?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
26 เมษายน 2567, 07:20:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

  แสดงกระทู้
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 45
16  มุมนักอ่าน ลานนักเขียน / ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ / Re: รวบรวมกลอน (อีสาน) ต่างๆ เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 16:10:46
พระเวสรับขันธ์นิมนต์
พอเมื่อชาวเมืองไหว้วิงวอนเว้าค่อง  ขันนิมนต์ซ่อซ้องขอให้เข้าต่าวเมือง  คำเคืองแค้นเฮาได้จำจาก  ความโกรธกล้าเฮาสิได้ผ่อนผัน  แสนอันชาวเมืองก้มสมมายอมโทษ  เฮาผู้เป็นมิ่งบ้านใจกว้างเกิ่งพระอินทร์  พอได้ยินเขาเว้าลงยอมหมดทุกอย่าง  พรหมวิหารก่อเกื้อใจกว้างแผ่ผาย  ควรเฮาหายเคืองแค้นคืนเมือบ้านเก่า  มันหากเป็นเหล่าเฮื้อสิเมือตุ้มไพร่พล  ให้ข่อยอยู่ดีเยอฝูงสัตว์สาเนานอนค้าง  เขาวงเวระวาสถ้ำเถื่อน  ผาแผ่นล้านหลายซั้นหน่วยดอย  หอคอยทั้งสิ้นอินทร์แปลงทานทอด  ทุกหย่านฐานที่เฮาพัก  ยั้งนอนเล่นค่ำเย็นกลางเว็นเคยขึ้น  กลางคืนเคยเพียรพร่ำยามค่ำเคยหล่ำสิ่งหลิ่งเจ้าสิต่าวลา  คูหาถ้ำหนังจามรีที่เคยนั่ง  หินตั่งบ่อนเคยคาน  หินดานบ่อนเคยคู่  หินดุ้มดู้ก้อนเก่าบ่อนเคยงอย  ไผสิมาคอยหลิงเมือแลงยามแล้ง  หีนแดงทั้งหีนด้านหีนดานก้อนใหญ่ๆ  ไผสิมาหล่ำสิ่งหลิ่งเยี่ยมดังเฮานี้เด้  ให้เจ้าค่อยอยู่ดีเยอ  ฝูงแมงไม้ยูงทองฮ้องฮ่ำยามค่ำ  ฝูงหมู่ยุงและฮี้นบินแส่วสวนสน   ยามฝนฝูงแมงง่วงเรไรฮ้องสนั่น  จักจั่นฮ้องเสียงก้องทั่วไพร  ในหนห้องสายดงอนันเนก  ควายเถื่อนฝูงหมู่งัวแม่ล้านกระทิงพร้อมหมู่เมย  ตีนผาเก้ยหินแดงค้อยตลิ่ง  ทุกสิ่งฝูงหมู่หมีแฮดซ้างเสือเขี้ยวโค่งเหลือง  ฟานหมีเหมือยเหม่นเห็นลางกระฮอกด่อน  ฝูงหมู่ลิงและกระจ้อนเจียค่างบ่างชะนี  งูเหลือมลี้งูซวงเข้าสุ่ง  งูเห่าห่อมเหลือมฮ้ายแห่งหลาย  มีทั้งทำทานฮ้ายจงอางสางห่า  เต็มป่าไม้เทียวซ้นกาบเคือ  สิงดงเชื้อสิงดำเดียรดาษ  มีมากล้นคนย่ายย่อนขาม  วันนี้เฮาจักฮามไรไว้ลาไปบ้านเก่า  ฝูงหมู่พวกหมู่เจ้าให้ยืนหมั่นอยู่สู่ตัวนั้น  เนอค่อยอยู่ดีเยอ  ฝูงหมู่สะโพกน้ำบ่อนเคยอาบสรงศรี  มีบัวบานไขกาบปลีงามล้น  ประทุมทองแก้วอุบลบานพร่ำในท่าน้ำ  ตัวข้าสิต่าวลาก่อนแล้ว  ข่อยอยู่ดีเยอ  ฝูงหมู่ปูปลาแข่หอยทรายฮิมหาดกะดี  กับทั้งดุกดาดพร้อมคุณค้าวค่อเคิง  มีทั้งมังกรเกี้ยวในสระบัวลอย  ล่องหางฟาดเปรี้ยงในน้ำส่วนสน  สัปดนเล่นปูปลาหลายอย่างต่างๆ  มีมากล้นตัวข่อยสิต่าวลาก่อนแหล่ว  ค่อยอยู่ดีเยอฝูงหมู่รุกขชาติไม้สูงต่ำเลียนลำ  มีทั้งจำปีหอมดอกกะยอมยามแล้ง  แดงดวนพร้อมยูงยางขิ่นช่วย  นับบ่ถ้วนคณาไม้อยู่ไพร  วันนี้เฮาจักลาไว้ไพรสณฑ์แสนส่ำ  ฝูงหมู่ไม้ในด้าวคอยอยู่ดีแดท่อน  ค่อยอยู่ดีเยอฝูงหมู่บุปผาเชื้อมาลาดวงดอก  หอมห่วงเฮ้าบานบ้านแบ่งสี  มีทั้งดอกเกษแก้วประทุมเทศจังกร  เจียงลมเลียมสิ่งคนเลียนไว้  อันว่ามาลาแก้วหลายแนวขีนข่วย  นับบ่ถ้วนวันนี้สิต่าวลาก่อนเน้อ  บัดนี้เฮาจักลาเมือบ้านประเชไชย์แก้วกู่  เมืออยู่พู้นตอมตุ้มไพร่พล  ลาทั้งสักกุณาล้นหลายตัวเต็มป่า  กะทาข่อขุ่มเขาตู้แขกเขียว  ลางตัวขันหลายเที่ยว  ลางตัวขันมื้อสี่  นกขี่ถี่แกมหมู่แฮ้งแหลวฮ้ายผัดแห่งหลาย  นกกดแดงบินมาผ่ายซุมแซงคอก่าน  หงส์ห่านแกมเจ้าจ้องคองก้ำหล่ำหา  โกกิลาจับอยู่เทิงต้นกกกะโดนแกมนกใส่  งอยอยู่เทิงง่าไม้เสียงฮ้องส่งลาง  มีทั้งนกก่างกี้  กี้ก่างสาลิกา  นกกะทามันขันอยู่เทิงปลายไม้  สิได้ไลเมือบ้านประเชไชย์นัคคะเรศ  สิได้ตุ้มไพร่ปองครองไพร่ฟ้าเป็นเจ้าผ่านนคร  ขออย่าคำเคืองฮ้อนมาลาดวงดอก  คันแดดออกอย่าได้ห่วงเกษร  สีวอนๆอย่าได้ห่วงกาบแก้ว  บาดว่าลมพัดต้องให้บานบ้างอยู่อย่างเดิม
