งเป็นไปได้อย่างแม่นยำ จากการตีฐานครั้งนี้ ยึดศพทหารเวียดนามได้ 4๔๕ ศพ จับได้อีก ๑๒ คน ยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์จำนวนมาก รวมทั้งจรวดแซมแบบยิงประทับบ่าด้วย ทหารเวียดนามแตกถอยกลับเข้าไปในกัมพูชา

หลังจากสูญเสียฐานหลายแห่ง ทหารเวียดนามเริ่มถอนทหารออกไปจากพื้นที่กลับเข้าไปตั้งในกัมพูชา เนื่องจากการสูญเสีย และการส่งกำลังบำรุงที่ถูกรบกวนจากในเขตกัมพูชาเอง จากเขมรแดง และกองกำลังไม่ทราบฝ่าย กองกำลังเขมรแดงได้เข้าตีฐานของทหารเวียดนามที่ตั้งในเขตกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนการยิงปืนใหญ่จากฝั่งไทย ทำให้เวียดนามถูกตีขนาบ จึงต้องถอนกำลังกลับเข้ามาในเขตกัมพูชาเหมือนเดิม หลังจากนั้นทางไทยได้เข้ามายึดและตั้งแนวป้องกัน เนินต่างๆ อย่างแน่นหนา เป็นอันสิ้นสุดของการรบอันดุเดือดที่สุด

การที่เวียดนามอาจหาญเข้ามายึดเขตแดนไทยในบริเวณช่องบกนี้ มีนายทหารเวียดนามบางส่วนก็ไม่เห็นด้วย เพราะถึงแม้ตำแหน่งที่ตั้งได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ยากต่อการเข้าตีของไทย แต่ด้านการส่งกำลังบำรุงด้านกัมพูชานั้น ยังไม่สามารถปราบกองกำลังเขมรแดงได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะถูกเขมรแดงรบกวนการส่งกำลังบำรุงได้ อีกทั้งในเขตลาวนั้น ก็ยังมีการเคลื่อนไหวของกองกำลังลาวเสรีอยู่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติการของเวียดนามในลาวด้วย แต่ผู้นำทางการทหารของเวียดนาม มั่นใจในความเข้มแข็งทางการทหาร และประสบการณ์รบของตน ข้อขัดค้านนี้จึงไม่เป็นผล แต่ก็เป็นจริงและเป็นที่ประจักษ์จากการรบในเวลาต่อมา...






ย่อ...


เรื่องเล่าจากสมรภูมิช่องบก.....
เมื่อครั้งมีสถานะการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อสามประเทศ(สามเหลี่ยมมรกต ไม่ใช่สามเหลี่ยมทองคำ) ได้แก่ ไทย - ลาว - เขมร เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ เชื่อได้ว่าขณะนั้นหลายคนยังไม่เกิดและยังเชื่ออีกว่าน้อยคนนักที่จะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าศึกษาไว้อย่างยิ่งในฐานะคนไทย....