17  มุมนักอ่าน ลานนักเขียน / ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ / Re: รวบรวมกลอน (อีสาน) ต่างๆ เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 16:08:01
กลอนเชิญพระเวสสันดร
พอเมื่อทวยทหารกล้าราชามหาชาติ  อำมาตย์เฒ่าทวยข้าผ่องธนู  มีทั้งหมอโหรเฒ่าอาจารย์ทั้งนักปราชญ์  ผู้สามารถพร้อมเต็มพื้นแผ่นดิน  อัศวินนายม้าธนูหาญไห้ห่อ  ออกกันทูลพระบาทเจ้าไหลเข้าก่ายกอง  นับได้สิบสองอักโขเพณีล้อม  หลามไหลล้นหลั่ง  เข้าถือขันดอกไม้วอนไหว้พระยอดธรรม  อันว่าคำของข้าภายหลังตั้งแต่เก่า  ขอแก่พระบาทเจ้ากูนาข้า  โผดผายประชาชนทั้งค้ายบ่หมายคืนของเก่า  บัดนี้ขอเชิญพระบาทเจ้าเสวยสร้างสืบเมือง  เชิญเมือตุ้มสีพลีโขงเขต  ทุกประเทศน้อมของ้อเพิ่งบุญ  ฝูงหมู่ขุนนายไห่หาองค์ตรอมโศก  ขอเชิญลูกพระเจ้าเมือตุ้มไพร่พล  อย่าได้กังวลยุ่งกินกลอยอยู่ในป่า  หาหัวมันและลูกไม้ในถ้ำเถื่อนเขา  เชิญเจ้าเมือกินเข้าพาคำเกลี้ยงกล่อม  มีทั้งปลาปิ่นปิ้งประสงค์จ้ำแจ่วบอง  มีทั้งของกินพร้อมโภชนังบ่เขินขาด  หรือหากว่าพระสิตัดขาดเชื้อเสียถิ่มชาติพระองค์  เชิญพระคืนเมือสร้างหอปรางค์ผาสาด  มุงมาดเหลี่อมคำแก้วก่ายกอง  เชิญพระนี้เมือเสวยสร้างหกพันนางน้อยหนุ่ม  มีทั้งนมตุ้มตั้งสาววังมีมาก  เขากะคอยถ่าเจ้าจอมสร้อยสิต่าวคืนดอกนา  ขอพระคืนเมือห้องประเชไชย์ตุ้มไพร่  เชิญทั้งลูกสะใภ้นางหล้ามิ่งมะทรี  อย่าได้ยินดีด้วยดอมไพรในป่า  เจ้าสิละแม่ป้าลาแม่เลี้ยงพงษ์เชื้อเผ่าสกุล  เชิญพระไลเสียถิ่มศาลาแก้วกู่เมือ  อยู่สร้างปราสาทกว้างประดับแก้วมิ่งมณี  เชิญพระนี้คืนเมืองบ้านไลสถานแฮมป่า  เชิญเจ้าละแผ่นผ้าผืนหยาบคาคีง  เมือทรงสร้างวัตถาพรบ้านเก่า    พวกเผ่าเชื้อสิยอให้ยื่นถวาย  เชิญเจ้าลาป่าไม้ไลพากสักกุนา  เมือเสวยความสุขอยู่ปรางค์แสนชั้น  บ่สมบ่ควรเจ้าสิมาแสวงดั้นกินมันอยู่ในเถื่อน  ทุกข์ยากเยื้อนพงษ์เชื้อกะบ่มี  บ่สมบ่ควรเจ้าสิมาทรงสร้างบรรพชาทรงเพศ  เครื่องพระเวสเจ้าให้ไลถิ่มบ่เอา  บ่สมบ่ควรพระสิไลลาเข้ามากินมันเผือก  บ่สมบ่ควรพระสิละแผ่นผ้าผืนตุ้มค่าคำ  มาทรงสร้างหนังเสือหุ้มห่อ  พระบ่สมบ่ควรพระสิละยอดฟ้ามาซ้นผู้อื่นดี  ปิตตาไท้สญชัยพระยาพ่อ  คิดโศกเศร้าคนิงเจ้าสู่วัน    บ่สมบ่ควรพระสิไลลาถิ่มพงษ์พันธ์พี่น้องเก่า  บ่สมบ่ควรพระสิละเผ่าเชื้อหนีไปซ้นผู้อื่นดีดอกนา  เชิญพระนี้เมือเป็นแก้วครองนครตุ้มไผ่  ให้คิดเห็นไพร่ฟ้าหลายล้นกว่าสู่แนว  อันว่าเป็นพระยานี้ใจดีให้เว้าง่าย  เชิญเจ้าเมือหย่างย้ายก่ายบ้านผ่านนคร  แสนอาวรณ์แกมความเศร้าความเหงาแกมความโศก  วิโยคยั้งแก่ข้าหลายล้นอั่งมะโน  ขอแก่องค์พุทโธเจ้าใจเบาให้เว้าง่าย  บายของขันดอกไม้เชิญเจ้าให้ต่าวเมือ ฯ
18  ชมรมสืบสานตำนานบูรพาจารย์สายสำเร็จลุน / หลวงปู่ญาถ่านคล้าย อธิเตโช / Re: พระครูสุนทรมงคลวัฒน์ หลวงปู่คล้าย อธิเตโช (ญาท่านคล้าย) เมื่อ: 23 มกราคม 2557, 21:46:26
พระผู้ปฏิบัติดีสมควรแก่การกราบไหว้บูชาอีกรูปหนึ่งครับ
19  มุมนักอ่าน ลานนักเขียน / ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ / Re: รวบรวมกลอน (อีสาน) ต่างๆ เมื่อ: 22 มกราคม 2557, 07:02:07
พรมน้ำพุทธมนต์ไล่เคราะห์
เคราะห์มื้อเซ้าเป็นเขาคือควาย  เคราะห์ยามสวยเป็นหางคือม้าเป็นขาคือมั่ง  เคราะห์เสียงดังดั่งฟ้าเดือนห้าผ่าหิน  เคราะห์ก้อมๆกิ้นๆให้ซ้างไล่เสือหยุม  ให้เสือกัดเสือกุมอย่าได้ยังหนังซิ้น  เคราะห์เจ้าวินเวียนหน้าตามัวตัวสั่น  เคราะห์เจ้าฝันว่าซ้างมันง้างแกว่งงวง  ไล่ไปอยู่โคกกว้างเป็นหมู่กับเสือ  เคราะห์เจ้าฝันเห็นเฮือเพิ่นนินทาท้วง  เคราะห์ทั้งปวงซุมนี้ให้ไหลลงลอยเหวิ่น  ไหลลงเวินหาดแก้งให้ไปค้างอยู่เขื่อนมูล  ให้ไปค้างอยู่พุ้นน้ำเขื่อนเมืองโขงเจียม  เตรียมกันลงลอยวังอย่าได้ยังเหลือไว้  ไหลลงไปทางพู้นเมืองพิบูลปากอ่าว  เคราะห์โตยาวกะให้ไปอยู่หั่น  เคราะห์โตสั่นกะให้ไปอยู่พู้นอย่ามากลั้วหมู่คน  อย่ามาปนอย่ามาเปื้อนวนเวียนให้หยับออก  บอกให้หนีตีให้ฟ้งไล่ให้ลงหล่องน้ำสามมื้อจั่งให้ฟู

บุญบาป
ในสากลโลกนี้มีแต่บาปกับบุญ  คันสิปุนกันมาบาปหลายบุญน้อย  มีทั้งแขวนมีทั้งห้อยบ่เพียงกันเสมอส่ำ  บาปนั้นโตสีดำ  บุญนั้นขาวสะอาดแจ้งบ่แดงเนื้อด่างดำ  บาปนั้นเปรียบดังน้ำตมขุ่นบ่มีใส  ทานมัย  ศีลมัย  ได้แก่ทานเป็นต้น  คนทำบุญนั้นมีน้อยวอยไปแต่ทางบาป  ตายแล้วอาบน้ำฮ้อน  บุญบ่ต้อนส่งส้วนบ่มีมื้อว่าสิเย็น  เห็นบุญแล้วอยากเว้นเห็นบาปจึงถามหา  อวิชชาปกคลุมให้มืดมัวตัวดื้อ  ถือโทสะโมหะเป็นทางหมั่นหันไปทำแต่กรรมชั่ว  มีแต่มืดแต่มัวเห็นพระจั่วย่างเข้าบ้านกลัวย้านย่างบักหัน  บอกเข้าวัดว่านั้นย้านแต่พระกินบี  มาทำดีกันสา มาทำบุญทำทานจึงสิคลายหายฮ้อน  บ่อนมันขาวเซาทางขุ่นหุ่นคือบุญกินเกลี้ยงหมิ่นหลิ่นเฮาเอาบุญเอาศิลเป็นที่ล้าง  ยังสิเกลี้ยงตื่มขาว
20  มุมนักอ่าน ลานนักเขียน / ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ / Re: รวบรวมกลอน (อีสาน) ต่างๆ เมื่อ: 22 มกราคม 2557, 05:51:17
มีความคล้ายกันครับ ผมว่าผญาเป็นภาษิต คำสอน ข้อความอาจจะสั้นหรือยาว แต่ลึกซึ้งจับจิต  ส่วนกลอนจะกล่าวเป็นเรื่องราว (ตอบแบบงูๆปลาๆ)
ที่ท่านได้อ่านในกระทู้นี้ผมบ่ได้แต่งเองเด้อครับ wan-e002 เจอในหนังสือเล่มหนึ่งเลยนำมาพิมพ์เผยแพร่ wan-e016 ไผมักกะหัดท่องเอาเด้อครับ มีเวลาจะคัดลอกมาลงไว้อีก
21  มุมนักอ่าน ลานนักเขียน / ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ / Re: รวบรวมกลอน (อีสาน) ต่างๆ เมื่อ: 21 มกราคม 2557, 13:55:41
พรมน้ำพุทธมนต์ไล่ผี
น้ำบ่อนี้น้ำบ่อใสเย็น  น้ำบ่อนี้เป็นน้ำบ่อแก้ว  สรงเจ้าแล้วเข็ญเคราะห์ดับหาย  ผีหน้าลายให้ไปอยู่ถ้ำ  ผีเงือกน้ำอย่าได้มาซูน  ผีบ่คูณให้ผีขาห่าน  ผีบ่ย่านให้ผีตาโล  พุทโธผีตาโลให้ย่าน  ธรรมโมผีขาห่านให้สูญ  สังโฆผีบ่คูณให้ป่วย  ผีอยู่ห้วยให้ไปอยู่ภูผา  ผีอยู่นาอย่าได้มากินไก่  ผีอยู่ไฮ่อย่าได้มากวน  ผีอยู่สวนเห็นเจ้าให้ไหว้  ผีโตฮ้ายเห็นเจ้าให้ให้ยอม  ผีโตผอมเห็นเจ้าให้แล่น  ผีหัวแก่นเห็นเจ้าให้กลัง  ผีกินงัวให้ผีฮ้อนไส้  ผีกินไก่ให้ผีเป็นซาง  ทางผีนำ ถ้ำผีอยู่ ภูผีปู่ดงหลวงดงลานพู้นเด้อ
22  มุมนักอ่าน ลานนักเขียน / ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ / Re: รวบรวมกลอน (อีสาน) ต่างๆ เมื่อ: 21 มกราคม 2557, 13:54:23
ประพรมน้ำพุทธมนต์อันวิเศษ