การรบครั้งนั้นเป็นการนำโดย ทภ.๒ และ กกล.สุรนารี สถานการณ์โดยทั่วไปคือ ทหารเวียดนามได้เข้ามามีอิทธิพลในเขมร(เริ่มจากสงครามภายในเขมรเองเป็นการรบกันของเขมร ๓ ฝ่าย รวมถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ จากนั้นฮุนเซนได้หนีไปพึ่งใบบุญของเวียดนาม และได้นำเวียดนามมาฆ่า พี่ - น้องของตนเองที่มีเชื้อสายเดียวกันกับตนเอง) ทำให้มีเขมรบางกลุ่มหนีมาสร้างที่มั่นตามแนวชายแดนไทย - เขมร โดยเฉพาะช่องบก ดังนั้นบริเวณนี้จึงเป็นที่หมายโจมตีของทหารเวียดนาม และทหารเวียดนามยึดที่หมายได้สำเร็จจนทั่วบริเวณช่องบกและได้มีการลุกล้ำอธิปไตยของไทยโดยการสร้างฐานที่มั่นลุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทย บางแห่งรุกเข้ามากว่า ๕ กิโลเมตร
เมื่อ ๒๕๒๙ ทภ.๒ โดย กกล.สุรนารี ได้ใช้กำลังผลักดันและขับไล่กำลังส่วนนี้ออกไปจากผืนแผ่นดินไทยให้สิ้น.. และสามารถกระทำได้สำเร็จเมื่อปีงบประมาณ ๒๕๓๒ ระยะเวลาประมาณ ๔ ปี .... ผลจากการปฏิบัติการรบด้วยระยะเวลาอันยาวนานในครั้งนั้นทำให้มีทหาร - หาญที่ยอมสละชีพเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของคนไทย เป็นจำนวนไม่น้อย......ข้าพเจ้าและคนไทย ขอไว้อาลัยด้วยความปลื้มปิติและสำนึกในบุญคุณของวีระบุรุษทหารกล้าทั้งหลายเหล่านั้น..

ข้อสังเกตุในบทเรียนจากสมรภูมิช่องบก คือ...
๑. เขมรเป็นชนชาติที่ไว้ใจไม่ได้ เพราะว่าสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งเลือดเนื้อของตัวเองถือว่าเลวสุดๆ ไทยอย่าได้เอาอย่าง
๒. เขมรยอมให้ต่างชาติเข้ามายึดได้แม้กระทั่งประเทศที่เรียกว่าเป็นบ้านเกิดของตัวเอง ไทยอย่าได้เอาอย่าง
๓.การรบในคราวนั้นจะสำเร็จไปไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทหาร - หาญ ทุกนาย ตลอดจนกลุ่มประชาชนที่ร่วมรบในครั้งนั้น ซึ่งไดแก่ ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ไทย กลุ่มพลังมวลชน ฯลฯ


สรุป
เมื่อยามเกิดศึกสงครามคราใดคนไทยไม่เคยทรยศแผ่นดิน จะสู้จนใจขาดดิ้นก็ไม่ยอมสิ้นแผ่นดินที่กลบหน้า รวมพลังทหาร - หาญและชาวประชา เพื่อรักษาปฐพีที่มีไท


* 75254815583.jpg (36.71 KB, 416x320 - ดู 9254 ครั้ง.)

thxby7771บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน, uthai08
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2555, 13:39:00 โดย อ.แดน » บันทึกการเข้า
chanatip
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2555, 19:54:10 »

เป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าที่คนอุบลไม่ควรลืม


และในเหตุการณ์นี้  ทางกระผมก็ได้เสียญาติสนิทที่รู้จักไป 1 คน เพราะเหยียบระเบิด

และคุณพ่อก็ได้เสีย ลูกน้องคนสนิทไปถึง 12 คน ในการศึกครั้งนี้ 

thxby7772เล็ก หัวตะเข้
บันทึกการเข้า
หมู่ต้อม
Sr. Member
****

พลังน้ำใจ : 118
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 103

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 8 : Exp 19%
HP: 0%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2555, 20:20:05 »

สุดยอดไปเลย อาจารย์ให้ความรู้อีกแล้ว

บันทึกการเข้า
คนโก้
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 687
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 678

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 21 : Exp 12%
HP: 0%



"ทางไปสวรรค์มันฮก ทางไปนรกมันแปน"

ego-2519@hotmail.com
ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2555, 20:32:58 »

ไม่มีภาพบรรยากาศงามๆที่ช่องบกบ้างเหรอครับ wan-e042

บันทึกการเข้า

"ขุนผู้หาญคองเมืองจั่งเฮืองฮุ่ง  ขุนขี้ย่านคองบ้านบ่ฮุ่งเฮือง"
chanatip
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2555, 21:11:09 »

ต่อ......  เสริมจากด้านบน มุมมอง ทหารที่ไปรบ........