น้ำอันนี้ได้มาแต่เมืองแถน  มาแต่แดนอินทราทิราช  ประสาทให้ผายโผดเมืองคน  เป็นน้ำพุทธมนต์อันวิเศษ  สรงเกล้าเกศให้เจ้ายืนนาน  ผีและมารอย่าได้มาส่อง  ผีห้วยฮ่องอย่าได้มาดู ฝูงผีภูอย่าได้มาใกล้  ฝูงผีไท้อย่าได้มาทำ  ผีงักงำอย่าได้มาจอบ  ฝูงผีปอบอย่าได้มาพาล  พุทโธกำจัด  ธัมโมกำจัด  พุทโธปัดสิ่งฮ้าย  ธัมโมย้ายหล่องหนี  สังโฆตีขับไล่เคราะห์  ให้ไปเคราะห์ไม่ไผ่ลำแมง  ให้ไปแดงไม้แกลำแก่น  ฟ้าฮ้องแฮ่นดังเปี้ยๆ  เคราะห์โตถ่อแม่เสืออย่าอยู่ข้าง  เคราะห์โตถ่อแม่ซ้างอย่าอยู่แขวน  หยับออกแสนพันโยชน์  หยับออกโกฏิพันไมล์  หยับออกไกลเก้าตื้อ  เก้าหมื่นมื้อให้หยับหนี  ขอให้สุขสวัสดีด้วยลาภยศทุกตนทุกคน เทอญ
23  มุมนักอ่าน ลานนักเขียน / ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ / Re: รวบรวมกลอน (อีสาน) ต่างๆ เมื่อ: 20 มกราคม 2557, 17:23:52
โลกของคน
โลกของเฮามีหนาวฮ้อนดินดอนมีแห้งสุ่ม  หนาวยังหาผ้าตุ้มฮ้อนยังหาอาบน้ำสรงล้างเหื่อไคร  ไฟตัณหาลามไหม้สิเอาหยังมามอด  หยอดน้ำลงกะแห้งฮ้าย  ฟายน้ำดับกะแห่งฮ้อน  สิเอาน้ำบ่อนจั่งได๋   บ่อนสิมามอดได้กะมีแต่ศีลธรรม  ดำสิกลายเป็นขาวบ่อนยาวสิเป็นสั้น  ตัณหาคนเฮานั้นฟืนไฟกะบ่ท่อ  ก่อให้เกิดเป็นไฟมีโลภะโลภไว้ตัณหาไหม้จี่เผา  จึงได้ฮ้อนอูดเอ้าเผาจี่ใจคน  เกิดสับสนจนวนวายอยากลื่นกลายชาวบ้าน  ทางในผลาญเผาไหม้ใจคนให้ฮ้อนเฮ่ง  เก่งกว่าไฟไหม้ฟ้ากล้ากว่าหินก้อนล้าน มันผลาญไหม้ระหว่างใจ  เอาศีลธรรมห้ามเอาไว้ยังสิซ่อยบรรเทา  อย่าได้เมาตัณหาอย่าได้พาความหลง พุทธองค์ทรงห้าม  ลามคือไฟใจมันฮ้อนนอนคืนกองอยู่ล่องหล่อง  กิเลสพาให้หมองกองทุกข์พาให้เศร้า มันเลยเอ้าเข้าใส่กัน
24  มุมนักอ่าน ลานนักเขียน / ปรัชญาพาที กวี ธรรมะ / รวบรวมกลอน (อีสาน) ต่างๆ เมื่อ: 20 มกราคม 2557, 15:25:12
พรพุทโธ
สาธุ?.พุทโธให้มาบัง  ธรรมมังให้มาหุ้ม  สังโฆให้มาคลุมให้มาตุ้มมาต่อม  คุณพระธรรมให้แวดล้อมหอมกลั้วทั่วกัน  ยามเจ้ายัวระยาดย้ายพระธรรมก่ายนำบัง  พระสังฆังให้นำมองส่องแนมนำส้น  สัพปะทนคือศีลแก้วแนวบังกั้งฮ่ม  ม้มจากโลกนี้แล้วให้ไปขึ้นสู่สวรรค์  ให้ได้เนาว์อยู่ชั้นเมืองใหญ่ดาวดึงค์  เป็นผู้หลิงแลมองมนุษย์คนภายพื้น  อายุยืนยาวหมั่นจนว่าหลานลืมจื่อ  ชื่ออยู่ในฝั่งฟ้า  ส่าอยู่ในโลกนี้ให้มีเจ้าผู้เดียว  ทานพลูพันหมากเคี้ยวให้บุญเกี่ยวสายดึง  ขึงเป็นสายยนต์ยานจ่องเมือเมืองฟ้า  เทวดาให้มาหุ้มคลุมปองคองหล่ำ  ยามทานค่ำบุญเจ้าให้ถ่อควาย   ทานยามสวยบุญเจ้าให้ถ่อซ้าง  ทางเทียวนาให้เป็นแก้วแนวหินอ่อน  เลี้ยงควายด่อนให้เกิดเป็นเขาคำ  เลี้ยงควายดำให้เกิดเป็นเขาแก้ว  หมาหรือแมวอย่าสิอ้อนวอนแอ่วแนวใดๆ  อย่าสิว่างทางข้าวให้อั่งฉาง 
25  ห้องพระ / หลวงปู่มั่น ทัตโต / Re: รบกวนหน่อยครับ รุ่นแรกแท้หรือเก๊ (ลงรูปใหม่ครับ) เมื่อ: 08 มกราคม 2557, 15:47:06
ท่านทิดอ้วน  แน่นมากครับ wan-e042
26  ชมรมสืบสานตำนานบูรพาจารย์สายสำเร็จลุน / หลวงปู่ญาถ่านตู๋ ธัมมสาโร / Re: ญาท่านตู๋ (อาจารย์ตู๋) กะไหล่ทอง ห่วงเชื่อม เหรียญแห่งตำนานเมืองอุบล! เมื่อ: 04 มกราคม 2557, 05:11:23
มีกะเขาเหรียญหนึ่ง เก็บไว้บูชาครับ
27  หมวดทั่วไป / ข่าวสารของทางชมรมฯและพูดคุยเรื่องทั่วไปสัพเพเหระ / สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๗ เมื่อ: 31 ธันวาคม 2556, 20:29:05
สวัสดีปีใหม่ครับ สมาชิกทุกท่าน 
28  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์รวมจังหวัดอุบลราชธานี,ศรีสะเกษ,ยโสธร,อำนาจเจริญและมุกดาหาร / Re: พระครูอินทปัญญาโสภณ (สงวน อินทปัญโญ) เมื่อ: 28 ธันวาคม 2556, 06:48:58
วัตถุมงคลของท่าน
29  ชมรมสืบสานตำนานบูรพาจารย์สายสำเร็จลุน / หลวงปู่ญาถ่านคล้าย อธิเตโช / Re: พระครูสุนทรมงคลวัฒน์ หลวงปู่คล้าย อธิเตโช (ญาท่านคล้าย) เมื่อ: 25 ธันวาคม 2556, 06:03:59
ประวัติ โดยย่อ พระครูสุทรมงคลวัฒน์ หรือ หลวงปู่คล้าย อธิเตโช วัดศรีสุมังคลาราม (วัดบ้านกระเดียน) อ. ตะการพืชผล จ. อุบลราชธานี
พระมหาเถราจารย์ศิษย์เอกหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ เจ้าตำหรับวิชา ?พระโมคคลัลาน์ต่อกระดูก? หรือ ?หนุมานประสานกาย?
หลวงปู่คล้าย อธิเตโช นามเดิมว่า คล้าย อานนท์ บิดาและมารดา ชื่อ พ่อวัน แม่ลาย อานนท์ ช่วงประถมวัย ท่านได้เรียนหนังสืออยู่ที่ โรงเรียนบ้านดอน ต.ตากแดด อ.ตระการพืชผล ด้วยอุปนิสัยที่ไม่ชอบซุกซนเหมือนเด็กทั่วไป เวลาอยู่ที่โรงเรียนก็มักจะปลีกตัวอยู่คนเดียวในสถานที่อันสงบ แม้ในบางครั้งมีเหตุทะเลาะกันในหมู่เพื่อนๆเด็กๆ ท่านก็จะนิ่งไม่ปริกปากโต้เถียงอันใด ท่านศึกษาจนจบประถมศึกษาปีที่ 4 พร้อมกับการถูกกลั่นแกล้งที่ดูจะหนักข้อขึ้นทุกที หนักที่สุดคือกล่าวร้ายให้ท่านว่า ?เด็กชายคล้ายเป็นปอบ? เสียงลือเริ่มหนาหูขึ้น ชาวบ้านบางคนเชื่อ และเริ่มหวาดกลัว สังคมเริ่มบีบคั้น ขนาดถึงกับจะไล่ออกจากหมู่บ้าน และจะนำหมอผีมาปราบ พ่อแม่ของท่านก็หนักใจ สงสารลูกชายมาก เพราะด้วยวัยเพียง 13 ปี โดนข้อกล่าวหาแบบนี้มันช่างรุนแรงเกินไป จนวันหนึ่งชาวบ้านได้ท้าทายบิดาและมารดาของท่านว่า ถ้าแน่จริงให้นำตัวเด็กชายคล้าย ไปทำพิธีไล่ปอบกับหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ โสภิโต เจ้าอาวาสวัดสระกุศกร พระมหาเราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาพุทธาคม ลูกศิษย์บรรพชิตสายวิชาสำเร็จลุนแห่งนครจำปาสัก ผู้ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ
ในใจของบิดาและมารดาของท่านก็อดกลัวอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความที่ท่านอยากช่วยบุตรชายจึงตอบตกลง เพราะรู้อยู่ในใจอยู่แล้วว่าบุตรท่านไม่ได้เป็นปอบ ชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งด้วยความร้อนใจจึงนำเรื่องเด็กชายคล้ายเป็นปอบ ไปกราบเรียนให้หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ ได้ทราบ ซึงท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ให้นำพาเด็กชายคล้ายมากราบได้ เล่ากันว่าเมื่อคณะผู้นำพาเด็กชายคล้าย วัย 13 ขวบไปกราบหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ นั้น เมื่อเด็กชายคล้าย ได้คลานเข่าเข้าไปกราบลงตรงหน้าหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ โดยที่ไม่ได้กล่าวคำใดๆออกมา หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์เพ่งมองเด็กชายคล้ายด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยเมตตาอย่าง ยิ่ง ก่อนที่ท่านจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ก็ดัง พอที่ให้คนซึ่งนั่งอยู่ในที่นั้นจะได้ยินกันทั่วว่า ? ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเข้ามาบวชเป็นลูกเณรในพระศาสนาแล้วนะ? ชาวบ้านในที่นั้นไม่อาจจะเข้าใจเท่าใดนัก จนกระทั่งหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์กล่าวต่อไปว่า?มาบวชอยู่กับพ่อนะ? ท่านยังได้กล่าวต่อไปอีกให้ชาวบ้านหายแคลงใจว่า? พวกโยมไม่รู้อะไร เด็กคนนี้มีบุญบารมีที่สะสมไว้มามากนัก ใครกล่าวหาลูกชายฉันว่าเป็นปอบอีกจะเป็นการสร้างบาปกรรมโดยไม่รู้ตัว?