ลาว-เขมร-เวียดนาม รุม ไทย ในสงคราม 3-1

ไม่มีใคร(ชาติ) ไหนที่อยากเข้าสู่สงคราม
ในทางเดียวกันเมื่อมีการสู้รบ ก็ไม่มีใคร
ที่อยากเป็นผู้แพ้และสูญเสีย ... ไม่มีใครกล่าวเอาไว้ แต่ผู้เขียนกล่าวเอง


การรบที่สมรภูมิ ร่มเกล้า และ ช่องบก เป็นตัวอย่าง ความไม่รู้ เป็นคำตอบที่นายทหารระดับ ผบ.เหล่าทัพปฎิเสธไม่ได้
คนที่บอกว่าเราชนะ หรือเสมอ ในครั้งนั้น มันหลอกตัวเอง



ความเก่งกาจของทหารปืนใหญ่ไทยที่เคยลือลั่นไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ในการยุทธที่ร่มเกล้า-ช่องบก หมดแล้ว
สิ้นลาย ราชาแห่งสนามรบ เพราะความอ่อนด้อย และขาดความเป็นมืออาชีพ หลงตัวว่าข้าเก่งกาจ แต่ง
เครื่องแบบหล่อเท่ห์ ถอดแบบ มาจากประเทศลูกพี่ชาติมหาอำนาจ

หลอกตัวเองว่ารู้ทันข้าศึก แต่ทว่า...ข้าศึกกลับรู้หมดทุกอย่าง รู้ว่าเราจะทำอะไร รู้ว่าเราจะรบแบบไหน รู้ว่าเราคิด
อย่างไร รู้ว่าเราเรียนจากตำราเล่มไหน รู้ๆๆๆๆๆๆ รู้ไปหมด ส่วนเรานั้น ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ และก็ ไม่รู้ ไม่รู้แม้กระทั้งทหาร
ที่เรารบด้วยนั้น ทหารลาวหรือทหารเวียดนาม เอ?? หรือทหารคิวบา หรือรัสเซีย..ช่างเถอะ เอาเป็นว่าผลการรบออก
มาในแบบที่เรารู้ๆกันอยู่

ในระหว่างการรบเราสูญเสียมากมายเพราะ ลาวอยู่ในยุทธภูมิที่เหนือกว่า นั้นคือเนิน 1428 ตามที่ได้กล่าวมา

กองทัพไทยเราจึงอยู่ในระยะยิง จะยิงปืนใหญ่หรือทิ้งระเบิดทำลายก็ไม่สำเร็จ เพราะไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัด
ว่ากันว่าเรายิงจนกระสุนปืนใหญ่(สำรอง) เกือบหมดกองทัพเลยทีเดียว(ใช้ปืนใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการ
ครั้งนี้ 7 กองร้อย รวมกระสุน ปืนใหญ่ที่ใช้ไปทั้งหมด 21,791 นัด)
แม้จะพยายามใช้ทหารราบตีขึ้นเขาก็ทำได้ยาก ตอนนั้นทางไทยเองก็ยืนยันแน่ชัดที่จะไม่ให้ มีการรบบานปลาย
เข้าไปถึงในแดนลาว ทำให้เราเหมือนเป็นเป้ายิงของปืนใหญ่ทหารลาว ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า





ช่องบก
มกราคม 2528 - ธันวาคม 2530


เขตสามเหลี่ยมมรกต ชายแดนไทย-ลาว-กัมพูชา ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี. เป็นพื้นที่ชายแดน
ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกัน 3 ประเทศ คือ ไทย,ลาว,กัมพูชา มีทิวเขาพนมดงรัก กั้นเป็นแนวเขตแดน มีเส้นทางติดต่อเดิน
ข้ามไปมาหากันได้



ลักษณะภูมิประเทศเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน มีป่าทึบยากแก่การตรวจการณ์ ทั้งทางพื้นดินและทางอากาศใช้เป็นแหล่ง
ซ่อนพราง และกำบังเป็นอย่างดี