จากนั้นไม่นานหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ก็เอ่ยปากขอเด็กชายคล้าย อานนท์ จากนายวันและนางลาย ผู้เป็นพ่อและแม่ว่า ? ลูกชายโยมคนนี้อาตมาขอเถอะนะขอให้มาบวชเป็นเณรอยู่กับอาตมา อาตมาจะอบรมสั่งสอนข้อวัตรปฏิบัติแก่เขาเอง โยมทั้งสองจงอนุโมทนาบุญนะ? เมื่อได้ยินคำขอจากหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ ก็ได้นำพาความตื้นตัน ปลื้มปิติ ให้แก่บิดาและมารดาของท่าน ด้วยกุศลบุญบารมีที่สะสมมา เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกบรรพชาเพื่อถือครองเพศสามเณรก็มีเหตุให้ต้องมีเรื่อง ราวถูกกล่าวหา เพื่อชักนำให้เข้าสู่ร่มเงาพระพุทธศาสนาโดยเร็ว เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งนายวันละนางลาย บิดาและมารดาหลวงปู่คล้าย ก็ได้นำลูกชายวัย 13 ย่าง 14 ขวบ เดินทางไปที่วัดสระกุศกร เพื่อให้หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ โสภิโต เจ้าอาวาสวัดสระกุศกร สมัยนั้นได้ประกอบพิธีบวชสามเณรให้ แต่ครั้นเมื่อเดินทางไปถึง หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ กับบอกกับพ่อวันและแม่ลายว่า ?ลูกของโยมคนนี้อาตมาก้ได้กล่าวคำขอให้เป็นลูกฉันแล้วนะ ดังนั้นฉันจะไม่เป็นผู้บวชให้หรอก จะนำไปมอบให้ท่านอุปัชฌาย์เหิ่ม วัดศรีพลแพง บวชให้นะ ไม่ต้องเป็นห่วง? จากนั้นหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ก็ได้นำพาคณะญาติโยมพ่อวันแม่ลายและเด็กชายคล้าย อานนท์ มุ่งหน้าไปที่วัดศรีพลแพง ต. โนนกุง อ. ตระการพืชผล และได้บวชกับพระอุปัชฌาย์เหิ่ม ในวันเสาร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 12 ปี ขาล ตรงกับวันที่ 5 พฤศจิกายน 2481
ในขณะที่คนส่วนใหญ่ต่างชื่นชมยินดีเมื่อเห็นอาจารวัตรของสามเณรคล้าย ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สามเณรน้อยศิษย์หลวงพ่อญาท่านฤทธิ์รูปนี้น่าเลื่อมใสนัก.....แต่ก็ยังมีไอ้ คนใจบาป พวกหมู่มารที่ตามผจญ พยยามหาคำมานินทากล่าวร้ายป้ายสีให้สามเณรคล้าย อานนท์จนได้ โดยบอกว่า ?ถึงจะบวชเป็นเณรแล้วก็ยังเป็นปอบ คิดดูเอาเถอะแม้แต่พ่อท่านฤทธิ์ยังไม่บวชให้ ? การปล่อยข่าวลือดูเหมือนจะเป็นผล เพราะเรื่องใส่ร้ายป้ายสีนี้ก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งมีคนนำเรื่องนี้ไปฟ้องหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ และถามท่านว่าทำไมยังให้สามเณรคล้าย อาศัยอยู่ในวัดนี้ ท่านจึงถามกลับว่าใครเป็นคนบอก ผู้ฟ้องก็บอกว่าเขาบอกต่อๆกันมา ท่านจึงว่าใครเป็นผู้บอกให้นำตัวผู้นั้นมายืนยัน สุดท้ายท่านก็ได้หลุดปากออกไปว่า ?ต่อไปนี้ใครที่มันใส่ร้ายลูกเณรของข้ามันผู้นั้นจะปากเหม็นปากเน่า เพราะมันสร้างกรรมกับสามเณรลูกศิษย์ของข้าผู่มีศีลบริสุทธิ์? จากนั้นมา มีคนที่เป็นโรคประหลาดปากเปื่อยส่งกลิ่นเหม็น บางคนไปรักษาด้วยหยูกยาที่ไหนหมอไหนที่ว่าดี ก็ไปหมดแต่อาการปากเน่าก็ไม่หาย สุดท้ายได้เดินทางมากราบหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ เพื่อขอความเมตตาให้ท่านช่วยรักษาด้วยน้ำมนต์ให้
หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ มองหน้าผู้ถือขันดอกไม้ เพื่อมาให้รักษาอาการปากเน่าเปื่อยด้วยสายตาแปลกๆ สักอึดใจท่านก็กล่าวขึ้นว่า ? เราไม่มีวิชารักษาคนปากเน่าดอก เพราะไม่ได้ร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์? ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะท่านรักษาคนแต่เฉพาะโรคกระดูก ผู้มาขอการรักษาก็ไม่ลดละ บอกว่าเสียเงินทองไปรักษามามากมายก็ไม่หายเห็นแต่จะมีเพียงหลวงปู่ ญาท่านฤทธิ์เท่านั้นที่จะพอช่วยได้เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่านก็พูดขึ้นว่า ?โรคของโยมไม่มีหมอใดในโลกนี้รักษาให้หายดอก นอกจากสามเณรน้อยลูกชายของฉัน?
คนปากเน่ามีสีหน้าแววตาสดใสขึ้นเพราะมีหัวงว่าจะหายจากโรคนี้ที่เจ็บปวด ทรมาน จึงรีบกราบเรียนถามท่านว่า สามเณรลูกชายของหลวงปู่รูปนั้นตอนนี้อยู่ที่แห่งใดตนจะรีบขอให้สามเณรได้มา รักษา หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ชี้มือไปพร้อมกับบอกว่า ?โน่นไง..สามเณรน้อยที่กำลังยื่นกวาดลานวัดอยู่นั้น? พอสิ้นคำของหลวงปู่ อาการของคนปากเน่าสะดุดเหมือนกับลังเล ?เอ้อ..สามเณรที่พวกเองใส่ความว่าเป็นปอบนั้นแหละ รู้ไหมโรคนี้มันเกิดขึ้นเพราะวจีกรรมของพวกโยมที่บังอาจจาบจ้วง สามเณรที่มีศีล หากอยากหายก็ไปให้เณรช่วย แต่หากยังถือมิจฉาทิฐิต่อไปก็รับกรรมนี้ต่อไป? กล่าวจบหลวงปู่ท่านก็ลุกจากอาสนะเดินไปทำกิจอื่นๆของท่าน ผู้เฒ่าหลายท่านยืนยันว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นจริง และบางคนที่มีอาการ?ปากเน่าเหม็น?ไปกราบและขอน้ำพระพุทธมนต์จากหลวงปู่ญา ท่านฤทธิ์ ท่านก็จะบอกให้นำขันดอกไม้อันถือเป็นเครื่องสักการะไปถวายสามเณรคล้าย หลายรายทำตามปรากฏว่า หนึ่งวันอาการเน่าก็เริ่มแห้ง สามวันแผลที่ปากจะแห้งผากแต่ยังส่งกลิ่นเหม็น เจ็ดวันเป็นอันหายขาดสนิท แต่ก็มีบางรายที่ป่วยเป็นโรคปากเน่าจนตาย เหตุเพราะเขาคนนั้นมีมิจฉาทิฐิอันแรงกล้าจึงไม่อาจจะก้มลงกราบขอขมาสามเณร น้อยที่ตนใส่ร้ายป้ายสีได้ จึงยอมเดินกลับไปบ้าน หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ ถึงกับรำพึงออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผสมความสังเวชใจว่า ? คนโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ ถือดีเพราะมิจฉาทิฐิเป็นใหญ่ เมื่อตายไปอบายภูมิเท่านั้นจะเป็นหนทางให้เดิน เขาให้โอกาสกลับไม่ยอมแก้ไข?
จากนั้นมาสามเณรคล้าย อานนท์ ก็ดำรงตนครองเพศสามเณรศึกษาร่ำเรียนท่องบ่นบทพระพุทธมนต์โดยได้อุปฐากรับใช้ หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์มาโดยตลอด ครั้นอายุของสามเณรคล้าย ครบ 20 ปี หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ ก็ได้นำสามเณรคล้าย อานนท์ ผู้เป็นลูกศิษย์ไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสำนักของพระอุปัชฌาย์เหิ่ม สุจิตโต วัดศรีพลแพง ต.โนนกุง อ.ตระการพืชผล เมื่อวันอังคาร แรม 11 ค่ำเดือน 7 ปีระกา ตรงกับวันที่ 5 มิถุนายน 2488 ท่านได้ฉายาทางธรรมว่า? อธิเตโช? ท่านหลวงปู่อุปัชฌาย์เหิ่ม สุจิตโต ท่านได้เปรยให้หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ ทราบว่า ?เณรลูกศิษย์ญาท่านฤทธิ์องค์นี้มิใช่ ธรรมดา เดชะกล้ายิ่ง? หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ จึงสอบถามว่า?ทำไมล่ะท่านถึงกล่าวเช่นนั้น? ท่านตอบว่า ?ก็เพราะเณรองค์นี้เป็นลูกศิษย์คู่บุญคู่บารมีของหลวงพ่อญาท่านฤทธิ์นะสิ? หลวงปู่พระอุปัชฌาย์เหิ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงพอใจ ?เอาล่ะเมื่อพระอาจารย์นามว่าฤทธิ์ศิษย์ผู้นี้จะต้องมี ?เดช? ผมจะตั้งนามฉายาให้ว่า ?อธิเตโช? นะญาท่านฤทธิ์เห็นว่าเป็นเช่นใด? หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์กล่าวเพียงสั้นๆว่า ? ผมมอบหน้าที่นี้ให้ท่านแล้วก็ขอจงดำเนินการสงเคราะห์เณรผู้เป็นลูกศิษย์ของ ผมตามสมควรแก่ธรรมวินัยเถิด?