ในสมรภูมิการรบ ฝ่ายตรงข้ามยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ ... จะยิงถล่มเป็นชุด 50 นัดบ้าง ... 100 นัดบ้าง ... 200 นัดบ้าง ...
เป็นการรบแบบจิตวิทยา (ใช่ปืนใหญ่ยิงใบปลิวข้ามมา ... มีใจความประมาณว่า ...อยากเจอหน่วยทหารไทยที่รบเก่ง
ที่สุดของประเทศไทย )
ปืนใหญ่ที่ทหารไทยใช้ยิงเป็นระยะพิสัยใกล้ ... เมื่อยิงแล้วต้องรีบเก็บพ่วงใส่ท้ายรถ ... ขับหนีออกจากจุดยิง ... เพราะ
ภายในไม่ถึง 2 นาที ... จะโดนสวนด้วยปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้าม ... ส่วนฐานปืนใหญ่พิสัยไกลของไทยจะตั้งอยู่ที่ บ้าน
เก่าขาม อ.น้ำยืน ...ก่อนถึงอำเภอน้ำยืนประมาณ 10 - 20 กม. ... อีกแห่ง ที่ บ้านแปดอุ้ม ... และเมื่อลึกเข้าไปในพื้นที่
ทำการรบ ... การส่งกำลังบำรุงและเสบียงทำได้เพียงการเดินเท้าเท่านั้น ... โดยใช้ล่อเป็นสัตว์บรรทุก

บันทึกการรบ ที่รุนแรงมากเหตุการณ์หนึ่ง ... ใน 1 หมู่ทหารพราน ... ที่ไปกัน ... ถูกซุ่มอยู่ 3 วัน ... ต้องกินฉี่ตัวเอง
... กินเลือดของเพื่อนที่ถูกยิง ... สุดท้ายต้องทิ้งศพเพื่อนไว้แล้วฝ่าออกมาตอนกลางคืน ... รอดมาได้ 2 คน ... ปะทะกัน
จะจะ มองเห็น ในกลุ่มของทหารเวียตนามและเขมร ... มีทหารฝรั่ง (คิวบา,รัสเซีย) ปนอยู่ด้วย





ความสูญเสีย
... ทุกครั้งที่มี ฮ. มาลงที่ ลานสวนสนาม ร.6 พัน 3 ... ลูกเมียเหล่าทหารจะวิ่งกันวุ่นวายเพื่อไปดูว่า ... มีคนที่เรารักอยู่
ในนั้นด้วยหรือปล่าว ... ถ้ากลับมาทาง ฮ. ถึงแม้จะหนักมากแต่ก็มีโอกาสรอด ... เพราะถึงมือหมอ ... แต่หากกลับมากับ
ขบวนรถ ยีเอ็มซี ... เป็นไปได้ 2 ทาง คือ ... สับเปลี่ยนกำลังพล หรือไม่ก็เป็นศพกลับมา
... ที่โรงพยาบาล อ.นาจะหลวย ... ข่าวเล่าว่า ... ศพทหารกองกันจนสูงเกือบเท่าหลังคา รพ. (ชั้นเดียวในตอนนั้น) ...
ต้องใช้ผ้าใบคลุมไว้กันอุจาดตา

ทหารจากค่ายบดินทร์เดชา ร.16 พัน 2 จ.ยโสธร ถูกข้าศึกลวงเข้าพื้นที่สังหาร
พลาญหิน ... บริเวณที่ทหารไทยถูก ละลาย ทั้งกองร้อย

พวกญวนมันยกมาแต่ละที 300 กว่าคน ทหารไทยแค่ 80 คน





ผู้หมวด พี่จ่า ผู้หมู่ เพื่อน น้อง หลายท่าน จาก ร.16 พัน 2 ....พิการ...พลีชีพที่นี่...

ช่วง ที่ผมประจำการอยู่นั้น การรบ เริ่มเพิ่มความรุนแรง...ก่อนผลัดเปลี่ยนกำลัง ไม่ถึงเดือน ก็ถึงขั้นดุเดือด และความ
สูญเสียมากขึ้น...พี่จ่านพดล ผบ.หมู่ ของผมเสียตาไปข้างนึง ..หมวดบูรพา นายทหารหนุ่มจากรั้ว จปร.โดนเคย์โม เละ
ทั้งตัว ...เพื่อนๆ เสียชีวิต เหยียบกับระเบิด..โดนกระสุนปืนใหญ่...มีทั้งลาวขาว-ลาวแดง ...เขมรขาว-เขมรแดง ยุ่ง
กันไปหมด ...หมู่บ้านแถวนั้นเหมือนบ้านร้าง...กระสุนปืนใหญ่ จากฝั่งข้าม หลุดเข้ามาเป็นประจำ....

2-3 เดือนหลังปลดประจำการ ผมไปรับหนังสือรับรองที่กองพัน....สภาพกองพันเหมือนค่ายร้าง...จ่ากองร้อยบอกผม
ว่า เอ็งโชคดี ที่ปลดก่อน รุ่นน้องเอ็ง เจ็บ-ตาย เหลือไม่กี่คน

หมอ (เสนารักษ์)บอกว่า ศพทหารเรียงเต็มชั้นล่างโรงนอนหน่วยฝึกทหารใหม่เลย เป็นการเล่าจากความทรงจำในครั้งอดีต




thxby7779คนโก้, uthai08
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2555, 09:12:58 โดย อ.แดน » บันทึกการเข้า
aon-ubon
Sr. Member
****

พลังน้ำใจ : 202
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 219

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 11 : Exp 97%
HP: 0%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2555, 09:58:09 »

ขอสดุดีวีรชนทหารกล้าทุกท่านครับ

thxby7798เล็ก หัวตะเข้, ส่องสนามเมืองนักปราชญ์
บันทึกการเข้า
chanatip
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2555, 10:10:36 »

เรื่องนี้จริงๆ ยาว เพราะเกี่ยวเนื่องกันมาจาก สงครามเวียดนาม สงครามเขรมแดง จนมาจบที่ช่องบก (จริงๆ ยาวกว่านี้อีก ตัดมาเท่าที่เกี่ยวกับเรา )ลองค้นๆ ดูกันนะครับ  ได้อารมณ์มาก

รายละเอียดน่าสนใจมาก  จุดจบจริงๆ อาจเป็นเพราะยุทธวิธี กระโดดร่มหลังแนวข้าศึก  หรือเพราะจีนช่วยลงมารบกับเวียดนาม ก็เป็นได้ครับ

อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์  ที่มีอุบลราชธานีเป็นปราการด้านสำคัญ  

ผมมองว่า นี่คือเหตุการณ์สำคัญ  ที่อาจทำให้เรา  เสียประเทศไทย  ทั้งประเทศเลยครับ แบบไม่ทันตั้งตัว  

และขอสรุปว่า  นี้คือ  สงคราม ไทย เวียดนาม อย่างแท้จริง  ที่ได้เกิดขึ้นแล้วทางกลยุทธ


thxby7799uthai08
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2555, 10:27:33 โดย อ.แดน » บันทึกการเข้า
chanatip
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2555, 10:30:54 »

เสริม........