เรื่องความเคารพเลื่อมใสในฐานะที่หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์เป็นครูอาจารย์นั้นไม่ ต้องพูดถึง ต่างยกย่องเชิดชูอาจารวัตรของหลวงปู่คล้าย อธิเตโช ว่าท่านคือลูกศิษย์ใกล้ชิดและมีโอกาสศึกษาวิทยาคมและแนวทางการปฏิบัติจาก หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์มากกว่าใคร
เมื่อครั้งที่หลวงปู่คล้ายยังเป็นพระภิกษุหนุ่มเป็นผู้ที่ทรงธรรมภูมิความ รู้ มีความสามารถเป็นที่เคารพเลื่อมใสของสาธุชนทั่วไป เคยมีชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นเห็นว่าท่านน่าจะย้ายวัดจากวัดสระกุศกรไปดำรง ตำแหน่งทางการปกครองคณะสงฆ์ทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส จึงได้กราบอาราธนาให้ท่านไปครองวัดอื่น แต่หลวงปู่คล้ายก็ไม่เคยรับนิมนต์เลยสักที
ตามคติโบราณท่านกล่าวว่า การศึกษา วิทยาคมนั้นเป็นวิชาอันละเอียดอ่อนมาก หากไม่มีพื้นฐานและรู้ลึกด้านศาสตร์พิธีกรรมซึ่งจะต้องผ่านการพร่ำสอนอบรม จากครูบาอาจารย์ผู้ที่เชี่ยวชาญมาเป็นอย่างดีแล้วก็ยากที่จะสามารถร่ำเรียน วิทยาคมให้สามารถนำไปใช้ได้ผลได้
หากจะพูดถึงการศึกษาเล่าเรียน ไม่ว่าจะเป็นด้านปริยัติ ข้อปฎิบัติ รวมไปถึงสรรพวิทยาคมต่างๆของหลวงปู่คล้าย ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่ฤทธิ์โสภิโต นั้นนับว่ามากมายเหลือเกิน โดยใช้เวลาในการศึกษาเล่าเรียนอยู่กับหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์นั้นตั้งแต่ปี 2481 เรื่อยมาจวบจนกระทั่งหลวงปู่ญาท่านฤทธิ์ได้มรณภาพเมื่อปี 2524 ดังนั้นหากจะนับวันเวลาที่หลวงปู่คล้ายได้อยู่อุปฐากปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ ญาท่านฤทธิ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์ของท่านนับว่าเป็นเวลาอันยาวนานไม่น้อยกว่า 43ปี จึงเป็นที่เชื่อได้ว่าวิทยาพุทธาคมที่หลวงปู่ญาท่านฤทธิ์มีอยู่ทั้งหมดคงได้ ถ่ายทอดให้แก่หลวงปู่คล้าย อธิเตโช ผู้เป็นศิษย์เอกอย่างไม่ปิดปัง
?วิชาหนุมานประสานกาย?หรืออีกนัยหนึ่งเรียก?วิชาพระโมคัลลาน์ประสานกระดูก? แต่คนในท้องถิ่นมักจะเรียกกันว่า ?วิชา จอดกระดูก? คือการทำพิธีใช้น้ำพระพุทธมนต์และการสาธยายบทพระคาถาทำให้กระดูกที่หัก สามารถกลับเข้าไปติดต่อกันได้ โดยไม่ต้องให้คนขาหักแขนหักต้องเข้าเฝือกเหมือนกับวิทยากรสมัยใหม่แต่ประการ ใด.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อุบลคณาจารย์พระเครื่อง  http://www.ubonamulet.com/
30  ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์รวมจังหวัดอุบลราชธานี,ศรีสะเกษ,ยโสธร,อำนาจเจริญและมุกดาหาร / Re: พระครูอินทปัญญาโสภณ (สงวน อินทปัญโญ) เมื่อ: 24 ธันวาคม 2556, 19:21:22
เริ่มก่อสร้างวัดขุมคำ  ตำบลแก่งเค็ง  พอเริ่มสร้างวัดก็สร้างพระเจ้าใหญ่  วางศิลาฤกษ์วันที่  17  มกราคม  2507  ขึ้น  3  ค่ำ  เดือน  3  ซึ่งมีนายสี  โกมลศรี  เป็นช่างฝีมือผู้ออกแบบ  พร้อมด้วยประชาชนชาวบ้านฟ้าห่วน  บ้านตาดโตน  บ้านศรีสมบูรณ์  บ้านแหลมทอง  และแรงศรัทธาของประชาชนทั้งสองอำเภอ  คืออำเภอตระการพืชผล  มีพระครูบุญสารวิสุทธิ์  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  อำเภอเขมราฐมีพระครูเขมราฐเมธี  เจ้าคณะอำเภอเขมราฐเป็นประธาน  ได้นำญาติโยมร่วมทำบุญทอดผ้าป่าเพื่อเป็นทุนสมทบในการก่อสร้างพระเจ้าใหญ่  
วิทยฐานะ   พ.ศ. 2483  สำเร็จวิชาสามัญชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  จาก  ร.ร.ประชาบาลวัดฉิมพลี  บ้านนางิ้ว  ตำบลสะพือ  อำเภอตระการพืชผล
พ.ศ. 2516  สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก  สำนักศาสนศึกษาวัดโนนรังน้อย  ตำบลยางโยภาพ  อำเภอม่วงสามสิบ
งานด้านการปกครอง   พ.ศ. 2527  ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปฐมวัน  บ้านหนองทันน้ำ  ตำบลหนองทันน้ำ
พ.ศ. 2527  ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลแก่งเค็ง  ต่อมาราชการมีการแบ่งแยกการปกครองท่านจึงได้มาดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลหนองทันน้ำ
พ.ศ. 2529  ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์  ตำบลแก่งเค็ง  ตำบลหนองทันน้ำ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 45
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!