ทหารเวียดนามบุกโจมตีไทย 3 ช่องทางจากด้านเขมรครับ
คือ
1. ช่องบก, ช่องจอม ด้าน จ.สุรินทร์ เป็นช่องเขามีหน้าผาสูงชันเป็นเขตรับผิดชอบของทหารบก
2. อ. ตาพระยา อ.โคกสูง อ. อรัญประเทศ จ.ปราจีนบุรี(ปัจจุบันแยกเป็น จ.สระแก้ว) เขตรับผิดชอบทหารบก
3. เชียงราก, หาดเล็ก อ. เมือง, อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เป็นเขาสูงชัน สลับที่ราบและชายหาดชายทะเล เขตรับผิชอบของทหารนาวิกโยธินกองทัพเรือ
ทาง 3 ทางถูกทหารเวียดนามตีแตกทั้งหมดในช่วงแรก แต่ก็สามารถผลักดันทหารเวียดนามออกไปได้ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็เสียหายอย่างหนัก ว่ากันว่าถ้าจีนไม่ช่วยโจมตีขนาบทางเหนือของเวียดนาม ไทยก็ไม่อาจจะรู้ชะตากรรม
ทำให้เวียดนามไม่อาจแก้แค้นไทยได้ที่สมัยโบราณยกไปเผาเวียดนามบ่อยครั้ง หวังว่าคงไม่มีรายการแก้แค้นกันอีกนะครับ เวรย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร


พูดถึงการรบในพื้นที่ทั้ง 3 ทาง เป็นดังนี้ครับ
1. ด้าน จ.สุรินทร์ ทหารเวียดนามเสียเปรียบอยู่ในที่ต่ำ ต้องปีนเขาเข้าโจมตีทหารไทยล่าถอยออกไป เวียดนามเข้ายึดพื้นที่ได้ไม่นานก็ถูกโต้กลับต้องล่าถอยออกไปสูญเสียกำลังอย่างมาก
2. ด้าน จ.สระแก้ว เป็นที่ราบลุ่ม ไม่มีปราการธรรมชาติป้องกัน ชัยภูมิทั้ง 2 ฝ่ายเหมือนๆกัน ทหารไทยถูกตีแตกตลอดแนว มีการดวลปืนใหญ่ และรถถังกันนานหลายเดือน รถถังทั้ง 2 ฝ่ายถูกทำลายไปหลายคัน เหตุการณ์วิกฤติมาก ถ้าต้านไม่อยู่เวียดนามจะมาถึงกรุงเทพไม่ยากเนื่องจากมีระยะทางห่างเพียง 150 กิโลเมตร ทั้ง 2 ฝ่ายสูญเสียอย่างหนักแต่ไทยก็ขับไล่เวียดนามออกไปได้
3. ด้าน จ.ตราด ถ้าใครเคยไปเที่ยวเดินทางไปจากกรุงเทพ จะเห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีลักษณะเป็นที่ราบแคบยาวด้านซ้ายเป็นเขาสูง ด้านขวาเป็นชายหาดเป็นทะเล
ฝ่ายไทยตั้งรับอยู่บนสันเขา แต่ถูกเวียดนามโจมตีถอยร่นออกจากพื้นที่ การยึดพื้นที่คืนยากมากกว่าด้านอื่นๆ เนื่องจากเวียดนามได้เปรียบตั้งปืนใหญ่และปืนกลหนักไว้ตลอดสันเขา ถนนสาย อ.เมือง-บางกระดาน-อ.คลองใหญ่ ซึ่งมีเส้นเดียว ถูกยึดตั้งด้านห้ามประชาชนเข้า-ออกพื้นที่ เกือบทั้งจังหวัดตกอยู่ภายใต้การยึดครอง การผลักดันของฝ่ายไทยช่วงแรกใช้ทหารนาวิกโยธินยกพลขึ้นบกแต่ทำไม่ได้ เนื่องจากเวียดนามยิงสกัดหนาแน่นสูญเสียอย่างหนัก จึงเปลี่ยนแผนโดยให้ทหารปลอมตัวเป็นชาวประมงหาปลาไปกับเรือเล็กๆแบบที่ชาวบ้านใช้แล้วฝั่งตัวในพื้นที่จนมีคนมากพอก็เปิดฉากโจมตีทหารเวียดนาม โดยยิงปืนใหญ่จากเรือสนับสนุนจนทหารเวียดนามถอยร่นข้ามเขากลับเขมรไป

thxby7800เล็ก หัวตะเข้, uthai08
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!